พรรคพลังประชาชนจะต้องวางจุดยืนสาธารณะลงไปเลยว่าจะไม่มีวันอ้างความสมานฉันท์เพื่อมาร่วมเรียงเคียงหมอนกับผู้ที่เป็นเผด็จการได้
ส่วนใหญ่ผู้คนรู้ดีแล้วว่ากว่าจะได้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศจะต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง
เริ่มตั้งแต่การเรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรและเลือกประธานสภาฯ
ประธานสภาฯคนใหม่เรียกประชุมสภาฯเพื่อสรรหานายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรีนำรายชื่อคณะบุคคลที่เตรียมไว้ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา หากไม่มีอะไรผิดปรกติก็มักจะทรงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นคณะรัฐมนตรี
การที่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองในท่อนท้ายของพระบรมราชโองการ หมายความว่านายกรัฐมนตรีคือผู้รับผิดชอบในการนั้นทั้งปวง ตามหลักที่ว่าพระมหากษัตริย์ทรงพ้นจากความผิดใดๆ (the king can do no wrong) มีอะไรขึ้นมานายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้รับไปทั้งหมด
ขั้นตอนที่เหลือก็คือการขอพระราชทานเข้าเฝ้าเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ เสร็จสิ้นพระสุรเสียงในนาทีไหน ชีวิตของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ก็จะเริ่มขึ้นในนาทีนั้น
มีพิเศษตรงที่ว่ากระบวนการขั้นตอนในปีนี้ต้องคำนึงถึงงานพระศพของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ด้วย โดยเฉพาะในความเหมาะสมและเงื่อนเวลา
หลังจากนั้นคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ก็เวียนว่ายตายเกิดกันต่อไปในสายธารแห่งการเมือง
ระบบของเราก็เป็นเช่นนี้
แต่สิ่งที่ควรคิดให้มากคือ ความแตกต่างระหว่างการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีในขณะนี้กับในอดีตที่ผ่านมา กระบวนการขั้นตอนที่ว่ามานั้นย่อมละม้ายคล้ายกัน แต่ไปแตกต่างในรายละเอียด
เป็นต้นว่าคณะรัฐมนตรีชุดนี้จะประกอบขึ้นด้วยพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์พื้นฐานแตกต่างกันมาก พรรคการเมืองส่วนใหญ่เริ่มตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์พากันยินยอมพร้อมใจให้ทหารครองเมืองด้วยวิถีทางรัฐประหาร ด้วยการไม่คัดค้านให้เป็นที่ประจักษ์ แถมยังให้ท้ายเขาอย่างออกหน้าออกตา มีพรรคพลังประชาชนพรรคเดียวที่ยืนหยัดคัดค้านอยู่อย่างโดดเดี่ยวและเหนียวแน่น
อย่างนี้จะรวมนโยบายและกำหนดท่าทีร่วมอย่างไร
การรวมเอาพรรคอย่างชาติไทยและเพื่อแผ่นดินเข้ามาในรัฐบาลใหม่ก็เต็มกลืนอยู่แล้วในความรู้สึกของประชาชนเป็นจำนวนมาก แต่ก็อดกลั้นกันอยู่ทั่วไป เพราะรู้ถึงความจำเป็นของบ้านเมืองในขณะนี้
แต่ถ้าจะต้องประนีประนอมกับเผด็จการ โดยเฉพาะกับคนที่กระทำตัวเป็นสาวกเผด็จการแล้ว คงจะมากเกินไปกว่าที่คนทั่วไปเขาจะรับได้
พรรคพลังประชาชนจะต้องวางจุดยืนสาธารณะลงไปเลยว่าจะไม่มีวันอ้างความสมานฉันท์เพื่อมาร่วมเรียงเคียงหมอนกับผู้ที่เป็นเผด็จการได้ แต่อาจต้องใช้เวลาดำเนินการเพื่อขจัดเชื้อโรคเหล่านี้ออกไปจากระบอบประชาธิปไตย
จะยอมให้พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคมากล่อมให้ใจดีกับพวกเผด็จการเชื้อชั่วไม่ยอมตายไม่ได้เด็ดขาด
อย่าลืมทีเดียวว่าวิกฤตการณ์ทางการเมืองในช่วงสองปีที่ผ่านมาเกิดจากความทะยานอยากของทหารบางคนเพียงส่วนหนึ่ง แต่เกิดจากคนที่ใช้ทหารเป็นเครื่องมือในเกมชิงอำนาจของตนและจากนักการเมืองที่หวังได้ดีด้วยการเลียทหารมากกว่า
การกำจัดรากเหง้าเผด็จการจึงทำได้ในคณะรัฐมนตรี และสมควรที่จะทำเสียเลยในคราวนี้
การวางนโยบายด้านความมั่นคง การเลือกตัวรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง การดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนทำลายประชาธิปไตย ฯลฯ เหล่านี้เป็นโจทย์ของเรื่องนี้ทั้งนั้น
พรรคพลังประชาชนจะต้องเล่นบทนำในเรื่องทั้งหมดนี้อย่างชัดเจน เพื่อให้ประชาชนผู้รักและต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมานักหนาจะได้มีที่พึ่ง เพราะเขาพึ่งพรรคอย่างชาติไทย เพื่อแผ่นดิน รวมใจไทยชาติพัฒนา ประชาราช และมัชฌิมาธิปไตยไม่ได้
งานอื่นๆก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้า แต่งานประชาธิปไตยต้องไม่มอบให้ใคร
ส่วนเรื่องในสายงานเดียวกันนี้ก็ต้องว่ากันให้ชัดและประนีประนอมไม่ได้อีกเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ. 2550 หรือนโยบายการแก้ไขปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เหลวเละอย่างยิ่งภายใต้ คมช. จะว่ากันอย่างไรต่อไป
นี่ก็เป็นบทบาทนำของพรรคพลังประชาชนอีกเหมือนกัน
พูดให้แคบลงมาตรงนี้เลยก็ได้ว่าตำแหน่งรัฐมนตรีบางกระทรวง จะเป็นตำแหน่งว่าการหรือช่วยว่าการก็ตาม หากเกี่ยวข้องกับการธำรงรักษาประชาธิปไตยแล้ว จะยกให้แก่พรรคการเมืองที่อ่อนอุดมการณ์กว่าพรรคพลังประชาชนมิได้.--จบ-
///////////////////////////////////////////
คอลัมน์: เลือกคบ ไม่เลือกข้าง...
จากหนังสือพิมพ์โลกวันนี้