WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, August 28, 2008

กลับบ้านกันเถิด!


คงเป็นที่ประจักษ์ตา แจ้งแก่ใจของคนไทยทั่วทั้งประเทศว่า การเคลื่อนไหวของหมู่พันธมารที่ชอบคาบคัมภีร์ บอกว่าเป็นสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมนั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่
แต่คือกองโจรที่โพกผ้า ที่เข้าปล้นทำลายประชาธิปไตย โดยวิธีการใช้กำลัง ข่มขู่ คุกคาม ทำลายสื่อหรือกลุ่มคนที่เห็นต่างกับกลุ่มตน
การเข้าไปบุกยึดสถานีโทรทัศน์ NBT เข้าไปเอามีดจี้ที่คอของผู้จัดรายการวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ เข้าไปทำลายข้าวของ ฉกทรัพย์ของราชการที่มาจากเงินภาษีของประชาชนนั้น คือ พฤติกรรมของกลุ่มคนที่บ้าคลั่ง
แปลกแต่จริง จนน่าสมเพช ที่ 2 คนในหมู่กองโจรกว่า 80 คนที่ตำรวจจับตัวได้ มีคนในระดับแกนนำปฏิบัติการณ์ 2 คน คือ นายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ รองเลขานุการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยผู้กำหนดและออกแบบการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ทุกครั้ง และ นายนัสเซอร์ ยีหมะ หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยตัวจริงที่คุมการ์ดบุกปะทะทุกครั้งที่แกนนำพันธมารสั่งการให้มีการเคลื่อนไหว
ที่น่าสมเพชก็คือ ทั้ง 2 คนนี้เรียกได้ว่ามีความสนิทสนมชิดเชื้อกับ สุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างแนบแน่น
นิติรัตน์ คือ รุ่นพี่ของสุริยะใส ตั้งแต่สมัยทำกิจกรรมนักศึกษา และเป็นกรรมการ ครป.ในห้วงเวลาที่สุริยะใสเป็นเลขาธิการ
ส่วน นัสเซอร์ คือเพื่อนรุ่นน้องของสุริยะใส ในการทำกิจกรรมนักศึกษาเช่นกัน เคยเป็นผู้ปฏิบัติงาน ครป.
เขาทั้ง 3 คนก้าวเข้ามาอยู่ในเวทีพันธมารด้วยกัน แบ่งหน้าที่กันทำ หนึ่งคนเป็นผู้ประสานงานทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงต่อสาธารณะ นิติรัตน์ทำหน้าที่ออกแบบจัดวางการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเดินไปไหน ไปทำอะไร เคลื่อนตัวไปไหน นิติรัตน์คือผู้ออกแบบร่วมด้วยกับทีมงานของสื่อในเครือพันธมารอย่างเสมอมา และมีนัสเซอร์ที่มีหน้าที่หลักคือเป็นผู้ดูแลฝูงการ์ดในหมู่พันธมาร
การออกมาปฏิเสธของสุริยะใส ว่ากลุ่มคนที่ตำรวจจับตัวได้นั้นไม่ใช่คนของพันธมิตรฯ นั้น ใช่หรือไม่ว่า ไร้ความสง่างาม และโหดเหี้ยมขนาดที่ว่า ใช้เพื่อนเป็นเครื่องมือ ด้วยการหักหลังและทรยศ ว่าไม่รู้จัก ไม่ได้เป็นแผนของพวกตน
เช่นนี้แล้ว น่าสะท้อน และสะเทือนใจไปถึงเหล่าบรรดา พี่ป้าน้าอา อาเจ้ อาซิ้ม อาม่า ทั้งหลายที่เป็นสาวกพันธุ์แท้ของเอเอสทีวี ซึ่ง ”อิน” กับการให้ข้อมูลที่บิดเบือนของเหล่าแกนนำ และบางคนศรัทธาหลงงมงายว่า 5+1 แกนนำนั้น กำลัง ”กู้ชาติ” กันจริงๆ
จึงพากันออกมา เป็นกองหน้าให้แก่พันธมาร และถูกปลุกปั่นยั่วยุให้เกิดภาวะอารมณ์เหนือเหตุผล จึงมีลักษณะเป็นฝูงชนที่ก้าวร้าว พร้อมที่จะใช้ความรุนแรง และแสดงภาวะบ้าคลั่งอย่างที่เห็น
รู้หรือไม่ว่า บรรดา 5+1 แกนนำนั้น กำลังหลอกใช้ หลอกให้มวลชนไปตายแทนพวกเขา
ซึ่งแม้แต่สื่อต่างประเทศยังมีรายงานชัดเจนว่าเป้าหมายของพันธมารคือความต้องการให้เกิดความรุนแรงและนำไปสู่การให้ทหารเข้ามายึดอำนาจดังนี้
การ์เดียน-บีบีซี รายงานการเคลื่อนขบวนของพันธมิตรฯ ระบุต้องการให้เกิดการปราบปรามและให้ทหารเข้ามาชี้ขาด
เดอะ การ์เดียน รายงานข่าวการบุกยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ซึ่งเป็นสถานีของรัฐ และทำเนียบรัฐบาลของกลุ่มผู้ชุมนุมว่า นำโดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนฝ่ายขวาเพื่อประชาธิปไตย (The rightwing People's Alliance for Democracy) เพื่อกดดันให้นายกฯ ลาออก
โดยระบุด้วยว่า ยุทธศาสตร์ของกลุ่มพันธมิตรฯ แสดงให้เห็นว่า ต้องการกระตุ้นให้เกิดการปราบปรามอย่างรุนแรงจากรัฐบาล เพื่อที่จะได้รับความเห็นใจจากสาธารณะ และอาจเพื่อบีบให้ทหารออกมาจัดระเบียบให้กลับสู่สภาพเดิม ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า กองทัพจะไม่กระทำการรัฐประหารและวิกฤติครั้งนี้จะสามารถแก้ไขได้ด้วยวิถีทางการเมือง
กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งวางตัวเองในกลุ่มอนุรักษนิยมและกองทัพ มองว่า นายสมัครเป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกขับไล่จากตำแหน่งด้วยการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ด้วยข้อหาคอร์รัปชั่นและใช้อำนาจในทางมิชอบ และขณะนี้ ได้ขอลี้ภัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
กลุ่มพันธมิตรฯ ได้โจมตีความต้องการแก้รัฐธรรมนูญของนายสมัครว่า เป็นเพราะต้องการช่วยให้ทักษิณพ้นข้อกล่าวหาเรื่องคอร์รัปชั่น รวมทั้งโจมตีรัฐบาลที่ล้มเหลวในการดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดกับทักษิณ ทั้งยังปฏิเสธที่จะเรียกร้องให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อนำตัวทักษิณมาขึ้นศาล
การเคลื่อนไหวนี้ต้องการแทนที่ระบอบประชาธิปไตยจากการเลือกตั้ง ด้วยระบบที่ปกครองโดยบุคคลที่แต่งตั้งจากระบบเจ้าขุนมูลนายและกองทัพ เนื่องจากมองว่า เสียงส่วนใหญ่ในชนบทนั้นขาดความรู้ในการเลือกผู้แทนฯ ที่ดี
ขณะที่ ผู้สื่อข่าวประจำสำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า การเคลื่อนไหวของมวลชนครั้งนี้มีข้อขัดแย้งบางประการ เนื่องจากแม้ชื่อของกลุ่มจะระบุว่า เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่กลับรณรงค์เพื่อหยุดระบบประชาธิปไตย โดยมีข้อโต้แย้งว่าการเลือกตั้งแบบตะวันตก เมื่อมาใช้ในประเทศไทยจะนำมาซึ่งการคอร์รัปชั่นและรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นแล้ว พธม. จึงต้องการรัฐสภาจากการแต่งตั้ง และให้ทหารเข้ามามีบทบาทเป็นผู้ชี้ขาดในการเมืองไทย
เช่นนี้แล้ว ด้วยความห่วงใยต่อประชาชนที่ออกไปร่วมกับพันธมาร กลับบ้านเถิด เพราะนี่ไม่ใช่งานวัด แต่เป็นงานศพที่เหล่าบรรดาแกนนำพันธมาร คาดหวังว่า จะเผาประชาธิปไตย เผาบ้านเผาเมืองนี้ให้เป็นจุณ