WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, August 27, 2008

ไทยจะแข่งกับลาว - เขมร - พม่า !

ถือเป็นเรื่องที่ “หดหู่” และ “สะเทือนใจ” อย่างยิ่ง กรณีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บิดเบือนพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยสถานะการเงินของประเทศ
จนกระทั่งนำมาเป็น “ข้ออ้าง” เพื่อชุมนุมใหญ่ในวันอังคารที่ 26 สิงหาคม นี้ !
แม้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะออกมาน้อมรับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงประเทศชาติจะล่มจม เพราะใช้เงินไม่ระวัง
โดย นพ.สุรพงษ์ บอกว่า ผู้ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับนโยบายด้านการเงินและการคลัง จะต้องยึดมั่นในกระแสพระราชดำรัส ต้องระมัดระวังในเรื่องของการใช้จ่าย เพื่อไม่ให้สูญเสียรายได้และกระทบกับวินัยทางการคลัง
สิ่งที่สำคัญคือจะต้องเน้นเรื่องการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน เพื่อให้มี “เม็ดเงิน” มาพัฒนาประเทศในระยะต่อไป
พระราชดำรัสทรงให้โอวาทให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งทุกฝ่ายต้องทำสิ่งที่ถูก โดยเชื่อว่าภาวการณ์ที่ผ่านมา ทั้งเศรษฐกิจโลก และต้นทุนของราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ก็ทำให้หลายฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆ เพื่อแนวทางที่ดีที่สุด
สิ่งต่างๆ เหล่านี้บ่งบอกได้ดีว่ารัฐบาลน้อมรับกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงรับสั่งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยบริหารเงินประเทศให้ดี และใช้เงินอย่างระมัดระวัง และทรงให้กำลังใจในการทำงานซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
อย่างไรก็ตาม จากประเด็นดังกล่าว พันธมิตรฯ ยังใส่ร้ายป้ายสีรัฐบาลว่าไม่ปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ให้ใช้จ่ายงบประมาณอย่างเหมาะสม
โดยอ้างว่าระยะเวลา 5 เดือน รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ใช้เงินแบบไม่คำนึงถึงว่าจะมีเงินให้เหลือใช้ต่อไปในอนาคตหรือไม่
พันธมิตรฯ อ้างว่า จากมติ ครม. ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2551 จนถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2551 รัฐบาลนี้ได้อนุมัติไปแล้ว 616,232,383,745 บาท ตั้งแต่การเพิ่มเงินเดือนข้าราชการกระทรวงยุติธรรม โครงการส่งเสริมต่างๆ งบค่าใช้จ่ายในเรื่องของ พ.ร.บ.เงินฝาก โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้าจากต่างประเทศ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และแผนการลงทุนพัฒนาบริหารจัดการน้ำชลประทาน มูลค่ารวม 3 แสนล้านบาท โครงการแก้ไขภัยแล้ง โครงการจัดหารถหุ้มเกราะ ฯลฯ
การใส่ร้ายป้ายสีรัฐบาลโดยใช้กรณีดังกล่าวถือเป็นเรื่องน่าเสียดายและน่าเสียใจอย่างยิ่งในฐานะคนไทยที่อยากเห็นประเทศชาติบ้านเมืองพัฒนาไปให้ทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ
ในอดีตไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีนักลงทุนชาวต่างชาติสนใจเข้ามาริเริ่มโครงการใหม่ๆ มากมาย
แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้นักธุรกิจพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เวียดนามจะแซงหน้าประเทศไทย เพราะประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการผงาดเป็น “เสือเศรษฐกิจ” ตัวใหม่
วันนี้คนไทยทะเลาะกันเอง ขัดแข้งขัดขารัฐบาล
โดยเฉพาะการบิดเบือนพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่คนไทยรักและเทิดทูนเหนือสิ่งอื่นใดในชีวิตเป็นเครื่องมือโจมตีรัฐบาล
พวกนี้ถ่วงความเจริญประเทศชาติ ไม่ทำงาน แต่กล่าวหาคนทำงานว่า “ทุจริตคอร์รัปชั่น”
ทั้งๆ ที่เวลานี้ไทยมีระบบการตรวจสอบ ถ่วงดุล มากที่สุดในโลก
การลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ เช่น การก่อสร้างระบบขนส่งสาธารณะ โครงการระบบราง ระบบรถไฟชานเมือง โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า การสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุค 3 หรือ 3จี การพัฒนาระบบสาธารณสุข เช่น แผนลดปัจจัยเสี่ยงและคุ้มครองผู้บริโภค การพัฒนาระบบชลประทาน
โครงการต่างๆ เหล่านี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ชะลอตัวมาตลอด 2-3 ปี กระเตื้องขึ้น และสามารถจะเดินหน้าต่อไปได้และมีผลต่อการสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ผู้คนจำนวนมาก
ผมบอกตามตรงครับว่าเห็นการระดมคนออกมาชุมนุมกันในวันนี้ของพันธมิตรฯ แล้วรู้สึกหดหู่ และเสียดายโอกาสแทนประชาชนในฐานะเจ้าของประเทศ
พันธมิตรฯ จงคิดไตร่ตรองให้ดีว่าการออกมาสร้างความวุ่นวายแบบนี้ทำให้ต่างชาตินั่งหัวเราะเยาะเย้ยประเทศไทย
สมัยก่อนเราเคยแข่งขันกับประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และมาเลเซีย ฯลฯ
ช่วงที่บ้านเมืองเราวุ่นวาย 3 ปีที่ผ่านมามีคนบอกว่าไทยกำลังแข่งกับประเทศเวียดนาม
แต่ถ้าวันนี้ พันธมิตรฯ ออกมาถ่วงความเจริญอีกเรื่อยๆ
ผมเชื่อแน่ว่าในอนาคตเราจะต้องแข่งกับลาว เขมร พม่า อย่างแน่นอน !