WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, August 27, 2008

อำนวยพรวันเกิด “ป๊ะ...ป๋า”

“พันธมารธิปไตย” ประกาศเป่านกหวีด ปิ๊ด ปี้ ปิ๊ด...เพื่อเรียกระดมพลกลางเมืองหลวงในวันนี้ ซึ่งเป็นวันแฮปปี้เบิร์ธเดย์ 88 ปี ของ “ป๊ะ...ป๋า” จึงถูกนำมาผูกโยงอย่างช่วยไม่ได้ การเคลื่อนพลป่วนเมืองในครั้งนี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่า หวังจะเป็นผลงานนำไปเป็นของขวัญวันเกิดของบุคคลที่หลายคนเชื่อว่า มีอะไรอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่?
วันเกิด-วันตาย ในทางพระพุทธศาสนา สอนว่าเป็นธรรมดาของสัตว์โลก ย่อมมี เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกคนย่อมหนีไม่พ้น 4 สิ่งเหล่านี้ หากจะเอาภาษาพระที่เป็นการกล่าวขบขันคือ เตาะแตะ ต้วมเตี้ยม เต่งตึง โตงเตง แล้วก็...ตาย ไม่มีใคร หลีกหนีพ้น ในสิ่งนี้ หรือที่เราเคยอ่านเจอใน ตาลปัตรพระ ตอนสวดบังสุกุลว่า “ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น”
ดังนั้น พันธมารธิปไตย อย่าไปก่อเหตุอะไรให้เป็นที่เดือดร้อนรำคาญใจต่อประชาชน เพียงเพื่อต้องการจะประจบประแจงในวันคล้ายวันเกิดของ “ป๊ะ...ป๋า” เพราะ สาธุชน ย่อมทราบถึงความสำคัญทางพระพุทธศาสนา ดังที่ได้หยิบยกขึ้นมากล่าวนี้ได้เป็นอย่างดี การเคลื่อนไหวของพันธมารธิปไตย จึงไม่ใช่ ยาอายุวัฒนะ ที่จะทำให้ คนสูงอายุมีอายุยืนยาว ได้มากขึ้นหรอก
การเคลื่อนไหว เป่านกหวีด ปิ๊ด...ปี้...ปิ๊ด ครั้งนี้ ได้หยิบยกพระพุทธศาสนาขึ้นมาเพราะเห็นมีการกล่าวอ้างจากแกนนำ “พันธมารธิปไตย” ที่นำ “ธรรมาธรรมะสงคราม” บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มากล่าวอ้างหน้าตาเฉย
การต่อสู้ของฝ่าย ธรรมะ กับ อธรรม
การต่อสู้ของ ธรรมเทวบุตร กับ อธรรมเทวบุตร
การทำสงครามระหว่าง 2 ฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่ง ผ้าสีขาว และอีกฝ่ายใช้สัญลักษณ์ ผ้าสีดำ สอนให้ละเว้นอกุศลกรรม 10 ประการ คือ กายทุจริต 3 ข้อ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดลูกเมียผู้อื่น วจีทุจริต 4 ข้อ พูดปด พูดส่อเสียด พูดหยาบคาย พูดเพ้อเจ้อ มโนทุจริต 3 ข้อ โลภมาก พยาบาท เห็นผิดเป็นชอบ
หากจะเปรียบเปรยดังนี้ คงจะต้องแปลความกันให้ชัดแจ้ง ฝ่ายอธรรม หรือ ผ้าสีดำ นั้นจะ ผิดแปลกไปไหนไม่ได้นอกจากกลุ่ม “พันธมารธิปไตย” เพราะประกอบไปด้วย สิ่งปฏิกูลทางสังคม ซึ่งเปรียบเสมือนน้ำเน่าเหม็น เป็นองค์ประกอบสำคัญ
แกนนำลัทธิอุบาทว์ สั่งสอนผู้คน ไม่ต้องกราบไหว้บิดา มารดา ครู อาจารย์ บิดเบือนคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธะ ตัณหา โดยแปลว่า ตัน คือ ไม่มีที่ไป โกหกตอแหล บอกว่า เง็กเซียนฮ่องเต้สั่งให้ตั้งพรรคการเมือง เป็นต้น
พฤติกรรมทั้งหมดถูก ปกาสนียกรรมสงฆ์ โดยคณะสงฆ์ไทย ที่ไม่ยอมรับและเฉดหัวออกจากวงการพระพุทธศาสนา เพื่อไม่ให้แปดเปื้อนมัวหมอง มาบัดนี้ยัง ทำตัวเลียนแบบพระสงฆ์ นุ่งห่มจีวรสีกลัก เลียนแบบ บิณฑบาต เทศนา สวดมนต์
แกนนำเป็นเผด็จการ ชื่นชม คณะปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 อย่างออกนอกหน้า ไปร่วมวงพบปะสังสรรค์กันอย่างไม่อายฟ้าดิน ส่งคนของตัวเองไปร่วมกับองค์กรที่เป็นผลผลิตของคณะปฏิวัติรัฐประหาร เท่านั้นยังไม่พอ มีการนำเสนอแนวคิดเห็นทางการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย โดย การเสนอสูตรการเมือง 70 : 30 โดยให้สัดส่วนตัวแทนประชาชนมาจากการแต่งตั้งถึง 70% ส่วนการเลือกตั้งมีเพียงแค่ 30%
เป็นความขี้เท่อ น่าละอายอย่างยิ่ง ที่คนเป็นแกนนำพันธมารธิปไตยหยิบยกเรื่องธรรมาธรรมะสงคราม นำมากล่าวอ้างหน้าตาเฉยแบบนี้
ที่จริงการทำสงครามดังว่าได้ดำเนินการไปแล้ว นั่นคือผ่าน สนามเลือกตั้งที่ผ่านมา 23 ธันวาคม 2550 เป็นคำตอบของสนามประลองยุทธ์ว่า ฝ่ายใดคือฝ่ายแพ้ ฝ่ายใดคือฝ่ายชนะ และฝ่ายที่แพ้เป็นพวก “อธรรม” ส่วนฝ่ายที่ชนะเป็นพวก “ธรรมะ”
ฝ่ายที่แพ้แล้วไม่ยอมแพ้ ยิ่งจะเป็นการประกาศตน ตอกย้ำถึงจิตใจของการเป็นพวก “อธรรม” มากยิ่งขึ้น