WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, August 25, 2008

เสียดายคนเป็นไม่ค่อยคิด

คอลัมน์ : ขอบฟ้า-หน้ากระจก

ไปทางไหน ใครก็บ่นเบื่อความวุ่นวายทาง การเมือง ทางเศรษฐกิจ ที่กระทบสังคมโดยรวมอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งก็บ่นกันไปตามเรื่อง ฟังมากเข้าเกิดคำถามขึ้นในใจว่า รากเหง้าแห่งความวุ่นวาย นั้นมาจากอะไร เราเป็นชาวพุทธที่ถูกสอนให้หาต้นเหตุของความทุกข์ให้เจอเสียก่อน แล้วจะพบหนทางดับทุกข์ได้เอง

สัปดาห์ที่แล้วมีเรื่องดีกับเรื่องร้ายเข้ามากระทบโดยตรง กระทบจนรู้สึกได้ถึงประโยชน์ของคำสอนในพระพุทธศาสนา หากไม่เกิดสองเรื่องนี้ขึ้นพร้อมกัน ก็น่าจะยังคิดอะไรไม่ได้

เรื่องดีและเรื่องร้ายมาในวันเดียวกัน ในสถานที่ใกล้เคียงกัน ใกล้จนเปรียบเทียบเห็นความสว่างที่ไม่อาจจะเรียกขานว่า ได้ดวงตาเห็นธรรม แต่ก็ใกล้เคียง

เรื่องดี น้องสาวคลอดหลานชายคนแรกให้ตายาย และลุงที่ยังโสดสนิท เด็กออกมาน่ารัก อ้วนจ้ำม่ำ ใครมองเด็ก ไม่น่ารักเห็นจะต้องเช็กอารมณ์ ทัสนคติตัวเองเสียใหม่ ผมมองแกดิ้นบิดตัวไปมาเหมือนหนอนตัวเล็กเพิ่งจากใยไหม ออกมาดูโลกภายนอก สองตายังหลับพริ้ม อดมองไปถึงอนาคตของคนรุ่นเขาว่าจะต้องพบเจออะไรบ้าง บ้านเมืองที่เขาอุตส่าห์ตั้งใจมาเกิด จะเป็นเช่นไรในอีกสิบ-ยี่สิบปีข้างหน้า จะยังคงเป็นฝักฝ่ายต่อสู้ทางความคิด ยึดความเห็นตัวเองเป็นใหญ่ หรือกลับไปสมัครสมานสามัคคีร่วมกันพัฒนาชาติเมืองให้เจริญรุดหน้าเทียบนานาอารยประเทศ

หลานชายตัวน้อยกำสองมือแน่น เหมือนกับจะบอกว่า พร้อมที่จะกำโลกใบนี้ไว้ในกำมือ หรือมนุษย์ทุกผู้คนบนโลกนี้ เกิดมาเพื่อเอา เพื่อไขว่คว้าทุกสิ่งอย่างไว้ในกำมือตนเองเท่านั้น กำลังคิดเพลิดไปน้องสาวตื่นขึ้นมาบอกว่า “พี่ช่วยตั้งชื่อเพราะๆ มีความหมายให้หลานด้วยนะ เอาที่เป็นสิริมงคล เรียนเก่งสติปัญญาดี โตขึ้นร่ำรายมีหลักทรัพย์นะ”

ผมได้แต่อมยิ้ม พยักหน้ารับปากน้องสาว มองทั้งน้องสาวทั้งหลานด้วยความอิ่มเอมเอ็นดู ชีวิตแรกเกิดล้วนน่าชื่นใจ ปลาบปลื้มเช่นนี้เอง มิน่าพ่อแม่ พี่น้องต่างรอคอยด้วยความตื้นเต้นยินดี หวังว่าเขาจะมาเป็นเพื่อนร่วมสุข ไม่มีใครมองเห็นทุกข์ที่แอบซ่อนอยู่ทุกก้าวย่างของแต่ละชีวิต

ผมเอ่ยปากลาน้องสาว น้องเขย บอกเขาว่าจะไปเยี่ยมป้าที่อาการเพียบหนัก ในอีกตึกหนึ่งของโรงพยาบาล น้องสาวหน้าสลด เพราะได้ข่าวจากญาติที่วนเวียนเยี่ยมทั้งคนเกิดและคนเจ็บ เราสองคนเคยกินนมป้ามา เพราะแม่ไม่มีน้ำนม ป้ากับแม่มีลูกปีเดียวกัน เหมือนคนบ้านนอกสมัยนั้นทั่วไป ที่ยินดีต้อนรับทุกชีวิตที่จะมาอาศัยท้องเกิด โดยไม่กีดกันด้วยกลวิธีเยี่ยงคนสมัยนี้

เดินข้ามตึกไปอีกฟาก ยังไม่ทันถึงห้องคนไข้พิเศษ ลูกสาวป้าบอกหมอย้ายแม่ไปห้องไอซียู ตั้งแต่เช้า ยังสาวเท้าไม่ถึงหน้าห้องเสียงร้องไห้ระงมดังสวนออกมานอกห้อง เห็นญาติพี่น้องหน้าชุ่มไปด้วยน้ำตา เดินเข้าไปกราบตรงกลางอกป้า อกนี้เคยสงเคราะห์น้ำนมหล่อเลี้ยงชีวิตเรามาเหมือนกัน กล่าวขอขมาอภัยในสิ่งที่อาจจะทำให้คนตายขัดข้องหมองใจเป็นครั้งสุดท้าย

ผมเดินเลี่ยงออกมานอกห้องไอซียู มองไปยังญาติคนไข้อื่นทั้งที่รู้จัก และไม่รู้จัก หาคนสดชื่นไม่เจอ หน้าเศร้า สายตาไร้ความแช่มชื่น มีแต่ความวิตกกังวล บางคนลุกลี้ลุกลนทุกครั้งที่หมอและพยาบาลผ่านมา ที่กล้าหน่อยเดินเข้าไปถามอาการคนไข้ หมอเองคงอึดอัด หรือรำคาญที่จะบอกส่งเสียงอู้อี้ผ่านผ้าคาดปากแล้วจากไป

ไม่น่าเชื่อว่าเพียงข้ามตึกมาอีกฟาก บรรยากาศจะต่างกันราวสวรรค์กับนรก ตึกที่ต้อนรับการเกิดทุกสีหน้าเปื้อนยิ้ม อิ่มด้วยความหวัง พูดจาสนทนาถึงอนาคตอันสดสวย มีแต่เสียงยินดีปรีดาต้อนรับชีวิตอย่างวาดหวัง บันเทิงใจ

ผมนั่งไปกับรถโรงพยาบาล มองหน้าร่างที่ไร้วิญญาณของป้าผู้มีพระคุณ เหมือนจะตราตรึงซึมซับไว้เป็นครั้งสุดท้าย เจ้าของร่างนี้มีน้ำใจกับทุกคน ชอบช่วยเหลือเฟือฟายคนตกทุกข์ได้ยาก ใครเอ่ยปากไม่เคยขัดมากน้อยอนุเคราะห์ด้วยเมตตา

ถึงวัดจัดแจงตระเตรียมรดน้ำศพ ญาติผู้ใหญ่ช่วยลุงสัปเหร่อ จับมือป้าออกมาที่พานรอรดน้ำ สองมือเจ้าของที่นากว่า 80 ไร่ ห้องแถวให้เช่าในตลาดอีก 40 ห้อง ที่นับเงินมาไม่น้อยกว่าใครในย่านนี้ แบออกอย่างยอมจำนน ไม่ขัดขืน ประหนึ่งจะบอกเป็นปริศนาธรรมแก่ผู้มารดน้ำว่า ฉันยอมแล้ว ฉันไม่สามารถนำอะไรติดตัวไปได้สักอย่างเดียว ดูมือฉันซิว่างเปล่า แม้แต่น้ำที่รดลงมาก จะเอามาลูบหน้าตัวเองเหมือนเมื่อสงกรานต์ยังไม่ได้

ลุงสัปเหร่อหยิบมีดหมอออกมาฟันที่ของโลงเบาๆ ถามชื่อออกมาดังๆว่า นี่ โลงใคร ลูกหลานรวมทั้งผมด้วยที่พอรู้พอเห็นพิธีพื้นบ้านนี้มาบ้าง ร้องตอบออกไปดังๆ พอกันด้วย ชื่อ นามสกุลคุณป้า สามครั้ง เป็นอันจบ ช่วยกันยกร่างไร้วิญญาณท่านใส่โลง รอพระมาสวด และทำพิธีฌาปนกิจ ในอีกห้าวันข้างหน้า

ชีวิตก็เป็นเช่นนี้เอง มีความตายเป็นที่สุด ไม่มีใครหลีกหนีพ้น เมื่อเกิดขึ้นมามีอะไรมาด้วยเจ้า มีแต่คิดจะเอากันเท่านั้น ที่ขัดแย้งชิงดีชิงเด่น เอาเป็นเอาตายกันทุกวันนี้ บางคนอายุจะ 90 อยู่ร่อมร่อ หากนึกถึงความตายบ้าง เหตุการณ์บ้านเมืองคงไม่รุนแรงขมึงเกรียวเช่นนี้

ขณะที่ลุงสัปเหร่อ ร้องถามชื่อว่า นี่โลงใคร ผมอดคิดถึงคำพูดน้องสาวที่ขอให้ตั้งชื่อหลานไม่ได้ ผมจะตั้งชื่ออย่างที่น้องสาวขอ เพื่อให้วันหนึ่งสัปเหร่อ เอามีดฟันโลง แล้วร้องถามทั้งที่รู้ว่า นี่โลงใคร ไปอีกนานเท่าไร.