เวลานี้ไม่ว่าไปไหนมาไหนก็ได้ยินแต่ผู้คนวิเคราะห์การเมืองไปต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็น “ตลาดสด” หรือใน “ร้านกาแฟ”
ใครที่มีความคิดแบบเดียวกันก็คุยกันยาว ส่วนใครที่คิดตรงกันข้ามก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เพราะเพื่อนจะฆ่าเพื่อนหรือเลิกคบเพื่อนก็คราวนี้แหละ
ถ้าเป็นคนที่มีความคิดดีหน่อยจะถกเถียงกันทั้งทีก็ต้องพูดคุยกันในแง่ของหลักการเพราะประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
ไม่ว่าจะคุยกันในประเด็นอะไร ก็ต้องยกเอาประชาธิปไตยเป็นใหญ่ !
ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าคุยกันในระดับชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า คนทำงานรับจ้าง ฯลฯ คงต้องคุยกันด้วยภาษาง่ายๆ ไม่ต้องลงรายละเอียดลึกๆ แบบวิชาการ
ชาวบ้านต่างก็วิเคราะห์กันไปต่างๆ นานาว่า ตามหลักการแล้วคนส่วนใหญ่ของประเทศไทยไว้ใจพรรคพลังประชาชนให้มาบริหารประเทศ
ไม่ว่าจะเลือกตั้งมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ยังเทใจให้ “พรรคเดิม” และ “คนเดิม” อยู่ดี ดังนั้นควรจะยอมรับไปตามระบอบประชาธิปไตย
ถึงแม้ว่าคนบางส่วนซึ่งเป็นส่วนน้อยของประเทศจะไม่ยอมรับในระบอบประชาธิปไตยโดยมองว่าการเลือกตั้งทุกครั้งประชาชนโดนซื้อเสียง
ซึ่งก็เป็นสิทธิที่คนส่วนน้อยจะคิดได้ แต่ก็ไม่ควรจะออกมาปลุกระดมสร้างความเดือดร้อนเหมือนทุกวันนี้
การปลุกระดมแบบนี้ทำให้สังคมไทยเกิดความแตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ !
ณ วันนี้ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมกันต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ 18 เท่าที่ติดตามดูทุกๆ วัน ในช่วง 2 -3 วันหลังมานี้เริ่มกร่อยลงเรื่อยๆ แล้ว
แม้จะมี “ดาวกระจาย” หรือ “อารยขัดขืน” ออกมาโหมกระแสให้ตื่นเต้น แต่ก็แค่วูบวาบ เพราะไม่มีเหตุผลเพียงพอ แถมผู้คนก็เบื่อหน่ายม็อบข้างถนนเต็มที่แล้ว
ผมจึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่พันธมิตรฯ จะต้องหาทางยุติการชุมนุมให้ได้อย่างเร็วที่สุด เพราะยิ่งยึดเยื้อต่อไปประชาชนก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ ประเด็นที่จะออกมากล่าวหาโจมตีกันก็เริ่มแป้กไปทุกที
สิ่งที่หลายคนตั้งความหวังไว้ตอนนี้คือถ้าม็อบสลายไป หลังจากนี้เมืองไทยจะได้กลับสู่ความสงบเรียบร้อยเสียที
ทำให้รู้สึกโล่งสบายอย่างบอกไม่ถูก เพราะไม่ปรารถนาที่จะเห็นคนไทยทะเลาะกันแบบนี้ไปนานๆ
แต่พอดีได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ คุณสุริยะใส กตะศิลา แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งหน้าที่เดิมของเขาคือ เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์ประชาธิปไตย (ครป.) ก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้จริงใจต่อบทบาทหน้าที่เขาเลยแม้แต่น้อย
คุณสุริยะใสบอกว่าถ้าคิดจะทำสงครามกับระบอบทักษิณ ย่อมไม่ใช่ช่วงเวลาสั้นๆ อาจต้องใช้เวลานาน 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปี เขาจะต้องออกมาต่อสู้แน่นอน
อ่านในสิ่งที่คุณสุริยะใสคิดแล้วก็เป็นห่วงว่าสงครามประเทศไทยคงจะไม่จบง่ายๆ ถ้ามีคนคิดแบบนี้เยอะๆ เพราะเราจะต้องสู้รบปรบมือกันไปอีกนาน
อยากเตือนคุณสุริยะใสให้ไปคิดด้วยว่า ในฐานะที่คุณเป็นนักพัฒนาประชาธิปไตย....
ทำไมคุณจึงไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ได้รู้ซึ่งถึงความต้องการประชาชนเลยว่าพวกเขาต้องการอะไร ประชาชนอยากให้ใครเข้าไปช่วยเหลือเขาให้ออกมาจากวังวนเดิม
ขอร้องเถอะครับ ตราบใดที่ความคิดคุณเป็นแบบนี้ คุณก็จะต้องต่อสู้ไปอีกนานแสนนาน
อย่ามองประชาชนเป็นศัตรูอีกเลย !
ลวดหนาม