บรรยากาศการเลือกตั้งที่บุรีรัมย์ปั่นป่วนหนัก หลังประชาชนไม่ไว้วางใจการทำงานของ กกต. เพราะพบข้อสงสัยหลายประการ ล่าสุดพบตัวตั้งตัวตีในการนำพยานเข้าร้องเรียนต่อ กกต. เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด คดีลักทรัพย์ยามวิกาล แต่ยังกล้าออกมาแสดงตัว แถมเจาะจงพบ พ.ต.อ.สังวรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ขณะที่คำพูดประธาน กกต.บุรีรัมย์ ยังคงสร้างความกังขา ส่อจุดชนวนม็อบขยายตัว เช่นเดียวกับอีกหลายจังหวัด ที่ชาวบ้านเริ่มส่งสัญญาณความไม่พอใจในความเอนเอียงของเจ้าหน้าที่รัฐ
จากกรณีมีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จังหวัดบุรีรัมย์ ว่าผู้สมัคร พรรคพลังประชาชน เขตเลือกตั้งที่ 2 จ.บุรีรัมย์ มีการแจกเงินให้กับผู้ฟังการปราศัย โดยที่ผู้สมัครทั้ง 3 คน ประกอบไปด้วยนายรังสิกร ทิมาตฤกะ นายมนต์ไชย ชาติวัฒนศิริ และนายทรงศักดิ์ ทองศรี ได้นำเรื่องร้องเรียนต่อ กกต. ไปก่อนหน้านี้แล้วว่ามีการสร้างพยาน หลักฐานเท็จเพื่อให้ร้ายผู้สมัครของพรรคพลังประชาชน โดยบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับ กกต. จังหวัดบุรีรัมย์ นั้น
ล่าสุดยังพบว่า นายเปียง โสมวิเศษ อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นคนนำนายสมปอง โสมวิเศษ บุตรชาย พร้อมด้วยเพื่อนรวม 4 คน ไปแจ้งเรื่องการแจกเงินต่อ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล กกต.บุรีรัมย์ เมื่อ 21 ธันวาคม ที่ผ่านมา มีหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ดที่ จ.441/2548 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2548 ต้องหาว่ากระทำผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยคดีเกิดขึ้นในท้องที่ อ.อาจสามารถ มีอายุความ 10 ปี นับต้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2541 ไม่เกินวันที่ 5 กรกฎาคม 2551
โดยนายเปียง มีที่อยู่ตามการขอมีบัตรประชาชนเมื่อ 6 มีนาคม 2539 ที่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 11 ต.สะเดา อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์
สงสัยโจรโผล่ค้านเลือกตั้ง
กรณีดังกล่าวทำให้เกิดการตั้งข้อสังเกตุว่าเหตุใด นายเปียง ที่หลบหนีหมายจับกุมอยู่ จึงสามารถลอยนวลอยู่ได้โดยใช้ชีวิตตามปกติ และยังกล้าที่จะเข้าแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ของทางราชการ โดยเฉพาะการเลือกนำลูกชายและเพื่อนๆ เข้าแจ้งความ ต่อ พ.ต.อ.สังวรณ์ หนึ่งใน กกต.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็น รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ที่มีอำนาจในการจับกุมได้ทันที
ขณะที่กลับกันก็เกิดเป็นประเด็นสงสัยว่าเหตุใด พ.ต.อ.สังวรณ์ ซึ่งเป็นนายตำรวจ จึงไม่จับกุมผู้ต้องหาที่มีหมายจับตามคำสั่งศาล และการไม่จับกุมดังกล่าวจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีความผิดทางวินัย และทางอาญาหรือไม่
ฉะ!ปธ.กกต.บุรีรัมย์ทำป่วน
ทั้งนี้ จากประเด็นที่ก่อให้เกิดความกังวลสงสัยหลายประการดังกล่าว จึงทำให้เกิดมีการชุมนุมของชาวบ้านนับหมื่นอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มั่นใจว่า กกต.บุรีรัมย์ จะทำงานด้วยความโปร่งใส และเมื่อมีการชุมนุมเพื่อขอคำอธิบายในการดำเนินการ ก็ยังได้รับฟังคำพูดจากนายเกษม วัฒนธรรม ประธาน กกต.บุรีรัมย์ ในลักษณะสร้างความแตกแยก และบ่ายเบี่ยงที่จะพูดถึงข้อเท็จจริงและอธิบายประเด็นสงสัย ก็ยิ่งเป็นการสร้างไม่พอใจให้กับชาวบ้านมากยิ่งขึ้น
แหล่งข่าวระบุว่ากรณีดังกล่าว กกต. กลาง คงรจะเป็นผู้สะสางปัญหา เพราะขณะนี้ กกต. บุรีรัมย์ ขาดความเชื่อถือจากปราชนไปแล้ว และ กกต.กลาง เองก็ต้องตอบคำถามในกรณีที่ ตัดสินให้ใบแดง ส.ส. ในเขต 1 โดยไม่มีการเรียกไปสอบสวนด้วยเช่นกัน เพราะขณะนี้มีข่าวลือเรื่องการมีใบสั่ง ให้กกต. สกัดกั้นพรรคพลังประชาชนหนาหูมาก จนประชาชนไม่มั่นใจ
ร้องกฤษฎีกาตีความแจกใบแดง
น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ยังสับสนการให้
ใบแดง ส.ส. เขต 1 บุรีรัมย์ ทั้ง 3 คน เพราะมีข้อมูลที่แตกต่างจากที่เป็นข่าว เพราะจริงๆ แล้ว กกต.จ.บุรีรัมย์ ไม่ได้เสนอให้ใบแดง จึงทำให้เกิดความไม่เข้าใจว่าขั้นตอนการได้รับใบแดงอยู่ที่ขั้นตอนไหนกันแน่ เมื่อถึง กกต.กลางแล้ว ทำไมจึงไม่มีการเรียกว่าที่ ส.ส.ไปชี้แจง
พรรคพลังประชาชนมีเอกสารหลักฐานที่ระบุคำพูดของผู้อำนวยการการเลือกตั้งจังหวัดบุรีรัมย์ ที่บอกว่าไม่เคยให้ใบแดงกับว่าที่ ส.ส.จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมกันนี้พรรคพลังประชาชนจะนำเรื่องนี้เสนอต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันที่ 7 มกราคม นี้ว่ากระบวนการให้ใบแดง อาจไม่สอดคล้องกับระเบียบที่กำหนดไว้ เพื่อขอให้เป็นกรณีศึกษา เพราะตอนนี้ยังมีว่าที่ ส.ส.อีกกว่า 70 คนที่ยังไม่ได้รับการรับรอง
ม็อบขยายตัวตรวจสอบกกต.
ส่วนผู้ชุมนุมที่ จ.บุรีรัมย์นั้นเป็นการแสดงความคิดเห็นของประชาชนที่เป็นสิทธิ์ทำได้ หากอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ทั้งนี้ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น หรือมีกรณีแปลกประหลาดในการให้ใบแดงเกิดขึ้น ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะสอบถามได้ และถ้า กกต.พิจารณาอย่างชัดเจน เที่ยงธรรมแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไร กกต.ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีจำนวนนับหมื่นคน ในขณะที่ข้อมูลของ กกต. มีการรายงานว่ามีผู้ชุมนุมประมาณ 5 พันคน รวมท้งหลังการให้สัมภาษณ์ของประธาน กกต. บุรีรัมย์ ทำให้เพิ่มจำนวนผู้ที่ไม่พอใจมากขึ้น และอาจจะทำให้จำนวนผู้ชุมนุมมากขึ้นด้วย
เช่นเดียวกับอีกหลายจังหวัดที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็มีกระแสข่าวว่าจะมีการชุมนุมเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมด้วยเช่นเดียวกัน
อ้างเป็นทหารข่มขู่พยานพปช.
ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คุ้มครองพยานของว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ที่มีการร้องเรียนการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และในส่วนที่กกต.ยังไม่มีการประกาศรับรองในหลายเขตเลือกตั้ง อาทิเขตเลือกตั้งที่ 1
จ.ศรีษะเกษ และเขตเลือกตั้งที่ 2 จ.นครพนม ที่ถูกบุคคลลึกลับตามไปข่มขู่ถึงที่พัก โดยเฉพาะใน
จ.นครพนม มีการอ้างตัวเป็นทหารของกองอำนวยการรักษาความมั่นภายใน (กอ.รมน.) ภาค 2 ดังนั้น
กกต.ควรมีมาตราการช่วยดูแลปกป้องสำนวนที่สอบอยู่เป็นความลับด้วย
นักวิชาการติงกกต.ต้องชี้แจงได้
ทางด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ นิรันดร์ กุลฑานันท์ นักวิชาการอิสระ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ กล่าวถึงกรณีประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาคัดค้านการให้ใบแดงแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคพลังประชาชน ว่าเป็นสิทธิ์ของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ แต่การให้ใบเหลือง หรือใบแดงแก่ผู้สมัครรายใดนั้นไม่ใช่เป็นอำนาจของกกต.จังหวัด แต่เป็นอำนาจของกกต. กลาง และการให้ใบเหลืองหรือใบแดง กกต.จำเป็นต้องสามารถอธิบายให้ความเข้าใจแก่ประชาชนได้ เพราะหากประชาชนผู้เลือกตั้งยังสงสัยกกต. ก็อาจจะเป็นจำเลยของสังคมได้
ทั้งนี้ การเมืองหลังการเลือกตั้งกำลังดำเนินเข้าสู่ภาวะปกติตามวิถีทางระบอบประชาธิปไตย เป็นความหวังของประชาชนที่จะมีรัฐบาลโดยเร็ว การพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้งจะต้องคำนึงถึงหลักยุทธศาสตร์และรัฐศาสตร์ควบคู่กันไปด้วย
“เจ๊สด” ปากดีท้าพปช.ฟ้องศาล
ด้านนางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่มีประชาชนจังหวัดบุรีรัมย์ชุมนุมแสดงความไม่พอใจการทำหน้าที่ไม่เป็นกลางของ กกต.บุรีรัมย์ ว่าหากเห็นการกระทำทั้งของ กกต.จังหวัดบุรีรัมย์ ไม่เป็นกลาง หรือการพิจารณาของ กกต.กลางไม่เป็นธรรม ก็ไปฟ้องศาล ศาลจะได้วินิจฉัยให้ชัดเจน
พร้อมกันนี้ยังกล่าวหาด้วยว่าการอยู่เบื้องหลังหรือมีส่วนรู้เห็นให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวหรือกดดัน กกต.เป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้ เพราะเมื่อประเทศไทยมีกระบวนการทางกฎหมายหรือศาล ก็ควรใช้กฎหมายดำเนินการมากกว่า
“สดศรี”ยันไม่ต้องเรียกสอบ
นางสดศรี ยังกล่าวอีกถึงการให้ใบแดงโดยไม่มีการเรียกไปชี้แจงด้วยว่า หาก กกต.จังหวัดสืบสวนสอบสวนแล้วพบหลักฐานการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจริง กกต.กลาง ไม่จำเป็นต้องเรียกผู้ถูกตัดสิทธิ์มาชี้แจง เพราะ กกต.กลางได้มอบอำนาจให้ กกต.จังหวัดดำเนินการตามกฎหมายอย่างถูกต้องแล้ว
สำนวนที่ กกต.พิจารณาขณะนี้มีจำนวนมาก หาก กกต.กลางทำเองทุกเรื่อง อาจจะทำไม่แล้วเสร็จ ส่วนที่กล่าวหาว่า กกต.จังหวัดวางตัวไม่เป็นกลางก็ให้นำหลักฐานมาแสดง เพราะทุกอย่างที่เป็นสำนวนมีการบันทึกปากคำเป็นหลักฐานทั้งหมด และเรื่องนี้ กกต.จังหวัดได้เรียกทั้ง 3 คนมารับทราบและได้ชี้แจงข้อกล่าวหาไปแล้ว ซึ่ง กกต.จังหวัดมีหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ กกต.กลางจะเป็นผู้สรุปว่าควรให้ใบแดงหรือไม่
อนึ่ง ก่อนหน้านั้น ผอ.กกต.บุรีรัมย์ ได้กล่าวขัดแย้งกันว่า กกต.บุรีรัมย์ ไม่ได้มีมติให้ใบแดง ว่าที่ ส.ส.ทั้ง 3 คนดังกล่าว
ชี้ชาวบุรีรัมย์ร้องเรื่องปกติ
ด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการที่นางสดศรีออกมาท้าใหเฟ้องศาล ว่านางสดศรี น่าจะเข้าใจผิด เพราะพรรคพลังประชาชนไม่ได้มีปัญหากับ กกต. เพียงแต่เรียกร้องในเรื่องการปฏิบัติให้เป็นไปตามกติกาในการให้ใบเหลืองหรือใบแดงเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงการกระทำของ กกต.ในทุกเรื่อง
ส่วนกรณีการชุมนุมของชาวบ้านที่จ.บุรีรัมย์ ตนเห็นว่า เป็นเรื่องปกติที่ถือว่าน้อย เมื่อเทียบกับปี 2544 ที่มีประชาชนไปชุมนุมที่หน้า กกต. ซึ่งอยากให้กกต.เห็นใจชาวบ้านและขอให้เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกประชาชนหลังการเลือกตั้งที่พวกเขาเห็นว่าไม่ถูกต้องเท่านั้น
รวมทั้งมั่นใจว่ากรณีใบเหลือง – ใบแดงนั้น จะไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล เพราะอย่างที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพูดก็ถูกต้องคือ ส่วนใหญ่ว่าที่ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนทั้ง 65 คน ที่ถูกแขวนนั้นอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน หากจะมีการเลือกตั้งใหม่คะแนนก็ไม่ไหลไปทางประชาธิปัตย์แน่นอน
อ้างคมช.ไม่แทรกองค์กรอิสระ
ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันถึง “มือสกปรก” และพูดถึงแผนบันได 4 ขั้นของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่อาจเกี่ยวเนื่องถึงการแจกใบแดงอย่างน่าสงสัยของ กกต. นั้น พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวว่า เป็นเรื่องตลก ใครพูดแบบนี้ไม่ดี เป็นไปไม่ได้ ทุกหน่วยที่ คมช.แต่งตั้งขึ้นมีความเป็นอิสระทั้ง คตส. กกต. จนบางครั้งหน่วยงานเหล่านั้นรู้สึกว่า คมช.ทำเหมือนทอดทิ้ง
ที่ผ่านมาเป็นตัวบ่งชี้ว่า คมช.ไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายการทำงานขององค์กรต่างๆ ที่ได้จัดตั้งขึ้นมา เป็นเรื่องของผู้ที่เสียผลประโยชน์พยายามหาเรื่องกดดัน กกต.หาก คมช.ทำได้จะทำมากกว่านี้อีก คงจะไม่ทำแค่นี้ จะต้องเอาเยอะกว่านี้แน่นอน
“สมเจตน์”โบ้ยนักการเมืองจัดม็อบ
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวด้วยว่า ที่พรรคพลังประชาชนออกมาโวยวาย เพราะเห็นว่าเป็นฝ่ายเสียผลประโยชน์ ซึ่งอยู่ดีๆ จะมีมวลชนเป็นหมื่นคนออกมาเคลื่อนไหวได้อย่างไร มันต้องมีการบริหารจัดการ ใน จ.บุรีรัมย์ เป็นพื้นที่ของใคร ใครเป็น ส.ส.ก็ไปคิดกันเอาเอง หากคิดว่าไม่มีความผิดก็ไม่ต้องกลัว ทุกอย่างเป็นไปตามกติกา สมาชิกของพรรคพลังประชาชนคนอื่นก็ได้รับการรับรองผลจำนวนไม่น้อย เพราะ กกต.เห็นว่าไม่มีใครมาร้องเรียน ทำถูกต้องตามกฎหมายการเลือกตั้งจึงรับรอง แต่บางส่วนที่ยังไม่รับรอง เพราะมีการร้องเรียนว่าทำผิดกฎหมายการเลือกตั้ง กกต.ก็ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดเสียก่อน หากผลออกมาแล้วผิดจริงก็ต้องยอมรับ
แต่พอเห็นว่าการแจกใบแดงเป็นการเสียผลประโยชน์ของพรรคตัวเองก็ออกมาโวยวายกันใหญ่โต ทุกวันนี้การเมืองไทยเราจึงเป็นแบบนี้ เราจึงได้นักการเมืองประเภท เสือ สิงห์ กระทิง แรด เข้ามาบริหารบ้านเมือง
กัดพปช.ใช้เงินซื้อหรือเปล่า
ส่วนที่มีการระบุว่ามีมือมืดจากภายนอกพยายามเข้ามาสกัดกั้นไม่ให้พรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลได้นั้น พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่าเป็นแค่พยายามหาหนทางที่เอามาอ้าง ตรงไหนที่เขาคิดว่าไม่เป็นไปตามความต้องการของเขา เขาก็พยายามที่จะว่าผู้มีอำนาจคนโน้นคนนี้เข้ามากดดัน ทำไมถึงไม่พูดบ้างว่า ส.ส.ที่ได้มี 233 เสียง ว่ามีอำนาจเงินที่ไปกดดันมาหรือเปล่าถึงได้
ส่วน คมช. กังวลหรือไม่ว่าการแจกใบเหลืองใบแดงให้กับพรรคพลังประชาชนจะทำให้เกิดความวุ่นวายเกิดขึ้น พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า หากคนที่ได้รับใบเหลืองใบแดงไม่ได้ไปทำอะไรที่ผิดถือว่าไม่ชอบธรรม แต่หากไปทำผิดมาก็ต้องได้รับผลตรงนั้น หากทุกคนยอมรับผลจากการกระทำของตัวเองและคำตัดสินก็จะไม่มีเหตุวุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่ใน จ.บุรีรัมย์ อยาให้ทุกคนให้กำลังใจการทำงานของ กกต.ทุกท่าน โดยเฉพาะใน จ.บุรีรัมย์
ฉะบิ๊กคมช.หมิ่นเสียงประชาชน
ขณะที่นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงคำสัมภาษณ์ของพล.อ. สมเจตน์ ว่าการพูดดังกลาวโดยเฉพาะเรื่องการใช้เงวิน เป็นการดูหมิ่นวิจารณญาณของประชาชน
เพราะในการเลือกตั้งครั้งนี้แม้พรรคจะถูกแรงเสียดทานมากแต่ประชาชนยังไว้วางใจจึงอยากขอให้เคารพสิทธิในการตัดสินใจของประชาชนและขอให้คมช.เข้ามามีส่วนร่วมปูทางในระบอบประชาธิปไตยของประเทศอย่างแท้จริง
ส่วนที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแสดงความเห็นว่า พรรคที่ได้ใบเหลือง ใบแดงมากเพราะไม่สามารถควบคุม กกต.ได้ถือว่าเป็นการพูดที่ไม่สมเหตุสมผล หรือในทางกลับกันพรรคการเมืองที่ได้ใบเหลือง ใบแดงน้อยแสดงว่าสามารถแทรกแซง กกต.ได้
ปชป.แก้ต่างแค่สมมุติเรื่องใบแดง
ส่วนกรณีที่ กกต.มีแนวโน้มจะแจกใบแดงให้พรรคพลังประชาชน มีจำนวนเหมือนกับที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์พูดไว้ จนเสมือนว่าได้รับรู้ข้อมูลล่วงหน้านั้น บรรดาผู้เกี่ยวข้องต่างก็ออกมาแก้ตัวกันพัลวัน
นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวต้องไปถามนายสุเทพ เอาเอง
ส่วนนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการแจกใบแดงไม่มีใครรู้ล่วงหน้า การที่นายสุเทพ อกมาพูดเป็นเพียงการประเมินทั่วไปเท่นั้น ซึ่งนายสุเทพระบุว่า เป็นการสมมติเท่านั้น คือนับไปตั้งแต่ 20 - 50 ไปหยุดที่ 60
7 ม.ค.กกต.เดินหน้าสอยต่อ
ขณะเดียวกันนางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมืองกล่าวว่า วันที่ 7 ม.ค.นี้ กกต.จะพิจารณาสำนวนเรื่องร้องเรียนประมาณ 75 สำนวน โดยเป็นสำนวนจากฝ่ายสืบสวนของ กกต.ประมาณ 30 สำนวน และสำนวนของตำรวจสันติบาลประมาณ 45 สำนวน โดยสำนวนที่มาจากสันติบาลจะเสนอเข้าที่ประชุมในวันดังกล่าวทั้งหมด
โดยเฉพาะสำนวนที่เกี่ยวข้องกับว่าที่ ส.ส.จะถูกนำมาพิจารณาลำดับแรก ส่วนสำนวนที่เกี่ยวกับ ส.ส.ที่สอบตกจะพิจารณาหลังเปิดสภาไปแล้ว เพราะไม่มีผลกระทบต่อการเปิดประชุมสภา
ทั้งนี้ มั่นใจว่า กกต.จะพิจารณาสำนวนให้แล้วเสร็จได้ก่อนเปิดประชุมสภาเพื่อให้มีจำนวน ส.ส.ร้อยละ 95 เพื่อให้สามารถเปิดประชุมสภาได้
ยิงถล่มหัวคะแนนพปช.บุรีรัมย์
ขณะเดียวกันมีรายงานว่าเกิดเหตุมือปืนไม่ทราบจำนวน ขับปิกอัพบุกยิงถล่มบ้าน นายประเสริฐ พาพันธ์ อบต.บ.ชุมพรพัฒนา ต.ยายแย้มพัฒนา หัวคะแนนผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชาชน เขต 1 บุรีรัมย์กลางดึก กระสุนถูกบ้านและรถยนต์รวม 18 นัด เจ้าตัวยันไม่เคยขัดแย้งกับใครเชื่อเกี่ยวข้องกับการเมือง
นายประเสริฐ เล่าว่า หลังคนร้ายยิงถล่มบ้านกลางดึก ตนกับลูกเมีย ไม่กล้าออกจากบ้านไปแจ้งความ เกรงคนร้ายจะยังซุ้มรอยิง จนรุ่งเช้าได้ไปแจ้งความ จากการตรวจสอบพบหัวกระสุนปืนไม่ทราบขนาด 6 เม็ด หมอนรองกระสุน 17 แผ่น และปลอกกระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 ตกอยู่บริเวณริมถนนห่างจากตัวบ้านประมาณ 15 เมตร
นายประเสริฐ ยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง หรือขัดแย้งกับใครมาก่อน แต่ยอมรับว่าช่วงการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา ได้เป็นหัวคะแนนให้กับผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังประชาชน เขต 1 จนผู้สมัครทั้ง 3 คน มีคะแนนทิ้งห่างพรรคอื่น