นายเผชิญ ขำโพธิ์ รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวี (ASTV) ว่าที่ผ่านมากรมประชาสัมพันธ์ได้รับเรื่องจากเจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองที่เรียกร้องให้ตรวจสอบ เอเอสทีวี ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์เคยมีคดีฟ้องมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ศาลยกคำร้อง และเอเอสทีวีก็ได้รับการคุ้มครองชั่วคราวจากศาลปกครอง
อย่างไรก็ตามศาลจะดำเนินการอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล กรมประชาสัมพันธ์ทำได้เพียงแค่ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เท่านั้น ส่วนเรื่องความมั่นคง คงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 เป็นผู้ตรวจสอบ กรมประชาสัมพันธ์ไม่ได้มีอำนาจไปยกเลิกคำสั่งให้เอเอสทีวี ระงับการออกอากาศได้
เพราะว่าพระราชบัญญัติประกอบกิจการกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ ปี 2551 ได้มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายนำข้อมูลไปมอบให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แต่จะมีการยื่นข้อมูลร้องต่อศาลปกครองให้ยกเลิกคำสั่งหรือฟ้องร้องกรณีอื่นใด ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด
เมื่อถามว่ามั่นใจในเอกสารหรือไม่ นายเผชิญกล่าวว่าอยู่ที่ตำรวจจะพิจารณาประเด็นใดบ้าง จะแนะนำประเด็นใดเป็นพิเศษหรือเปล่า ส่วนตัวแล้วไม่ทราบเรื่องเพราะไม่ได้เข้าร่วมประชุมกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1
เมื่อถามว่าสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที (NBT) เสนอข่าวเป็นกลางหรือไม่ นายเผชิญกล่าวว่าสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเสนอข่าวแบบเป็นกลางไม่ได้เชียร์รัฐบาล ควรมองด้วยความเป็นธรรมทุกอย่างอยู่ที่ใจ ส่วนปัญหาการปะทะกันที่หน้าเอ็นบีทีนั้น ตนเห็นว่าเป็นเพียงการเดินชนกัน เพื่อแย่งพวงหรีดไม่ได้เป็นการปะทะกันแต่อย่างใด ทั้งนี้สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (TPBS) จะเป็นกลางหรือไม่นั้นตนเห็นว่าอยู่ที่ความตั้งใจของผู้ผลิตและผู้บริหาร รวมถึงคนดูว่าจะมองว่าเป็นกลางหรือไม่
ขณะที่ นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกฯ (สปน.) กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมยื่นร้องต่อศาลปกครองให้มีการถอนคำสั่งคุ้มครองการออกอากาศและการเชื่อมโยงสัญญาณของสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีว่า ส่วนตัวแล้วเข้าใจว่าขณะนี้คงอยู่ในขั้นตอนการศึกษาด้านกฎหมาย แต่ทาง สปน. ไม่ได้สั่งการให้กรมประชาสัมพันธ์ดำเนินการกับสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี แต่กรมประชาสัมพันธ์มีสิทธิ์ที่จะดำเนินการเองได้ และเมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนตามกฎหมายแล้วกรมประชาสัมพันธ์เพียงแต่รายงานให้ทาง สปน.รับทราบเท่านั้น
ขณะที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า การที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ถือเป็นช่องว่าง ที่ ASTV ออกอากาศโจมตีรัฐบาลให้เกิดความเสียหาย ซึ่งกำลังให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อกฎหมาย เพื่อดำเนินการเรื่องนี้อยู่ ขณะเดียวกันในช่วงเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญนี้ มีกฎหมายจัดสรรคลื่นความถี่ ที่ต้องเร่งพิจารณา หลังจากผ่านความเห็นชอบจากสภาแล้วจะสามารถนำมาบังคับใช้กรณีนี้ได้
เพื่อไทย
Wednesday, June 11, 2008
รัฐงัดข้อกฎหมายเอาผิดASTV เชื่อพรบ.คลื่นความถี่จัดการได้
รัฐบาลเร่งศึกษาข้อกฎหมายเอาผิดกับสถานีโทรทัศน์ ASTV หลังออกอากาศโจมตีรัฐบาล ทำลายความมั่นคงของชาติอย่างต่อเนื่อง ระบุหลังมีกฎหมายจัดสรรคลื่นความถี่ สามารถนำมาบังคับใช้กรณีนี้ได้ ขณะที่กรมประชาสัมพันธ์ รวบรวมข้อมูลให้ตำรวจดำเนินการแล้ว