WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, January 7, 2008

ตร.เลี้ยงโจร

บังเอิญผมอาจจะเป็นคนที่ดูหนังแนวบู๊ หรือแนวสืบสวนสอบสวนมากไปสักหน่อย


พอเห็นบางเรื่องบางราวที่เกิดขึ้นในบ้านในเมือง บางทีก็เลยอดที่จะเอามานึกเทียบเคียงกันไม่ได้


เพราะหลายเรื่องหลายราวที่ออกมาเป็นหนัง เป็นละคร ก็มีเค้าโครงที่มาจากเรื่องจริงทั้งนั้น จะแตกต่างกันบ้างก็ตรงที่เอามาเติมสีสันให้มันน่าดูขึ้นมาอีกสักหน่อย


เวลาที่ดูหนังฮ่องกง หรือจะเป็นหนังฝรั่งก็ตามที จะเห็นว่าบรรดาตำรวจมือปราบมักจะเลี้ยงผู้ร้าย หรือพูดง่ายๆ ว่า เลี้ยงโจร เอาไว้เป็นสายให้กับทางราชการ


แน่นอนว่าคนพวกนี้ต้องมีวิธี กำกับ กันเป็นพิเศษ ข่มขู่บ้าง จับมาซ้อมบ้าง หรือบางทีก็ให้เงินไปใช้บ้าง รวมไปถึงการทำไม่รู้ไม่เห็นกับความผิดที่เคยไปก่อไว้


จะเรียกว่าเป็นการ แลกเปลี่ยน กันก็ได้


หรือจะเรียกว่า แบล็กเมล ก็คงจะไม่ผิดมากนัก


การใช้งานคนพวกนี้ หากมองในแง่ดีก็คงจะพอมีประโยชน์อยู่ ตรงที่ว่าคงไม่มีใครที่จะรู้เท่าทันโจรได้ดีไปกว่าโจรด้วยกัน


แต่มันก็เป็นวิธีการที่ สุ่มเสี่ยง ด้วยพื้นฐานของคนเหล่านี้เอง


รวมทั้งยังเป็นวิธีการที่นอกเหนือไปจากตำรา และวิธีการปฏิบัติของตำรวจ เพราะเป็นวิธีการที่ ผิดกฎหมาย


อย่างน้อยก็เป็นการ ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ที่เห็นโจรยืนอยู่ตรงหน้า แต่ไม่ยอมจับกุมมาดำเนินคดี


เป็นการเสี่ยงที่ปล่อยให้คนที่ไม่เคารพกติกาบ้านเมือง หรือกติกาสังคม ออกมาลอยนวลร่วมกับคนบริสุทธิ์ โดยที่ยังไม่ได้รับโทษทัณฑ์ หรือได้รับการ ขัดเกลา


แม้ว่าในหนังหลายต่อหลายเรื่อง ตำรวจจะเลือกวิธีการ เลิกใช้งาน คนเหล่านี้ ด้วยวิธี ปิดปาก อันเนื่องมาจากเริ่มรู้มากเกินไป


แต่ในหนังเหล่านั้นก็สะท้อนให้เห็นบ่อยครั้งว่า ตำรวจที่นิยมวิธีการ นอกกฎหมาย เช่นนี้ ตัวเองก็มักจะเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในกติกา และใช้โจรเป็นเครื่องมือใน ทางโจร อยู่บ่อยๆ


จนหลายครั้งหลายหนที่นั่งดูหนัง ยังแอบสงสารโจรซะด้วยซ้ำไป เพราะสุดท้ายแล้ว ตำรวจ ในเนื้อเรื่อง กลับเลวระยำยิ่งกว่า


แทนที่โจรเหล่านี้จะมีโอกาสรับโทษทัณฑ์ และกลับเนื้อกลับตัวไปเป็นคนดีของสังคมซะที


ก็กลับต้องมาถูกข่มขู่บังคับให้ ทำเลว อยู่ร่ำไป


...จบจากเรื่องหนัง เรื่องละคร มาที่เรื่องจริง


การทำงาน มากเรื่อง และทำให้คนทั้งประเทศ กังวล ของ กกต. กำลังจะลุกลามเป็นเรื่องใหญ่


ในเมื่อประชาชนออกเสียงเลือกตั้ง ตัวแทน ของเขามาตามเจตนาประชาธิปไตย แต่กระบวนการกลับมาสะดุดอยู่ที่ กกต.


โดยที่หลายต่อหลายเรื่องยังเป็นไปด้วยความน่าเคลือบแคลงสงสัย


สารพัด ข่าวลือ ทำท่าว่าจะคล้ายหรือเหมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริง


ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายในการให้ ใบแดง กับพรรคพลังประชาชน หรือข่าวลือ ใบสั่ง จาก มือสกปรก ให้สกัดกั้นพรรคการเมืองเดียวกันนี้อย่างสุดฤทธิ์


นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวน่าสนใจ สืบเนื่องจากการให้ใบแดงที่บุรีรัมย์


ที่มี นายเปียง โสมวิเศษ ชาวบ้าน ต.สะเดา อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ นำทีมชาวบ้านที่มีทั้งลูกชายและเพื่อนๆ ไปแจ้งต่อ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล กกต.จ.บุรีรัมย์ ว่าได้รับเงินซื้อเสียงจากผู้สมัครพรรคพลังประชาชน คนละ 100 บาท


ความน่าสนใจในเนื้อเรื่องอยู่ตรงที่ว่า พ.ต.อ.สังวรณ์ นอกจากเป็น กกต. แล้ว ยังเป็น รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์


ส่วนนายเปียง นอกจากจะเป็น พลเมืองดี แล้ว ก็ยังเป็น ผู้ต้องหา ตามหมายจับที่ จ.411/2548 ของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ต้องหาว่ากระทำผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน


ซึ่งหมายความว่า หากตรวจเจอตัวที่ไหน ก็จะต้องจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายในทันที


และขณะเดียวกัน คนที่มีความผิดติดตัว หรืออย่างน้อยก็มี หมายจับ หากไม่คิดจะ มอบตัว ก็ไม่น่าจะหาเรื่องออกมาค้าความ หรือหาเรื่องเกี่ยวพันกับตำรวจอย่างนี้


ปัญหา กกต.บุรีรัมย์ ที่ชาวบ้านนับหมื่นออกมาแสดงความไม่พอใจ โดยเฉพาะวาทะ ชวนตี ของ เกษม วัฒนธรรม ประธาน กกต. จังหวัด เป็นเรื่องจริงที่ไม่ใช่หนัง ไม่ใช่ละคร


เป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข เพราะ กกต. มีหน้าที่ทำงานให้ความ เป็นกลาง แก่การเลือกตั้ง เมื่อประชาชนกังวลสงสัยก็ต้องเร่งออกมาสร้างความกระจ่าง


ไม่ใช่เที่ยวออกมา ตะแบง กล่าวหาคนอื่นไปทั่วโดยไม่ดูตัวเอง


ส่วน พ.ต.อ.สังวรณ์ ที่ได้เจอหน้ากันแบบจะจะ กับ เปียง โสมวิเศษ มาแล้ว หากยังไม่มีการจับกุม ผู้ต้องหา ก็คงจะหนีข้อกล่าวหา ละเว้น ไม่ได้แน่ๆ


เพราะ หมายจับที่ว่า มีผลครอบคลุมไปทั่วประเทศไทย และที่สำคัญ นายเปียงยังมีที่อยู่ตามเอกสารราชการในพื้นที่ของท่าน


ที่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 11 ต.สะเดา อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ ด้วย


หากมีข้อมูลถึงเพียงนี้ยังติดตามหาตัวไม่ได้ ก็ เสียชื่อ ตำรวจไทยแย่


แถมหลายเรื่องหลายราวที่ผสมปนเปกันอยู่ในตอนนี้ ชาวบ้านเขาจะไปตั้งข้อสงสัยกันได้ว่า เป็นเรื่องปาหี่ หรือจะเป็นเรื่องที่มีการจงใจ กล่าวร้าย กัน เหมือนอย่างที่เป็นข่าวลือ


หรือไม่ชาวบ้านก็จะพานเอาไปเปรียบเทียบเป็นหนัง เป็นละคร ไปเสียฉิบ...!!