ที่กระทรวงมหาดไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวในการประชุมกระทรวงมหาดไทย ถึงเรื่องการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯเข้าข่ายการผิดกฎหมายอาญา จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศไปตรวจดู และให้ดำเนินการใน 2 ลักษณะ คือ 1. ใช้มาตรการทางปกครอง เรียกผู้ประกอบการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกในท้องถิ่น ที่รับสัญญาณของเอเอสทีวี ที่ทำหน้าที่โฆษณาให้ประชาชนกระทำผิดกฎหมาย ให้รับทราบข้อเท็จจริง และยุติการรับสัญญาณของเอเอสทีวี ที่ถ่ายทอดสดการชุมนุมไปแพร่ภาพ 2. หากไม่รับฟังก็ขอให้ไปกล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานว่า กระทำความผิดตามมาตรา 85 ของประมวลกฎหมายอาญา สามารถกล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานได้ทุกพื้นที่ที่มีการแพร่สัญญาณเอเอสทีวีไปถึง และทำได้ทุกวัน เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ต่างกรรมต่างวาระกัน อ้างนายกฯสั่งมหาดไทยให้จัดการ “เรื่องนี้เป็นการสั่งการจากนายกฯที่เรียกไปหารือ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่นายกฯต้องการใช้บริการจากกระทรวงมหาดไทย เพราะเห็นว่าจัดการงานได้รวดเร็ว หลังการประชุมกระทรวง ขอให้ดำเนินการโดยทันที โดยให้ประสานไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เจ้าหน้าที่สามารถกล่าวโทษได้เลย ผวจ.ต้องกล่าวโทษทุกวัน เอเอสทีวีต้องถูกแจ้งจับทุกวัน ส่วนการที่ศาลปกครองคุ้มครองการออกอากาศของเอเอสทีวี เป็นคนละเรื่อง เพราะเรื่องนี้เป็นการเอาเรื่องของผู้ที่มีการกระทำความผิดไปเผยแพร่ พันธมิตรฯทำผิดฐานกีดขวางการจราจร การใช้วิธีจรยุทธ พูดจาหยาบคาย ปลุกระดมประชาชนว่าไม่ต้องเสียภาษี ขู่ตัดน้ำตัดไฟ ถือเป็นการละเมิดอำนาจรัฐ ศาลจะคุ้มครองอย่างไรก็ว่าไป ไม่ใช่หน้าที่กระทรวงมหาดไทย ที่จะไปขอให้ศาลปกครองเพิกถอนการคุ้มครองสิทธิ” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว ฉุนผู้สื่อข่าวซักถามเรื่องข้อกฎหมาย เมื่อถามว่า จะทำให้คนเห็นใจพันธมิตรฯมากขึ้นหรือไม่ รมว.มหาดไทยตอบว่า จะไปเห็นใจได้อย่างไร อย่างนี้ก็ต้องเผาตำรากฎหมายทิ้ง แล้วปล่อยให้มีโจรเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด เมื่อถามว่า จะทำให้สถานการณ์การชุมนุมรุนแรงขึ้นหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า ไม่ได้สนใจ สถานการณ์รุนแรงเรื่องอะไร ผู้สื่อข่าวถามว่า การนำกฎหมายนี้มาใช้ อาจจะทำให้มีผู้มาเข้าร่วมชุมนุมมากขึ้น เพราะมีการตัดสัญญาณเคเบิลทีวี ร.ต.อ.เฉลิมได้กล่าวด้วยความฉุนเฉียวในทันทีว่า ใครออกกฎหมาย ก็กฎหมายมันมีแล้ว ไม่ใช่ผมตอบแล้วมีอารมณ์ แต่ถ้านักข่าวสัมภาษณ์ยังขาดความเข้าใจ จากนี้ผมไม่จำเป็นต้องให้สัมภาษณ์อีกต่อไป ต้องเข้าใจว่าผมไม่ใช่เป็นคนออกกฎหมาย ถ้าพันธมิตรฯทำผิดกฎหมายไม่กล้าทำอะไร ก็ต้องยกประเทศให้พันธมิตรฯไป “อยากให้พวกคุณให้ความเป็นธรรมผมบ้าง นักการเมืองอย่างผมไม่ชั่วหรอก ถ้าไม่ให้ความเป็นธรรมในการเสนอข่าว ก็ไม่ต้องมาสัมภาษณ์ เพราะผมดังพอแล้ว ไม่ต้องออกข่าว บางครั้งพวกคุณก็มากไป ผมไม่เคยโกรธนักข่าว แต่มันมากไป เรื่องไม่เป็นเรื่องก็ไปรายงานข่าวอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็เสียหายตลอด ผมไม่เคยเรียกพวกคุณมาสัมภาษณ์ มีแต่พวกคุณอยากมาสัมภาษณ์ผม ถ้าคิดว่าการให้สัมภาษณ์ของผม ไม่เป็นประโยชน์ต่อสื่อและประชาชน ไม่ต้องมาสัมภาษณ์ผมอีกต่อไป” รมว.มหาดไทยกล่าวในที่สุด
อ่านรายละเอียดต่อ ไทยรัฐ