WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, November 6, 2009

ด่วน...จดหมายสำคัญของ เอกอัครราชทูตกัมพูชา!!!

ที่มา thaifreenews

ด่วน...จดหมายสำคัญของ เอกอัครราชทูตกัมพูชา!!

วาทตะวัน สุพรรณเภษัช

ความล้มเหลวในการประชุมเอเชี่ยนซัมมิท ซึ่งแสดงออกโดยความไม่พร้อมเพรียงของผู้นำชาติอาเซียน ในการเข้าร่วมในพิธีเปิด ขาดชาติสำคัญไปถึง 5 ชาติด้วยกันคือ
บรูไน-ฟิลิปปินส์-มาเลเซีย-อินโดนีเซีย และที่สำคัญคือประเทศที่อาจกลายเป็น “คู่ศึก” เพราะความโง่เง่าของรัฐบาลนายอภิแสบ ภักดีโพเดียม ซึ่งผู้คนจับจ้องคือ
“กัมพูชา”
นี่เป็นบทแสดงถึงความไม่เป็นเอกภาพ และความล้มเหลว ขององค์กรอายุเข้าวัยกลางคน อย่าง “อาเซียน”
ท่าทีของผู้นำต่างชาติ ที่แสดงออกถึงความเหน็ดหน่ายต่อรัฐบาลไทย ที่ทะเลาะเบาะแว้งกับชาติเพื่อนบ้านเขาไปทั่ว จนแม้กระทั่งผู้คนในชาติ ก็แสดงการต่อต้านอย่างกว้างขวาง
ความไม่ปกติเช่นว่านั้น จึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ ต่างชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า
ทำให้การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้ นอกจากเป็นครั้งที่ไม่ประสบความสำเร็จ และไม่น่าสนใจเลย
ยิ่งไปกว่านั้น นายอภิแสบ ภักดีโพเดียม ยังได้แสดงออกถึงภาพลักษณ์ผู้นำที่ต่ำต้อยเสียจริงๆ ทั้งการควบคุมอารมณ์และคำพูด ในการโต้ตอบท่านสมเด็จ ฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการแสดงท่าทีที่ก้าวร้าว เหมือนกับท้าตีท้าต่อยอะไรทำนองนั้น ซึ่งสื่อก็ระบุว่า เป็นท่าทีที่
...แย่มาก!
มันน่าขันเหลือเกิน ที่นายอภิแสบฯ ผู้ถูกกล่าวหาจากผู้คนในประเทศว่า “หนีทหาร” แล้วบังอาจไปแสดงวาจาแบบนักเลงโตกับขุนทหารชำนาญศึก อย่างท่านสมเด็จฮุนเซน
ดังนั้น ผมจึงไม่ลังเลใจ ที่จะกล่าวว่า ในฐานะที่ไทยเป็นประธานอาเซียน นายอภิแสบฯ ได้สร้างความอับอาย ให้กับผู้คนในชาติเป็นอย่างมาก!

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2552 ทางประเทศกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ชัดเจนว่า
มีสิทธิ์ขาดที่จะปฏิเสธส่งผู้ร้ายข้ามแดน!
การที่กระทวงการต่างประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์นี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำ หลังจากที่สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเปิดเผยเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ได้จัดเตรียมที่พักให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือหาก พ.ต.ท.ทักษิณฯต้องการที่จะอาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชา
หลังจากที่สมเด็จฯ ฮุนเซ็น ให้สัมภาษณ์ไปแล้ว มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงทำหน้าที่ไอ้ห้อยไอ้โหน รวมทั้งบรรดา “จระเข้วิชาการที่หาญเหี้ย” (อย่างที่ผมอ้างไว้ในตอนที่แล้ว ทูตถ่อย...ถึง “จิ๋ว-ป๋า!!!”) หลายคน ได้ออกมาวางเขื่อง แสดงความคิดเห็นที่แนะนำท่าทีของไทยว่า
หาก พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปยังกัมพูชา รัฐบาลไทยจะต้องยื่นเรื่องให้มีการส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณฯ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่รัฐบาลทั้ง 2 ชาติได้ลงนามทำข้อตกลงกันไว้เมื่อปี 2541

ท่านผู้อ่านที่เคารพครับ
วันนี้ ผมจะลองสมมติตนเอง เป็นเอกอัครราชทูตกัมพูชา และได้รับหนังสือจากกระทรวงการต่างประเทศไทย ขอให้ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเดินทางเข้าไปตีกอล์ฟกับท่านสมเด็จฮุนเซ็นและคณะรัฐมนตรีกัมพูชา กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย
จดหมายตอบของผม คงจะเป็นอย่างนี้ครับ

ลับที่สุด

สถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา
เหม่งจ๋าย
กทม.10310

พฤศจิกายน 2552

เรื่อง ขอให้ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ของราชอาณาจักรไทย กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย
เรียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ


ตามที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขอให้เราส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ของราชอาณาจักรไทย กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ความละเอียดแจ้งอยู่แล้วนั้น

ข้าพเจ้าได้แจ้งคำขอของท่านไปยังรัฐบาลกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว ได้รับบัญชาจาก ฯพณฯ สมเด็จ ฮุนเซ็น ให้แจ้งกับท่านว่า
รัฐบาลกัมพูชาได้พิจารณาถึงระเบียบพิธีทางการทูต ตามแบบของนานานท่าอารยะประเทศ ที่ถือปฏิบัติต่อกันแล้ว ไม่มีทางพิจารณาเป็นอย่างอื่นไปได้ นอกจากจะกล่าวกับท่านว่า

1. ฯพณฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ได้รับเลือกเข้าไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แห่งราชอาณาจักรไทย โดยเสียงข้างมากจากชาวไทยอย่างท่วมท้น แต่รัฐบาลของที่ได้รับความนิยมจากประชาชน กลับถูกรัฐประหารจากคณะทหาร ซึ่งเป็น
กระบวนการที่เลวร้าย ไม่สามารถยอมรับได้ในสังคมนานาชาติ!
รัฐบาลหลังการรัฐประหาร จึงได้รับการต่อต้านจากประเทศต่างๆอย่างกว้างขวาง จนไม่สามารถดำเนินการเช่นรัฐบาลที่มาตามระบอบประชาธิปไตย เช่น การจัดซื้ออาวุธ ยุทโธปกรณ์ ซึ่งถูกปฏิเสธจากประเทศมหาอำนาจได้ เป็นต้น

2. หลังจากการปฏิวัติรัฐประหาร ได้มีการตั้งคณะบุคคลขึ้นมาทำการสอบสวน หาความผิดของ ฯพณฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับพวก ซึ่งโลกก็รับรู้ว่า
บุคคลที่ตั้งมาทำการสอบสวนนั้น เป็นปฏิปักษ์กับอดีตนายกรัฐมนตรีทั้งคณะ
การกระทำของคณะรัฐประหาร ต่อรัฐบาลของ ฯพณฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรกับพวก เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และนอกจากไม่เคารพหลัก “ศุภนิติกระบวน” (Due Process of law) เยี่ยงอารยะประเทศแล้ว ยังขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ของประเทศท่านเองด้วย นั่นคือ
คณะผู้ยึดอำนาจ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่มีใช้อยู่ในขณะนั้น (และยังมีใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน) เป็นหลักในการดำเนินคดีกับ ฯพณฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ดังนั้น คำสั่งของคณะทหาร ได้ทำลายหลักประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ของประเทศท่านลงโดยสิ้นเชิง และทั้งชั้นอัยการและศาล กลับไปยอมรับกระบวนการหรือคำสั่งอันไม่ถูกต้องนั้น ด้วยความหวาดกลัวในอำนาจของคณะทหาร ที่ปล้นอำนาจการปกครองของชาวไทยที่น่าสงสาร ไปอย่างน่าอดสูเป็นที่สุด
แม้รัฐบาลไทยจะกล่าวอ้างว่า คดีของ ฯพณฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะมีการพิจารณาในศาล แต่พลเมืองของท่านนั่นแหละทราบดีว่า
ต้นทางของกระบวนการยุติธรรม ของประเทศท่านนั้น ดันไม่มีความยุติธรรมเสียแล้ว ถึงแม้กระบวนการชั้นอัยการ และศาล จะเป็นไปตามวิธีพิจารณาของคดีปกติก็ตาม แต่เมื่อขั้นต้นของกระบวนการยุติธรรม ไม่ชอบธรรมเสียแล้ว ย่อมทำให้กระบวนการยุติธรรมเสียไปทั้งหมด เปรียบเสมือนดังว่า
ท่านแช่เย็นอาหารสดที่เน่าเสียแล้ว 1 สิ่ง ปนกับอาหารดี 2 สิ่ง ในที่สุดอาหารดีก็พลอยเน่าเสียไปด้วย!
กระบวนการยุติธรรมของบ้านท่านนั้น ก็เปรียบอาหารที่เน่าเสียทั้งหมดเช่นกัน!!

จึงไม่น่าแปลกใจ ที่บัดนี้ มีเสียงต่อต้านออกมาในทำนองว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ไม่ได้รับความเชื่อถือ แม้แต่ในประเทศของตนเอง!!!

3. ท่านรัฐมนตรีคงทราบดีว่า ฯพณฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ถูกตัดสินในคดีทุจริต แต่ศาลลงโทษตามความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช. ประเทศของท่าน ซึ่งกัมพูชาของเราไม่มีกฎหมายลักษณะเดียวกันกับประเทศท่าน
ดังนั้น การที่ไม่ส่งตัว ฯพณฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตามคำขอของท่าน ก็เป็นไปตามหลัก DOUBLE CRIMINALITIES อันเป็นหลักการสากล ในกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ที่สังคมนานาชาติยึดถือกัน

4. รัฐบาลกัมพูชานั้น แน่ใจว่า ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คงจะเข้าใจในหลักอธิปไตยของประเทศเอกราช ว่า การส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนั้น
เป็นเอกสิทธิของเราโดยแท้
ใครหรือประเทศไหน หรือแม้แต่ประเทศไทยก็ตาม จะบังอาจ “ทะลึ่ง” มาบังคับข่มขู่ประเทศเอกราชอย่างกัมพูชา โดยบอกว่าคนโน้นคนนี้เป็นผู้ร้าย ทั้งๆที่เขาไม่ได้เป็นอย่างที่กระบวนเลวร้ายของประเทศท่าน พยายามกลั่นแกล้งกล่าวหา และยกมาเป็นข้ออ้าง เพียงเพื่อจะให้เรา ส่งตัวไปดำเนินคดีในประเทศของตัวตามอำเภอใจ ในลักษณะเอแต่ได้ โดยเป็นการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน ที่สังคมระหว่างประเทศ ยึดถือกันเป็นแบบแผน นั้น
ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!

บทสรุปแห่งจดหมายนี้ ข้าพเจ้าในฐานะตัวแทนของรัฐบาลและประชาชนชาวกัมพูชา ก็มีความเห็นสอดคล้องกับชาวโลกที่เจริญแล้ว ว่า
บรรดาสรรพคดีทั้งหลายแหล่ ที่ฯพณฯ พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร ถูกยัดเยียดข้อกล่าวหา โดยคณะกรรมการปรปักษ์ องค์กรที่น่ารังเกียจ ที่แต่งตั้งคณะผู้ยึดอำนาจจากปวงชนชาวไทย (ที่บัดนี้ได้กลายเป็น “คณะมั่งมีแห่งชาติ” หรือ ค.ม.ช. เพราะตอนนี้กลายเป็นเศรษฐี มั่งคั่งกันไปทั่วถ้วนแล้ว) ซึ่งเป็นการกระทำที่น่าเกลียดน่าชังเป็นอย่างยิ่ง

จะให้ประเทศกัมพูชาและโลกที่เจริญแล้ว เข้าใจเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากสรรพคดีเหล่านั้น
เป็น “คดีการเมือง” อย่างชัดเจน!

หวังใจว่า ท่านรัฐมนตรีซึ่งเคยปากเสีย เพราะบังอาจด่าทอ ดูถูกฯพณฯ ฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศของเรา แต่รัฐบาลที่ไม่ฉลาดของประเทศไทย กลับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คงจะเก็บจดหมายนี้ไว้เป็น “ความลับ” ทั้งนี้ก็เพราะว่า

หากท่านเปิดเผยจดหมายฉบับนี้ออกไปแล้ว ไม่เพียงแต่จะเป็นที่อับอายต่อประชาชนคนไทย ซึ่งปัจจุบันก็มองรัฐบาลปัจจุบันของท่าน เป็น “รัฐบาลโลซก” บ้าง “รัฐบาลแดกได้-แดกดี” บ้าง แต่รัฐบาลไทยจะกลายเป็นตัวตลก ที่น่าขบขัน และยังจะเป็นรัฐบาลซึ่งถูกดูถูกดูแคลน โดยพลโลกทั้งปวง ในสังคมระหว่างประเทศที่เจริญแล้วอีกด้วย

ด้วยความปรารถนาดี

ลงชื่อ

( )

เอกอัครราชทูต

....................
ขอบคุณที่มาเวปไซด์ วาทตะวัน ดอทคอม www.vattavan.com/detail.php