ทั้งนี้ นายชูชีพ ชีวะสุทธิ์ จากกลุ่มเพื่อนรัฐธรรมนูญ 40 กล่าวบนเวที สภาสนามหลวง ในการเสวนาเรื่อง “ทางลงพันธมิตร ทางออกประเทศไทย” ว่า ก่อนจะตอบคำถามในหัวข้อดังกล่าว อยากให้ไปดูว่า ในอดีตนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคยบอกว่า ใครก็ตามคุมสื่อได้ก็สามารถคุมโลกได้ ดังนั้น นายสนธิ จึงพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้ามาเป็นเจ้าพ่อสื่อสารในทุกแขนงของประเทศไทย และก็ใช้สื่อในมือของตัวเองเหล่านี้ บิดเบือน ทิ่มแทงคนอื่น เพื่อประโยชน์ของตัวเอง อย่างที่เห็นได้ชัดจากการนำเสนอข่าวสารของ เอเอสทีวี และสื่อในเครือผู้จัดการ ซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งงต่อรัฐบาล หากยังปล่อยให้สื่อเหล่านนี้ด่าทอรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้อยู่ทุกวัน
นอกจากนี้ ยังไม่เข้าใจด้วยว่า เหตุใด ศาลปกครองจึงให้ความคุ้มครอง เอเอสทีวี ยาวนานนัก ซึ่งการนำเสนอข่าวสารของ เอเอสทีวี เข้าข่ายอย่างชัดเจนเป็นการยั่วยุ บิดเบือน ให้เกิดความแตกแยกขึ้นในสังคม ซึ่งหากใครได้รับฟัง จะพบว่า เอเอสทีวี ได้กลายเป็นเครื่องมือป่าวร้องให้ประชาชนออกมาตั้งรัฐอิสระไปแล้วในหลายจังหวัด ขณะที่ตุลาการก็คือข้าราชการที่มีหน้าที่ต้องช่วยให้เกิดความสงบสุขแก่ประชาชนทั้งประเทศกลับนิ่งเฉย
นายชูชีพ กล่าวต่อไปว่า อีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในม็อบพันธมิตรฯก็คือ กลุ่มสันติอโศก ที่มี พระโพธิรักษ์ และพล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นผู้นำอยู่นั้น มีความเชื่อที่งมงาย น่ากลัวและเป็นอันตรายที่สุด เนื่องจากกกลุ่มคนเหล่านี้ถูกล้างสมองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ว่า พวกของตนเองดีกว่าคนอื่น ฉลาดกว่าคนอื่น ที่สำคัญดื้อด่านที่สุด ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
“ผมถือว่ากลุ่มนี้อันตรายมาก มองคนอื่นโง่ ประชาชนเมาเหล้า เล่นการพนัน มองนกการเมือง คดโกง ไม่ยอมรับประชาชนส่วนใหญ่ ที่ผ่านมาก็ได้เห็นแล้ว ออกประท้วงต่อต้านเบียร์ยี่ห้อหนึ่งไม่ให้เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อต้านหวยบนดิน จนประเทศชาติสูญเสียประโยชน์ไปอย่างมหาศาล”
นายชูชีพ กล่าวด้วยว่า นอกจากนั้น ยังมีพวกอุดมการณ์ซ้ายสุดเก่า ปนเปอยู่ด้วย ซึ่งกลุ่มคนพวกนี้ ยังคงมีแนวคิดสังคมนิยมโบราณฝั่งหัวอยู่ ดังจะเห็นได้หลังจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ประสบความสำเร็จ คนพวกนี้ออกมายุยงทหารไม่ให้มีเลือกตั้ง จึงดูแล้วยากที่จะเจรจากับกลุ่มคนพวกนี้ โดยเฉพาะเมื่อนายสนธิ เคยประกาศแล้วว่า ตายเป็นตาย เจ๋งเป็นเจ๋ง และยังประกาศเป็นสงครามศักดิ์สิทธิ์ ปลุกเร้ามวลชนด้วย
“ทางลงของแก๊งพันธมิตร ผมมองว่า คงไม่ค่อยมี เพราะเขาประกาศ ตายเป็นตาย เจ๋งเป็นเจ๋ง เป็นสงครามศักดิ์สิทธิ์ ส่วนทางออกก็คือรัฐจะต้องยืนหยัด ประชาชนก็ต้องใจเย็นๆ อย่าพยายามไปมีเรื่อง แล้วอยากจะเสนอ ไว้ 3 เรื่องก็คือ หนึ่ง ปิดสื่อเลว เอเอสทีวี สอง ตรวจสอบกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นผู้พิพากษา อัยการให้ดี เพราะไม่เคยเห็นฟ้องกลุ่มคนพวกนี้เลย ทั้งที่ประชาชนเห็นชัดๆอยู่ว่า ทำผิด คือขอให้ว่ากันไปตามกฎหมาย และสาม อยากขอร้องไปยังเหล่าทหารหาญทุกท่าน ว่า มีแต่กบฎเท่านั้นที่จะถูกเรียกขานหากยังใช้อาวุธเข้ามายึดอำนาจอีกครั้ง หรือต่อไปคนไทยอาจะได้เห็นนายจำลอง เป็นนายกรัฐมนตรี นายสนธิ เป็นประธานาธิบดี” นายชูชีพ กล่าว