เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า เกือบจะครบ 100 วันแล้วที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ปลุกระดมให้ประชาชนจำนวนหนึ่งมานั่งชุมนุมปิดถนนราชดำเนิน บริเวณเชิงสะพานมัฆวานฯ ตั้งเป็นอาณาจักรใหม่ซ้อนกับราชอาณาจักรไทย ทำให้ประชาชนเดือดร้อนและเบื่อหน่าย จนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว เพราะไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวให้ถูกตีตั๋วด่าฟรีด้วยคำหยาบๆ คายๆ บนเวทีปราศรัย และมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์เคเบิลทีวี เอเอสทีวี ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนั้นเมื่อมุกที่ปราศรัยบนเวทีเริ่มแป้ก ประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายกับคำโกหกที่เน้นเอามัน ใช้คำหยาบเรียกเสียงปรบมือและโห่ฮาที่คนพ่นน้ำลายบนเวทีสั่งให้ทำเป็นระยะๆ เพื่อให้คนที่ดูทีวีทางบ้านฟังว่ามีคนให้ความสนใจฟังเยอะ ทั้งๆ ที่แต่ละคืนมีคนนั่งอยู่แค่หยิบมือเดียว ซึ่งจะส่งผลให้ฝ่ายสนับสนุนถอดใจ ลังเลที่จะให้การสนับสนุน
ยุทธการดาวกระจายเพื่อกระจายความเดือดร้อนให้กับประชาชนในกรุงเทพฯ ได้รับกันทั่วถึง จึงเกิดขึ้นเป็นระยะๆ เพื่อระดมคนให้ออกมาสร้างภาพว่ายังมีจำนวนมาก ทั้งที่แต่และครั้งมีคนร่วมยุทธการดาวกระจายเป็นจำนวนหลักพัน แต่ดันโกหกคำโตว่ามีคนมาร่วมชุมนุมเป็นหลักหมื่นหลักแสน ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ถ้าใช้ร้อยคูณ
วันพรุ่งนี้ วันที่ 26 สิงหาคม 2551 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งและแกนนำคนสำคัญของกลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศเป่านกหวีดเป็นครั้งสุดท้าย แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นครั้งท้ายสุดหรือไม่ เพราะเป่าเป็นครั้งสุดท้ายมาแล้วหลายครั้ง ต้องคอยดูกันต่อไป
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศว่า วันที่ 26 สิงหาคมนี้ จะเป็นวันแตกหัก ทนให้รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ทำงานต่อไปไม่ได้อีกแล้วแม้แต่วันเดียว ซึ่งเป็นคำพูดที่ปลุกระดมโดยไร้เหตุผลสนับสนุน เพราะไม่ได้บอกให้ทราบชัดเจนว่าเสียหายอย่างไร
แต่ถ้าบอกว่าหากกลุ่มพันธมิตรฯ ปล่อยให้รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ทำงานต่อไป จะทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ มีปัญหาเรื่องจำนวนคนมานั่งฟังหน้าเวที เพราะหมดเงินที่จะไปเกณฑ์ไปจ้างให้มานั่งตากแดดตากฝน ซึ่งนับว่าจะมีจำนวนน้อยกว่าคนที่เข้าคิวขึ้นไปพ่นน้ำลายบนเวที
เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรฯ เคยประกาศไว้ จะยืนหยัดชุมนุมประท้วงจนกว่ารัฐบาลชุดนี้จะพ้นไปจากทำเนียบรัฐบาล ซึ่งวันนี้แนวโน้มว่ารัฐบาลจะยืนระยะได้ยาวกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์ทางการเมืองคาดการณ์ และบรรดาหมอดูทำนายไว้
เออ...ถ้ายอมรับความจริงอย่างนี้ น่าจะได้รับความเห็นใจจากประชาชนบ้าง หากกลุ่มแกนนำทั้ง 6 คน ยอมรับสภาพความเป็นจริง เดินลงจากเวทีที่ปักหลักมาจนเกือบจะครบร้อยวันที่จะเผาหลอกเผาจริงกันแล้ว
การจะยอมเดินลงจากเวทีของ 5 แกนนำพันธมิตรฯ ทำได้ไม่ยากอะไร ในเมื่อ นายการุณ ใสงาม อดีตสมาชิกวุฒิสภา ผู้ต้องหาบุกรุกที่ดิน ก็ได้รับประกันตัวพร้อมแบก “กระไดมาล่อ” ให้แกนนำทั้ง 6 คน
โดยก่อนจะถึงวันแตกหักตามที่ได้ประกาศเป่านกหวีดไว้ ขอประกาศรายชื่อให้ทราบกันอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปได้จดจำไว้ เผื่อว่างๆ จะได้หยิบยกขึ้นมาบังสุกุล และกรวดน้ำให้ อย่าจองเวรซึ่งกันและกันเลย ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย และ นายสุริยะใส ตกะศิลา
เป็นการจดจำไว้ว่า ครั้งหนึ่งคนทั้ง 6 นี้ได้ปลุกระดมยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนหลงเชื่อว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตย ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติและประชาชน ทั้งๆ ที่วันที่กลุ่มพันธมิตรฯ ปลุกระดมให้ประชาชนรวมตัวกันชุมนุมประท้วง เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2551 นั้น รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช เพิ่งทำงานได้เพียง 3 เดือนกับ 7 วัน
โดยอ้างว่าต้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับหน้าแหลมฟันดำ กากเดนของเผด็จการที่กลุ่มพันธมิตรฯ เป็นผู้ริเริ่มกวักมือเรียกให้ทหารออกมาทำการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เพราะจะทำให้ระบอบทักษิณฟื้นคืนชีพขึ้นมาหลอกหลอนพรรคที่ให้การสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ มาตลอด ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง
แถมด้วยการขับไล่ให้ นายจักรภพ เพ็ญแข ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะมีคนไปงัดเอาเรื่องเก่าที่นายจักรภพเคยพูดไว้ให้กับสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศฟัง เมื่อครั้งยังมีบทบาทบนเวทีท้องสนามหลวง ในนามของกลุ่ม นปก. ในข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง สอดรับกับการที่พรรคประชาธิปัตย์ได้โหมกระพือว่า เป็นการกระทำที่มีทัศนคติอันตราย ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีสถานเดียว
ในห้วงเวลานั้นรัฐบาลก็ถอยกรูดจนพี่เลี้ยงอึดอัดใจ ยอมถอนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปก่อน แล้วตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษา และนายจักรภพก็ยอมลาออกเพื่อรักษาขุนไว้ กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ยังคงปักหลักชุมนุมประท้วง เพื่อรอรับท่อน้ำเลี้ยงต่อไปจนถึงปัจจุบัน โดยเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกไป ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลสนับสนุน
เสียงนกหวีดวันนี้ ก็คงเหมือนกันทุกครั้งที่เป่าเรียกหาผู้สนับสนุน เพื่อเป็นทุนไว้ชุมนุมต่อไปจนกว่ารัฐบาลนี้จะพ้นไปจากคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญคดีต่างๆ ที่ค้างคาอยู่เท่านั้นเอง