ม็อบ หมายถึง ฝูงชนที่บ้าคลั่ง
ม็อบถ่อย พันธมารธิปไตย เป่านกหวีด ...ปิ๊ด...ปี้...ปิ๊ด... ได้สำแดงผลในธาตุแท้ของความไม่เข้าใจซึ่งประชาธิปไตยอย่างชัดแจ้งแล้ว การที่ “พันธมารธิปไตย” กว่า 80 คน ใช้กำลังข่มขืนใจพนักงาน ผู้ดำเนินรายการ ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ใน NBT ด้วยมีด ดาบ สปาร์ต้า และปืน ที่กำลังจัดรายการ “ไมโครโฟน”
นี่ไม่ใช่การชุมนุมโดยสันติ ตามมาตรา 63 ที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550 ได้ให้ความคุ้มครองกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน
เป็นการกระทำที่สะท้อนความคิดในเชิงการใช้ความรุนแรงเพื่อแก้ไขปัญหา ไม่ต่างอะไรกับ เหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 ที่นำกำลังทหารเข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาทางการเมือง โดยคนกลุ่มนี้ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการเปิดประตูไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร เข้าร่วมสนับสนุนให้โจรเข้ามาปล้นประชาธิปไตย ซึ่งเป็น กบฏ ในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112-113-114
เมื่อบ้านเมือง อยู่ใน ยุค ที่ ไม่มีความเป็นธรรม กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย ฝ่ายหนึ่งกระทำการอย่างอาจหาญ เพราะได้ใจจากบางฝ่ายแอบ สนับสนุน ยั่วยุ ให้ท้าย ตลอดเวลา
ย้อนรอยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรุ่งเช้าวานนี้ (ที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที มีชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่ง ใส่เสื้อ ผูกผ้าพันคอกู้ชาติ ปิดหน้า ปิดตา การกระทำการเยี่ยงนี้ ไม่ต่างอะไรกับโจรกบฏ กลุ่มคนเหล่านี้บังอาจใช้กำลังอาวุธเข้าคุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนอย่างไม่ละอาย
มีการใช้ มีดสปาร์ต้า เข้ามาจี้ผู้นำเนินรายการ “สุคนธ์ ชัยอารีย์” ขณะที่กำลังจัดรายการ “ข่าว 97” พร้อม ข่มขู่ให้เลิกจัดรายการ เคราะห์ดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปควบคุมสถานการณ์ได้ แม้จะช้าไปบ้าง
การ บุกยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยเหตุผลต่างๆ แต่อย่างใดทั้งสิ้น เนื่องเพราะเป็นการ ใช้กำลัง และ อาวุธ ตัดสินปัญหา ซึ่ง เป็นการกระทำที่จะต่างอะไร กับ สัตว์เดรัจฉาน ก็ไม่ทราบได้
“พันธมารธิปไตย” พยายามสร้างสถานการณ์ในการ ก่อความวุ่นวายภายในประเทศ โดยมีการปิดกั้นสถานที่ราชการหลายแห่ง ล้วนเป็นเหตุการณ์เชื่อมโยงที่ ต้องการจะกระทำการในลักษณะเป็นกบฏในราชอาณาจักร
เหตุการณ์ที่ไม่ปกติสุขที่เกิดขึ้นในชาติบ้านเมืองในขณะนี้ ฝ่ายประชาธิปไตยคงจะทำอะไรไม่ได้มากนัก นอกจากการออกมาประณามและเรียกร้องกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่เกี่ยวข้อง
กองบรรณาธิการประชาทรรศน์ เรียกร้องให้ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร ออกมาช่วยกันดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วยความเฉียบขาด จับกลุ่มคนเหล่านี้ไปลงโทษ
กองบรรณาธิการประชาทรรศน์ เรียกร้องให้ ประชาชนที่อาจจะไม่พอใจ ให้อยู่ในที่ตั้งโดยสงบและสันติ
กองบรรณาธิการประชาทรรศน์ เรียกร้องให้ กองกำลังทหารอย่าเข้าทำการปฏิวัติรัฐประหาร เนื่องจากไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น ที่จะแก้ปัญหาด้วยการโค่นล้มการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
เราเชื่อว่า การแก้ปัญหาทางการเมือง จะต้องทำด้วยการเมือง
เราเชื่อว่า การใช้กระบวนการยุติธรรม ที่เที่ยงตรง เป็นธรรม จะยุติปัญหาในสังคมไทยได้
เราเชื่อว่า การใช้กำลังทหารไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศได้
ขบวนการแก้ไขปัญหาความวุ่นวายต้องใช้ความเด็ดขาด เข้าแก้ไขปัญหา รัฐบาล จะต้องกล้าให้นโยบายกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ในการเข้าจัดการกับกลุ่มที่มีปัญหา
ประเทศไทยมีคน 63 ล้านคน จะยอมให้คนเพียงไม่กี่หมื่น กี่แสนคน พรรคการเมืองไม่กี่พรรค คนสนับสนุนไม่กี่คน มาทำความปั่นป่วนวุ่นวายในชาติบ้านเมือง เศรษฐกิจเดินหน้าไม่ได้ ทำให้คนทุกข์ยากเต็มไปหมด รัฐบาลอย่าไปกลัวคำขู่ของกลุ่มคนพวกนี้ เพราะรัฐบาลเป็นเสียงข้างมากที่ประชาชนเลือกเข้ามา ให้กำลังใจรัฐบาลแก้ไขปัญหาประเทศชาติในครั้งนี้