WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, June 10, 2008

มือไม่พาย...เอาเท้าราน้ำ!

ผมได้ฟังนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ชี้แจงผลงานในช่วงระยะเวลา 4 เดือน รวมทั้งเรื่องการวางแผนโครงการในอนาคต เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ ผ่านรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ก็รู้สึกว่าน่าเห็นใจนายกฯ

แม้จะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่แล้ว แต่ผลงานยังไม่เข้าตาชาวบ้านเท่าไรนัก เราก็ต้องเข้าใจถึงสถานการณ์ต่างๆ ด้วย

ถ้าเปรียบเทียบการทำงานของ รัฐบาลนายกฯ สมัคร เหมือนกับ “เรือลำใหญ่” ที่กำลังล่องลอยอยู่กลางทะเล โดนคลื่นซัดซวนเซ

นอกจากจะโดนคลื่นโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ ยังโดนเพื่อนๆ บนเรือพยายามจะทำให้เรือล่มอีกด้วย

พวกนี้แหละที่จะบอกว่า “มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ” ซึ่งเป็นสุภาษิตไทยที่จะอธิบายสถานการณ์การเมืองไทยได้อย่างดีที่สุด

“มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ” ถือเป็น “ตัวร้าย” เพราะ ไม่ทำ แต่คอยที่จะขัดแข้งขัดขาคนอื่น พวกที่ทำงานก็ทำกันไปแทบตาย

เปรียบได้กับประเทศไทย ณ เวลานี้ ก็เลยไม่ก้าวหน้า ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางสักที มาเลเซียไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ส่วนเวียดนามก็กำลังไล่หลังมาติดๆ

พวกเอาเท้าราน้ำที่กล่าวถึงนี้ เปรียบได้กับ “ม็อบข้างถนน” และแกนนำอีก 5+1 คน ที่กำลังเย้วๆ อยู่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์

พวกนี้กำลังถ่วงความเจริญของประเทศชาติ โดยอ้างว่าตัวเองได้ออกมาทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ

พวกเขาเหล่านั้นเรียกการกระทำนี้ว่าการ “กู้ชาติ”!

โดยมีสื่อมวลชนและเอ็นจีโอคอยให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ สร้างกระแสครอบงำความคิด ให้ประชาชนส่วนหนึ่งได้เกิดความรู้สึกว่า รัฐบาลคือคนเลว คนชั่ว คนโกง

ถึงแม้ว่าการออกมาแสดงความเห็นที่แตกต่าง เป็นสิทธิของนักวิชาการ สื่อมวลชน เอ็นจีโอ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย

แต่การออกมาแสดงความคิดเห็นจะต้องไม่มากและก้าวล่วงจนเกินไป จนฝ่ายรัฐบาลทำงานกันไม่ได้

ตัวอย่างที่จะยกมาประกอบเรื่อง “มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ” อีกตัวอย่างหนึ่งคือ กรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศยกระดับการชุมนุมเป็น “อารยะขัดขืน” โดยจะหยุดงานและงดจ่ายภาษี

รวมทั้งอาจจะร่วมมือกับรัฐวิสาหกิจ เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา งดจ่ายน้ำ จ่ายไฟ ปิดสนามบินนานาชาติ ฯลฯ

เท่าที่ได้ฟัง นายสุริยะใส กตะศิลา ให้สัมภาษณ์นั้น ดูท่าทางจะมั่นใจมากว่า เป็นสิทธิของพลเมืองที่ไม่จำเป็นต้องยอมรับและปฏิบัติตามรัฐบาล

ผมมั่นใจว่า “อารยะขัดขืน” ที่คุณสุริยะใสประกาศออกมานั้น ไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน และรัฐบาลไม่จำเป็นต้องไปกังวลกับคำข่มขู่ของคุณสุริยะใสมากนัก

แต่ผมเกรงว่า เด็กๆ เยาวชน ที่ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือผู้ปกครองที่นำบุตรหลานไปฟังการปราศรัย จะสับสนในคำพูดของผู้หลักผู้ใหญ่

ห่วงเด็กจะเข้าใจและตีความไปผิดๆ ว่า ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังกฎหมาย ไม่ต้องเคารพระเบียบกติกาที่สังคมร่วมสร้างกันมา

ต่อไปลูกหลานของเราคิดอยากจะทำอะไรตามใจตัวเองก็ได้ ซึ่งถ้ามีผู้ใหญ่ออกมาห้ามปรามก็อ้างได้ว่า ใช้อารยะขัดขืน

ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว สังคมเราจะอยู่กันอย่างไร บ้านนี้ เมืองนี้ มีกฎหมาย มีขื่อมีแป ใครไม่ยอมรับหรือขัดขืนก็ไม่สมควรที่จะอยู่ในประเทศนี้

...ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่พวกเราจะอัปเปหิพวกมือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำ ออกจากสังคมไทยไปให้ไกลๆ เสียที!

ลวดหนาม