ปกติเวลาขึ้นรถแท็กซี่ ไม่ค่อยชอบคุยกับคนขับเท่าไร เพราะอยากจะนั่งฟังเพลงจากเครื่องเล่นที่พกติดตัว หรือไม่ก็วิทยุในรถคันนั้นมากกว่า แต่เมื่อวานเกิดนึกอยากคุยขึ้นมา อาจเพราะเห็นตรงกันกับแท็กซี่ว่า บนท้องถนนมันมีรถวิ่งมากมายเหลือเกิน
รถวิ่งขวักไขว่จนเกินจะทำใจให้เชื่อได้ว่า นี่เรากำลังอยู่ในยุคน้ำมันโ-ค-ต-รแพง…
ผู้อ่านหลายท่านก็คงเชื่อเหมือนคนขับแท็กซี่คนนี้ละว่า ‘ใครบอกคนไทยจน?’ เพราะถ้ายากจนกันจริงทำไมยังมีเงินซื้อรถ ที่มากกว่าก็คือ ทำไมยังมีเงินเติมน้ำมันรถกันอีก (ความจริงอาจใช้แก๊สก็ได้นะ อิอิ)
คุยไปคุยมา ก็วกมาถึงเรื่องการขึ้นราคาค่าโดยสารที่รถเมล์ล่วงหน้าไปก่อน แต่ถูกสังคมตีกลับจากทุกด้าน ทั้งจากผู้ประกอบการที่ต้องการให้ขึ้นเพราะแบกรับภาระไม่ไหว และทั้งผู้บริโภคที่ก็แทบจะเอาเท้าก่ายหน้าผาก ด้วยว่าค่าโดยสารรถเมล์ร่ำๆ จะเท่ากับรถไฟฟ้าขั้นต่ำสุดอยู่รอมร่อแล้ว
เศษสตางค์ไม่กี่สิบบาทสำหรับบางคน อาจมีค่าแค่ฝุ่นผงที่ไม่เคยสังเกตเห็น เพราะวันๆ ได้นับแต่แบงก์หรือถือเช็ค แต่สำหรับประชาชนคนรากหญ้า รถเมล์เฉียด 10 บาทนี่ก็กลุ้มกันนักหนาแล้ว โดยเฉพาะคนที่ต้องต่อรถหลายต่อยิ่งไปกันใหญ่
คนขับแท็กซี่ก็คิดเหมือนคนไทยอีกหลายคน นั่นคือ นี่เป็นเรื่องที่รัฐจะต้องเข้ามาพยุงราคาค่าโดยสาร รับภาระเพื่อช่วยเหลือประชาชน ไม่ใช่ผลักภาระค่าโดยสารมาให้ประชาชนแบบนี้
ระบบเศรษฐกิจของประเทศเราที่ยังไม่เสรีนิยมเต็มขั้น ก็คงต้องมีเรื่องให้รัฐยื่นมือเข้ามาแทรกแซงเสมอเช่นนี้แหละ อยู่ที่ว่ารัฐจะทำหรือไม่ ทำอย่างไร และช่วยได้เท่าไร
เอ่ยถึงรถเมล์เลยอดถามเรื่องมิเตอร์แท็กซี่ไม่ได้ เพราะหลังจากรถเมล์ออกมาประท้วง กลุ่มคนขับแท็กซี่กลุ่มหนึ่งก็ออกมาขอขึ้นค่ามิเตอร์บ้าง
นึกว่าจะได้คำตอบที่จงใจเรียกคะแนนสงสาร แต่คนขับแท็กซี่คนนี้กลับบอกว่า แค่เริ่มต้นที่ 35 บาทก็แพงจนคนไม่อยากขึ้นแล้ว ที่สำคัญต่อให้รัฐบาลอนุมัติให้ขึ้นค่ามิเตอร์เริ่มต้นที่ 40 บาท ตามที่มีคนเรียกร้องจริง คนขับก็ไม่ได้อะไร เพราะสุดท้ายอู่เจ้าของรถแท็กซี่ก็จะขึ้นค่าเช่ารถอยู่ดี นั่นเท่ากับส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นก็ต้องนำไปโปะค่าเช่า กลายเป็นเจ้าของอู่ที่ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง
ในฐานะคนขับแท็กซี่ก็เลยขออยู่ “ชิวชิว” อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ดีกว่า
และในฐานะผู้โดยสารที่ยังต้องพึ่งพารถสาธารณะ ก็ได้แต่หวังว่า รัฐจะรักษาระดับ “ชิวชิว” อย่างนี้ไปได้ให้ยาวที่สุด เพราะสุดท้ายแม้รัฐจะพยายามอุ้ม แต่คนที่ต้องเดือดร้อนไปเต็มๆ ก็คือประชาชนคนเดินดินทั้งนั้นแล