จากกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมากล่าวหาว่ามีการแก้ไขฐานข้อมูลของ นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนัน ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย พยานปากสำคัญในคดีใบแดงของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส. ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และระบุว่า นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง มีส่วนในการช่วยเหลือนายยงยุทธนั้น
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง ยืนยันว่า กกต.ไม่ได้มีการแก้ไขฐานข้อมูลของนายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ ตามที่กลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวหา ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน พบว่านายชัยวัฒน์ เป็นสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์จริง รวมทั้งภรรยาและบุตรของนายชัยวัฒน์ด้วย พร้อมกันนี้ นางสดศรี ยังได้ท้ากลุ่มพันธมิตรฯ และทุกฝ่ายที่กล่าวหา กกต. ให้นำหลักฐานมาแสดง แล้วไปฟ้องร้องในชั้นศาล ทั้งยังยืนยันว่า กกต.จะไม่มีการฟ้องกลับกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
อีกทั้งได้หอบเอกสารหลักฐานมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ในกรณีที่พันธมิตรฯ โจมตี พร้อมยืนยันว่าทางกิจการพรรคการเมืองไม่เคยมีการปกปิดข้อมูลแต่อย่างใด และได้ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง สามารถตรวจสอบได้ และฐานข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้น มีการแก้ไขปรับปรุงแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนออกมาชี้แจงเพื่อไม่ต้องการให้ประชาชนเข้าใจผิด และยืนยันว่า กกต.ได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใสและเที่ยงธรรม
“การพูดจากล่าวหา กกต. โดยปราศจากหลักฐานเป็นการละเมิดศักดิ์ศรี กกต.ซึ่งเรายอมไม่ได้ แต่หากว่าใครมีหลักฐานว่า กกต.หรือเจ้าหน้าที่ทำผิด ก็ขอให้ไปฟ้องร้องที่ศาล อย่ามาพูดกล่าวหากันลอยๆ อย่างไรก็ตาม เราจะไม่ฟ้องร้องผู้กล่าวหา อยากขอกำลังใจจากประชาชน ถ้าเห็น กกต.ทำไม่ดีก็สามารถขับไล่ได้เลย กกต.ทำหน้าที่เพื่อประชาชน ประเทศ พระมหากษัตริย์ อย่างดีและเต็มที่อยู่แล้ว” นางสดศรีกล่าว
อย่างไรก็ตาม นางสดศรี ยืนยันว่า กกต.ทุกคนจะยังเดินหน้าทำงานต่อไปแม้จะเผชิญวิกฤติการเมือง ส่วนกรณีที่นายชัยวัฒน์ ยืนยันว่าถูกแก้ไขฐานข้อมูล และขอให้ กกต.ตรวจสอบนั้น ทาง กกต.จะตรวจสอบไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ว่านายชัยวัฒน์ เป็นสมาชิกพรรคจริงหรือไม่ และหากพบว่าพรรคประชาธิปัตย์มีการแจ้งข้อมูลเท็จ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ด้านนายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม ปฏิเสธข้อกล่าวหาของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ระบุว่ากกต.บางคนไม่เป็นกลาง และให้ความช่วยเหลือในคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชาชน(พปช.) พร้อมทั้งขอร้องให้ยกเลิกการเดินทางมาชุมนุมที่หน้าสำนักงาน กกต.เพราะทำให้ กกต.มีความลำบากใจในการทำงาน พร้อมยืนยัน กกต.ชุดนี้แต่ละคนมีความเป็นเอกภาพเฉพาะตัว โดยเฉพาะการทำงานอย่างตรงไปตรงมา
ทั้งนี้นายสุเมธ ยืนยันว่า การทำงานของ กกต.พิจารณาไปตามพยานหลักฐาน ส่วนในคดีที่ไม่สามารถเอาผิดได้นั้นเนื่องจากมีหลักฐานอ่อน ไม่ใช่มาจากการช่วยเหลือของ กกต.ตามที่มีการกล่าวหา
“ผมเชื่อว่า กกต.ทุกคนสุจริต แต่ความคิดเห็นในข้อกฎหมายอาจจะมีต่างกันบ้าง ก็เหมือนเวลาเป็นศาล เมื่อไม่เห็นด้วย เราก็ไม่ว่าอะไร เพราะเราเคารพในความคิดเห็นแต่ละคน ผมเองบางทีก็ไม่เห็นด้วยกับ กกต.ทั้ง 4 ท่าน แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ว่าเห็นอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่อยู่ที่คนจะมองว่าสุจริตหรือไม่มากกว่า และเราก็ไม่ได้ทำงานเพื่อหวังเอาใจใคร” นายสุเมธ กล่าว
สำหรับ การออกมาโจมตี กกต. เรื่องฐานข้อมูลของกำนันชัยวัฒน์ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ กำนันชัยวัฒน์ ได้ขึ้นให้การต่อผู้พิพากษาในคดีของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาฯ พรรคพลังประชาชน ซึ่งถูกกล่าวหา แจกเงินในช่วงการหาเสียงการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 โดยกำนันชัยวัฒน์ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์
อย่างไรก็ตาม ภายหลังทีมทนายของนายยงยุทธ ได้นำพยานหลักฐานระบุว่า มีชื่อของกำนันชัยวัฒน์เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในฐานข้อมูลของ กกต. โดยเป็นสมาชิกมาตั้งแต่ปี 2547 แต่เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทนายความของกำนันชัยวัฒน์ ได้เข้ายื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อให้ไต่สวนเอกสารหนังสือของสำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 5 สำนักงาน กกต. ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2551
ซึ่งนายยงยุทธ ได้ยื่นต่อศาลในการเบิกความชั้นไต่สวนจำเลยเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2551 ระบุว่านายชัยวัฒน์เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเอกสารที่เป็นเท็จ มีการปกปิดและเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้ผิดไปจากความเป็นจริง เพื่อให้สอดคล้องกับข้อต่อสู้ที่อ้างว่าถูกจัดฉากโดยพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม
โดยนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยมาโดยตลอด เมื่อถูกยุบพรรคก็มาเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน และก็ได้ยืนยันในการเบิกความต่อศาลไปแล้ว ไม่ทราบว่าใครแอบเอาชื่อไปสมัครสมาชิก หลังเป็นพยานเบิกความในศาล ถูกทนายความของนายยงยุทธยื่นฟ้องฐานเบิกความเท็จไปแล้วถึง 9 คดี
เพื่อไทย
Friday, June 13, 2008
‘สดศรี’ซัดพันธมิตรกล่าวหามั่ว ท้าฟ้องศาล-ตามบี้สอบถึงปชป.
“สดศรี” ออกโรงโต้พันธมิตรฯ กล่าวหาแก้ฐานข้อมูลพยานสำคัญคดีใบแดง “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ท้าหากมีหลักฐานทำผิดจริงให้ไปฟ้องศาล และจะตรวจสอบข้อมูลที่พรรคประชาธิปัตย์ด้วย หากพบแจ้งข้อมูลเท็จต้องดำเนินการตามกฎหมาย ด้าน “สุเมธ” การันตีความเห็นต่างกันใน กกต. มีบ้าง แต่ทุกคนทำงานสุจริต ฝากบอกพันธมิตรฯ ไม่ต้องมาชุมนุมหน้า กกต. ให้ลำบากใจ