เผยหลักฐาน “ตั๋วหนัง” มัด “วิฑูรย์ นามบุตร” แถมมีภาพถ่ายตั้งแต่รับบัตรกำนัลจนถึงเข้าคิวรับตั๋วเข้าดูหนัง สอดคล้องกับคำให้การพยานหลายปาก ทั้งยังพบข้อน่ากังขาของอนุกรรมการฯ ปัดสอบพยานให้ครบทุกปาก และไม่ยอมพิจารณาเอกสารให้ครบ อ้างสอบสวนมามากพอแล้ว จนเกิดเป็นข้อสงสัยมีเจตนาช่วยเหลือใครหรือไม่ ตั้งข้อสังเกต กกต. มีหลักฐานในมือแน่นหนาขนาดนี้ ถ้ารอดใบแดงก็เป็นเรื่องแปลก
หลังจาก “ประชาทรรศน์” ได้เปิดเอกสารสำคัญให้เห็นชัดเจน ถึงความไม่ชอบมาพากลของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง จ.อุบลราชธานี ที่มีการเสนอความเห็นให้ยกคำร้อง ในคำคัดค้านข้อกล่าวหาที่ 1 ว่าด้วยการให้ทรัพย์สินสิ่งของที่อาจคำนวณเป็นเงินได้ (บัตรชมภาพยนตร์) และมีความเห็นให้ยุติคดี และในข้อกล่าวหาที่ 2 การโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพรื่นเริงต่างๆ ซึ่ง นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขานุการ กกต. ได้มีความเห็นแย้งไปทั้งหมดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2551 จนนำไปสู่การสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้งนั้น
ล่าสุดในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยังพบสาระสำคัญตามเอกสารการประชุมของอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องคัดค้านและปัญหาหรือข้อโต้แย้ง คณะที่ 2 รวม 2 ฉบับ ที่ส่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ร้องเรียน คือนายวิฑูรย์ นามบุตร ซึ่งเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ถูกร้องเรียนพร้อมด้วยผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ จ.อุบลราชธานี อีก 3 คน
โดยการประชุมอนุกรรมการฯ ที่มีนายสุธน แสงสายัณห์ เป็นประธาน ในครั้งที่ 38/2551 เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2551 กลับพบว่ามีการบอกปัดที่จะสอบพยานให้ครบถ้วนทุกปาก โดยอ้างง่ายๆ ว่าการสอบสวนพยานมีความเพียงพอแล้ว โดยระบุไว้ท้ายรายงานการประชุม ว่า
“ในวันนี้ (7 ส.ค. 51) คณะอนุกรรมการได้สอบปากคำ นายกำพล มุจลินทร์ ไว้เรียบร้อยแล้ว สำหรับพยานบุคคลอื่นๆ ที่ผู้คัดค้านทำหนังสือขอให้ปากคำในวันนี้ คณะอนุกรรมการฯ ได้รับหนังสือไว้พิจารณาแล้วเห็นว่าพยานที่นำมาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และพยานที่ทำการสอบสวนได้สอบสวนเพียงพอแล้ว คณะอนุกรรมการฯ จึงไม่ได้ทำการสอบปากคำในวันนี้”
กรณีดังกล่าวได้เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ ว่า กกต. จะมีเจตนาบอกปัดการสอบพยานเพื่อจงใจให้ความช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย์อย่างไรหรือไม่
โดยที่ต่อมาในวันที่ 18 สิงหาคม การประชุมครั้งที่ 43/2551 ของคณะอนุกรรมการฯ ชุดเดียวกันนี้ ที่มีการส่งเอกสารเพิ่มเติม ที่ประชุมก็ยังปฏิเสธ โดยไม่ยกเอกสารดังกล่าวขึ้นพิจารณา
ขณะเดียวกันในส่วนขอข้อร้องเรียนว่าด้วยการให้ทรัพย์สินหรือสิ่งของที่อาจคำนวณเป็นตัวเงินได้ ซึ่งหมายถึงตั๋วหนัง ที่ กกต.อุบลราชธานี มีการเสนอความเห็นให้ยกคำร้องนั้น กลับพบว่าในเอกสารการสอบสวนที่มีอยู่ในมือ กกต. นั้น มีหลักฐานต่างๆ ชัดเจน สอดคล้องกับคำให้การของพยานที่ระบุว่าหัวคะแนนของพรรคการเมืองใหญ่ นำบัตรอนุญาตชมภาพยนตร์ของโรงภาพยนตร์เนวาด้ามัลติเพล็กซ์ ออกแจกจ่ายระหว่างวันที่ 15-20 ธันวาคม 2550
และบัตรดังกล่าวได้ถูกนำไปแลกบัตรเข้าดูหนังใน 2-3 วันถัดมา ดังที่ปรากฏหลักฐาน จากพยานหลายปากที่มีตั๋วหนังในวันที่ 22 ธันวาคม 2551 พร้อมทั้งยังมีภาพถ่ายประชาชนที่เข้าแถวรอแลกบัตรเข้าชมภาพยนตร์ และมีใบปลิวเชิญชวนฟังปราศรัยแนวนโยบายพรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งทั้งหมดนั้นยังไปสอดรับกับวีซีดีที่มีการถ่ายจากในโรงภาพยนตร์ ที่มีการกลาวปราศรัยหาเสียง อย่างโจ่งแจ้ง
ทั้งนี้ จากพยานหลักฐานเอกสารที่มีอยู่ในมือ กกต. ดังกล่าว จึงเป็นที่จับตาอย่างยิ่งว่า กกต. ยังจะสามารถสรุปสำนวนตามที่มีโผออกมาก่อนหน้านี้จริงหรือไม่ เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็จะยิ่งทำให้เกิดความกังขาในบทบาทของ กกต. มากยิ่งขึ้น