ผลพวงจากการออกมาสร้างความวุ่นวายของกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างเด่นชัดนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างย่อยยับ เศรษฐกิจพังทลาย และทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่พอใจ
สะท้อนออกมาในผลสำรวจของสำนักวิจัยเอแบคโพลเรื่อง “ทางออกฝ่าวิกฤติของประเทศไทย ในทรรศนะของสาธารณชน”
จากกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 2,718 คน ที่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด 16 จังหวัดทั่วประเทศ พบว่าร้อยละ 79.4 ของกลุ่มตัวอย่างกังวลว่าความขัดแย้งทางการเมืองขณะนี้จะทำให้สังคมไทยกลายเป็นสภาพ “บ้านป่าเมืองเถื่อน”
ขณะที่ร้อยละ 61.3 กำลังเครียดต่อสถานการณ์การเมือง !
นอกจากเอแบคโพลแล้ว ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่องคนกรุงเทพ คิดอย่างไรกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ
โพลระบุว่า การปิดถนนเพื่อชุมนุมขับไล่รัฐบาล เห็นด้วยร้อยละ 13.8 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 72.6
ส่วนการบุกยึดสถานีโทรทัศน์ NBT เห็นด้วยร้อยละ 14.8 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 70.8 ขณะที่การปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล กระทรวง และสถานที่ราชการต่างๆ เห็นด้วยร้อยละ 16.9 ไม่เห็นด้วยร้อยละ 68.3 ไม่แสดงความเห็นร้อยละ 14.8
จากผลพวงของโพลแสดงให้เห็นว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ ภายใต้การนำโดย 1.นายสนธิ ลิ้มทองกุล 2.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 3.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 4.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 5.นายพิภพ ธงไชย
หมดความชอบธรรมทางการเมืองทันที !
เพราะการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในครั้งนี้เป็นการชุมนุมที่ไม่สงบและมีอาวุธ ส่งผลให้รัฐธรรมนูญมาตรา 63 ไม่รับรองและคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุม
ส่วนการบุกยึดสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เอ็นบีที ทำให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการพูด ที่รัฐธรรมนูญรับรองและคุ้มครองไว้ในมาตรา 45 ถูกลิดรอนไปด้วย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลภายใต้การนำของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้คำนึงถึงแนวทางความสมานฉันท์ แม้จะถูกด่าทอด้วยคำหยาบคายจากพันธมิตรฯ ตลอดเวลา
เนื่องจากประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
การเข้าใช้กำลังปราบปรามม็อบจึงอาจจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ประเทศชาติ และเสียหายต่อระบอบการเมืองการปกครอง
ทั้งนี้ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งนำโดยพรรคพลังประชาชน ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากที่สุด
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การที่พรรคพลังประชาชน ชนะใจประชาชนอย่างท่วมท้นนั้นเป็นเพราะผลพวงจากพรรคไทยรักไทย และที่สำคัญคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่วันนี้แม้จะโดนเหยียบย่ำซ้ำเติม โดนใส่ร้ายป้ายสีแค่ไหน
กระทั่งยอมเสียสละลี้ภัยทางการเมืองไปอยู่ต่างประเทศ เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนเพราะว่ามีกลุ่มพันธมิตรฯ มาขับไล่ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็รักและศรัทธา อดีตนายกฯ ทักษิณ ไม่เสื่อมคลาย !
เพราะจากผลงานในอดีตที่พิสูจน์ได้ว่านายกรัฐมนตรีคนนี้จริงใจช่วยเหลือประชาชนเพียงใด
สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีว่าในอนาคตเมื่อมีการเลือกตั้ง หากพรรคใดก็ตาม ที่ชูยี่ห้อหรือแบรนด์ของ “ทักษิณ ชินวัตร”
ก็จะทำให้พรรคนั้นๆ ยิ่งเข้มแข็ง และชนะการเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกแน่นอน!