ที่มา มติชน
เพราะเชื่อมั่นว่า สถานะมั่นคงและปลอดภัย บรรดาขุนพลพรรคประชาธิปัตย์จึงมองการเคลื่อนของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ตั้งแต่เรื่องไปยืมมือเพื่อนบ้านมาถล่มรัฐบาล และล่าสุดเป็นผู้เปิดประเด็น นครปัตตานี ว่าเป็น "มุขแป้ก" เกมเรียกก้อนอิฐมากกว่าดอกไม้ เพราะคนออกมาเดินเรื่องถูกตั้งข้อหาหนักถึงขั้นว่า "ชักศึกเข้าบ้าน"
ถึงแม้การเคลื่อนไหวของ "พ่อใหญ่จิ๋ว" จะสอดรับกับการเคลื่อนไหวแดงทั้งแผ่นดินของคนเสื้อแดง แต่ค่ายแม่พระธรณีบีบมวยผมประเมินแล้วว่า แรงบีบจากนอกสภาไม่ทรงประสิทธิภาพพอที่จะล้มรัฐบาล "ชำนิ ศักดิเศรษฐ์" ประธานวอร์รูม ถึงมั่นใจว่าอยู่ได้เลย 6 เดือนแน่นอน
แต่ก็อย่าลืมว่าหนังสือประวัติศาสตร์ได้ระบุเตือนใจไว้ว่า รัฐบาลผสมไทยมักล้มจากความขัดแย้งภายในกันเอง ..??
และเมื่อมองย้อนเข้าไป "ตรวจภายใน" พรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อดูพยาธิสภาพว่าเกิดปัญหาตรงไหนอย่างไรบ้างหรือไม่ ก็พบว่าการ "งัดข้อ" ของคู่ปรับขาประจำ ระหว่าง "ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย" ที่เห็นเป็นประจำทุกสัปดาห์ ไม่น่าเป็นห่วง
ไม่น่าห่วงเพราะ "ผู้จัดการเทพประทาน" สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยัง "กุมหัวใจ" พรรคร่วมอยู่ได้ และสามารถเดินสายเคลียร์ใจกับบรรดา "เจ้าของพรรคตัวจริง" ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
อาการอาจจะเหมือนความสัมพันธ์ร้าวฉานหนัก แต่ก็ไม่เป็นห่วงมากนัก เพราะอาการที่น่าเป็นห่วงมากกว่ากลับกลายเป็นอาการป่วยของพรรคประชาธิปัตย์เสีย มากกว่า !!
สถานการณ์ภายในพรรคสะตอที่ดูเหมือนว่าใกล้จะเกินกว่าที่มือเลขาธิการพรรคที่ชื่อ "สุเทพ" จะเอาอยู่
สภาพของการแตกคอ แตกเหล่า แยกก๊กก๊วน มีทั้งช่วงชิงการนำกันเอง และจ้องตะลุมบอนบดขยี้แม่บ้านพรรคในยามเพลี่ยงพล้ำ ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ในยุคที่มีหัวหน้าชื่อ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" และเลขาธิการพรรคชื่อ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" นอนหลับกันไม่ค่อยเป็นสุขนัก เพราะเริ่มติดโรคระบาดที่ชื่อ "หวาดระแวง"
โบราณว่าสนิมเกิดแต่เนื้อในตน กรณีพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ต่างกัน !
กับเหตุการณ์ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ที่ทำให้ ส.ส.จำนวนหนึ่งเตรียมตบเท้าให้กับใจนายกฯ หลังการประชุม ก.ต.ช.ล่มครั้งแรก ก่อนถูกผู้ใหญ่บางคนห้ามไว้ก่อน
กับเหตุการณ์การแต่งตั้งข้าราชการกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพาณิชย์ รวมไปถึงการพิจารณาจัดสรรงบประมาณต่างๆ ที่ทำให้ "คนกันเอง" จับกลุ่มซุบซิบแสดงความไม่พอใจ ยังไม่รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ ส.ส.จำนวนหนึ่งถึงขั้นประกาศล่าชื่อ "ขับเลขาฯเทพ" ออกจากตำแหน่ง
เหล่านี้คือ "เหตุ-ปัจจัย-เชื้อไฟ" ความไม่พอใจในตัวสุเทพที่ยังดำรงอยู่ภายในพรรค และส่งผลให้อำนาจบารมีที่เคยมีอยู่ลดลง แม้จะออกมาส่งเสียงขู่ "ไม่ส่งลงสมัคร" ก็ยังไม่ทำให้ ส.ส.หลังยาว กลับตัวกลับใจเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎร จนเกิดเหตุการณ์สภาล่มซ้ำซากได้
หากนำมาประกบกับ "ระเบิดเวลา" ลูกใหญ่ ว่าด้วยการตรวจการบ้านรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หลังทำงานครบรอบ 1 ปี ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีการปรับ-ขยับที่นั่ง หรือปลดออกกันบ้าง ย่อมทำให้ "ก๊วนอกหัก" ออกมาตีปีกทวงสัญญาสลับเก้าอี้
วันนี้ บรรยากาศ "การเมืองภายใน" ของพรรคประชาธิปัตย์ จึงอยู่ในข่ายร้อนและเร้าใจมากกว่าการเมืองภายนอก !!
ผู้ที่เข้าข่ายถูกแซะเก้าอี้ มีทั้ง "วิทยา แก้วภราดัย" รมว.สาธารณสุข จากปัญหาการทุจริตงบไทยเข้มแข็งการจัดซื้อครุภัณฑ์ "อลงกรณ์ พลบุตร" รมช.พาณิชย์ จากความขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการ หรือแม้กระทั่ง "ถาวร เสนเนียม" รมช.มหาดไทย ก็ยังถูกเพ่งเล็งเพราะแก้ปัญหาไฟใต้ไม่คืบหน้า
วันนี้ จะพูดว่าคลื่นใต้น้ำทั้งหลายเตรียมถาโถมถล่มเข้าใส่พรรคสะตอก็คงไม่ผิด โดยเฉพาะผลพวงที่จะเกิดจากภาวะ "แตกคอ" กันอย่างหนักของ "หัวหน้า-เลขาฯพรรค" จนพูดกันว่า หากการประชุม ก.ตร. วันที่ 6 พฤศจิกายน ยังมีปัญหาใส่คอนเวิร์สเข้าหากันอยู่ ก็ยากที่ "อภิสิทธิ์-สุเทพ" จะทำงานร่วมกันต่อไปอย่างไร ??
"เหตุ-ปัจจัย-เชื้อไฟ" เหล่านี้ มีโอกาสที่รัฐบาลเทพประทานจะสะดุดขาตัวเองล้มไม่เป็นท่าเอาง่ายๆ
จึงไม่แปลกที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกล้าปลุกเร้าลูกพรรคเพื่อไทย ให้ระดมสรรพกำลังลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง เพราะเชื่อว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ได้อีกไม่เกิน 3 เดือน !!