ที่มา มติชน
คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12
โดย สุชาติ ศรีสุวรรณ
เมื่อพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ มีฐานการเมืองที่มั่นคง โดยเฉพาะในภาคใต้ แทบไม่มีใครเชื่อว่าพรรคการเมืองไหนจะเข้าไปแทนที่พรรคประชาธิปัตย์ในใจประชาชนได้
ก่อนหน้านั้น มีการประเมินว่าหลังการสร้างฐานมวลชนอย่างเป็นระบบของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ "ม็อบเสื้อเหลือง" ที่ต่อมาพัฒนาสู่การก่อตั้ง "พรรคการเมืองใหม่" เพื่อเข้ามาเล่นการเมืองในระบบจะเป็นพรรคที่แย่งฐานเสียงภาคใต้ของประชาธิปัตย์ได้
แต่หลายฝ่ายเห็นว่าการประเมินแบบนั้นเป็นการมองพรรคประชาธิปัตย์ในราคาต่ำเกินจริง
ไม่มีทางที่พรรคการเมืองใหม่จะเข้ามาแทนพรรคประชาธิปัตย์ในหัวใจประชาชนภาคใต้ ที่คนภาคใต้จำนวนมาก "ใส่เสื้อเหลืองเข้าร่วมกับม็อบ" เพียงเพราะแนวทางของ "ม็อบเสื้อเหลือง" มุ่งล้มรัฐบาลก่อนหน้านั้น เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลแทน
คนใต้ไม่ได้ยืนอยู่ด้วยความเชื่อในแกนนำม็อบเสื้อเหลือง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อสีไหนก็เปลี่ยนใจคนใต้ส่วนใหญ่ที่ภักดีกับพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้
คือเรื่องที่นักประเมินทางการเมืองเชื่อก่อนหน้านั้น
แต่ถึงวันนี้มีเค้ารางบางอย่างที่ให้กลิ่นแปลกๆ ทางการเมืองภาคใต้เสียแล้ว
เมื่อสหภาพรถไฟสั่งหยุดการเดินรถสายภาคใต้ และเกิดความขัดแย้งกับผู้บริหาร มี ส.ส.ประชาธิปัตย์บางคนเห็นว่า "ม็อบเสื้อเหลือง" หนุนหลังสหภาพรถไฟ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน
ปรากฏว่า ผู้นำม็อบเสื้อเหลืองออกมาถล่มพรรคประชาธิปัตย์เสียยับทำนองว่าโยนเผือกร้อนมาให้พวกตัว
ประเด็นที่ชวนให้ตื่นเต้นคือคำของ สุริยะใส กตะศิลา ในฐานะว่าที่เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ แกนนำคนสำคัญของ "ม็อบเสื้อเหลือง" ที่ออกมาท้าทายตรงๆ กับพรรคประชาธิปัตย์
"ขอฝากไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนายอาคม เอ่งฉ้วน และนายประมวล เอมเปีย ที่ออกมากล่าวหาพรรคการเมืองใหม่ หรือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชา ธิปไตย ว่า ถือเป็นการกระทำเพื่อประกาศการเป็นศัตรูใช่หรือไม่ หากต้องการเป็นศัตรูก็ขอให้พูดมาเลยอย่าหลบซ่อน ไม่มีใครกลัวอยู่แล้ว จะได้รู้ว่าคนภาคใต้จะเลือกใครระหว่างพรรคการเมืองใหม่กับพรรคประชาธิปัตย์"
แบบนี้ไม่น่าจะธรรมดา "สุริยะใส" เป็นแกนนำระดับวงในของ "พรรคเสื้อเหลือง" ย่อมมีข้อมูลประเภท "รู้เขารู้เรา" ไม่น้อยกว่าใคร ลองกล้าท้าทายขนาดนี้ แสดงว่ามีความเชื่อมั่นว่า ฐานเสียงภาคใต้แปรเป็นเสื้อเหลืองแท้ๆ ไปแล้วไม่น้อย
ที่น่าสังเกตก็คือ ปกติคนพรรคประชาธิปัตย์หากถูกท้าทายแบบนี้ ไม่มีทางอยู่เฉยๆ โดยเฉพาะโฆษกแบบ เทพไท เสนพงศ์ จะต้องประดิษฐ์คำมาโต้ให้เลือดพล่านกันไปข้าง
แต่งานนี้สารพัดโฆษกเงียบกริบ กระทั่ง "อาคม เอ่งฉ้วน" ที่ถูกพาดพิงยังต้องปิดปาก
ที่สำคัญทั้ง ถาวร เสนเนียม และ ชวน หลีกภัย ต้องวิ่งโร่ไปดูแล "ผู้นำสหภาพรถไฟ" จน โสภณ ซารัมย์ ที่สั่งให้เอาจริงกับพวกสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ต้องถามพรรคพวกว่า "ประชาธิปัตย์" เล่นอะไรอีก เพราะปกติคนพรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมเสียหลักการถึงขนาดนี้
"พรรคเสื้อเหลือง" มีอะไรเด็ดจึงท้าทายขนาดนั้น หนำซ้ำประชาธิปัตย์ยังออกอาการหงอเอาดื้อๆ
หรือว่า "การเมืองใหม่" ความหมายที่แท้จริงอยู่ที่การทำให้พรรคเก่าแก่อย่าง "ประชาธิปัตย์" ตกเวที
ก่อนการยุบสภา เรื่องราวของฐานการเมืองในภาคใต้ เป็นเรื่องที่ควรติดตามยิ่ง