การเมืองคงจะต้องเคร่งเครียดเผชิญหน้าอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพราะในที่สุดแล้ววิกฤตรอบนี้ไม่ได้เกิดจากเด็กซนๆไม่กี่คน แต่เกิดจาก "ผู้ใหญ่" เองเลยทีเดียว
ว่าจะปล่อยผ่านไปแล้วทีเดียว แต่เมื่อคิดว่าเป็นทัศนะที่สำคัญแห่งสัปดาห์ ยังนำมาใคร่ครวญกันได้อีกหลายมุม วันนี้ก็ควรจะนำมาวิสัชนากันเสียหน่อย
ผมหมายถึงความเห็นของอดีตนายกรัฐมนตรีอย่างคุณอานันท์ ปันยารชุน ที่ไปพูดในการสัมมนาเกี่ยวกับโทรทัศน์สาธารณะเมื่อไม่นานมานี้ และพูดถึงคำแนะนำให้อดีตนายกรัฐมนตรีมารวมตัวกันหาทางแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่กำลังตีบตันอยู่ว่าเป็นความเห็นที่ไม่เข้าท่า ความขัดแย้งในบ้านเมืองขณะนี้เกินกว่าที่จะเยียวยาแล้ว เป็นสถานการณ์ที่อดีตนายกรัฐมนตรีคงไม่สามารถทำอะไรได้
ยอมรับว่าฟังตอนแรกแล้วก็คล้อยตาม การเมืองมาถึงขนาดนี้แล้วจะไปโยนความรับผิดชอบให้อดีตผู้นำประเทศแก้ไขมันก็คงเป็นเรื่องตลก
โดยเฉพาะเมื่อมองหน้าแต่ละคนก็ล้วนมีส่วนได้ส่วนเสียกับปัญหาการเมืองในขณะนี้ทั้งนั้น จะไปหาความเป็นกลางในหัวใจมาจากไหน
คุณทักษิณก็เป็นปัญหา ไม่ใช่ทางออก
คุณชวนก็เป็นตัวละครของฝ่ายตรงข้ามกับคุณทักษิณ เล่นบทบาทที่น่าขบขันอยู่ทุกวัน จนมีดโกนที่พกติดตัวไว้ก็ออกจะทื่อเสียแล้ว
พลเอกชวลิตยิ่งร้ายใหญ่ ล่าสุดนี้ดูเหมือนจะพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง วันหนึ่งดีวันหนึ่งร้าย ฟาดงวงฟาดงาในเรื่องที่ไม่มีมนุษย์ธรรมดาฟังแล้วไม่เข้าใจ
คุณบรรหารก็มีพฤติกรรมคล้ายกับคนหมดประจำเดือน วุ่นวายงุ่นง่าน และโกรธคนที่มาเรียกตัวเองว่าอดีตนายกรัฐมนตรี (ข่าวว่าต้องเรียก "นายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๑" จึงจะยิ้มออก)
พลเอกสุจินดา...ละไว้ในฐานที่เข้าใจ
ศาสตราจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็อยู่ในที่ที่ชอบแล้ว สูงขนาดนั้นคงจะมีสันถวะในทางการเมืองกับใครมิได้
สุดท้ายคือตัวคุณอานันท์เอง หลังๆนี้ก็แสดงตัวชัดว่าอยู่ในระดับไหนของสังคมบรรดาศักดิ์ของไทย และมีทีท่าจะหมั่นไส้ทุกคนที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศ เพราะเปลี่ยนแต่ละครั้งกระเทือนสถานะของคนในชนชั้นเดียวกับคุณอานันท์แทบทุกครั้ง
ไม่เชื่อก็ลองแตะเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน หรือภาษีมรดกดูสิครับ แล้วจะเห็นเองว่างูเห่าแช่แข็งจะกลับมามีชีวิตและฉกกัดได้รวดเร็วขนาดไหน
ในเงื่อนไขอย่างนี้ หน้าไหนมันจะพัฒนาประเทศให้พ้นจากอวิชชาอย่างจริงจัง ก็เขาเป็นเลือดเป็นเนื้อของวิธีคิดแบบเดิมอยู่
คุณอานันท์จึงพูดออกมาด้วยความจริงใจว่าอดีตนายกรัฐมนตรีคงจะช่วยแก้ไขอะไรไม่ได้หรอก
เข้าใจว่าความหมายก็คือ สถานการณ์การเมืองคงจะต้องเคร่งเครียดเผชิญหน้าอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพราะในที่สุดแล้ววิกฤตการเมืองในรอบนี้ไม่ได้เกิดจากเด็กซนๆไม่กี่คน แต่เกิดจาก "ผู้ใหญ่" เองเลยทีเดียว
คนอย่างคุณอานันท์ยังต้องเลือกข้าง และก็เลือกไปแล้วเรียบร้อย
คนที่เป็นกลางดูเหมือนจะมีแต่คนที่ตายไปแล้ว เพราะที่ยังกระเสือกกระสนอยู่ต้องเลือกข้างกันทั้งนั้น
คำถามสุดท้ายในวันนี้คือ หากทัศนะของคุณอานันท์เป็นสัจธรรม แล้วอะไรคือสิ่งที่สังคมนี้จะคาดหวังได้จากคนที่มีอดีตเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ
อดีตผู้นำในหลายประเทศเขาทำตัวมีประโยชน์มาก โดยเฉพาะการใช้ประสบการณ์และบารมีในฐานะที่เคยเป็นหมายเลขหนึ่ง เข้ามาจัดการปัญหาที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่าท่านไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ทางการเงินหรือการเมือง หรือแม้แต่ชื่อเสียงเกียรติคุณ จึงได้รับความสำเร็จมากกว่าและง่ายกว่า
แล้วในเมืองไทย อดีตนายกรัฐมนตรีแต่ละคนมีประโยชน์ตรงไหนบ้าง?
กาหลิบ
////////////////////////////////
คอลัมน์: เลือกคบ ไม่เลือกข้าง: จากหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ 13/06/2551
จาก thai-grassroots