WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, June 14, 2008

เปิดโปง ปชป.อยู่เบื้องหลังหนุนพันธมิตรฯเป็นมาเฟียประเทศ

นายกผู้ประกอบการแท็กซี่ เปิดโปงเล่ห์เหลี่ยมพรรคประชาธิปัตย์ บงการพันธมิตรฯก่อเรื่อง หวังใช้เป็นประเด็นโจมตีรัฐบาลในสภา เหยียบหัวประชาชนขึ้นคุมอำนาจรัฐ ทั้งกรณีกำนันฉาว กล่าวหา “ยงยุทธ” สร้างประเด็นเงิน 2 ล้าน ยัดกล่องขนมในศาลฏีกา

นายชินวัตร หาบุญพาด นายกสมาคมผู้พิทักษ์สิทธิและผลประโยชน์ผู้ประกอบการแท็กซี่ เปิดเผยบนเวทีสภาสนามหลวงช่วงหัวค่ำ (13 มิ.ย.) ว่า การที่รัฐธรรมนูญ 2550 ต้องมีบทบัญญัติตามมาตร 237 เพราะฝ่ายอำมาตยาธิปไตยต้องการบรรจุไว้เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเล่นงานพรรคการเมืองและนักการเมือง ซึ่งได้นำไปสู่การจ้องเล่นงานนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มาจากพรรคพลังประชาชน (พปช.) และเป็นกรรมการบริหารพรรคอยู่ด้วย เพื่อจะต่อเชื่อมส่งผลให้มีการยุบพรรคโดยทันที หากถูกวินิจฉัยว่าทำผิดจริง จากข้อกล่าวหาใช้เงินซื้อเสียงที่จังหวัดเชียงราย นับว่าเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสกับนายยงยุทธ อย่างมากที่ประชาชนต้องให้กำลังใจ

ทั้งนี้ เป็นเพราะว่านายยงยุทธ สามารถดูแล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)ในภาคเหนือได้เป๋นกลุ่มเป็นก้อน ซึ่งหากนายยงยุทธ เป็นเพียง ส.ส. ที่ไม่ได้มีบทบาทสำคัญ จะไม่โดนกระทำเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม นายยงยุทธ กระทำความผิดจริงหรือไหนนั้น ยังเป็นที่สงสัยกันอยู่ถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะเมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาแฉว่า พยานที่ให้การปรักปรำนายยงยุทธคือ กำนันชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กลับปรากฏเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังออกมาโกหกกับสังคมอีกโดยมอบหมายให้นายศิริโชค โสภา หนึ่งใน ส.ส.ของพรรค ออกกล่าวเบี่ยงเบนประเด็น โดยการนำข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ที่ถูกยุบไปแล้วมากล่าวอ้างว่ากำนันชัยวัฒน์ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์

“เรื่องดังกล่าวนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ก็เพราะว่าพรรคไทยรักไทยโดนยุบไปนานแล้ว ดังนั้น ในปัจจุบันนี้ กำนันชัยวัฒน์ จึงต้องเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้นจากการที่ กกต.นำข้อมูลมาเปิดเผยจึงส่งผลไปถึงกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องรีบออกมาข่มขู่จะไปพบ กกต.โดยทันที จึงเห็นได้ชัดว่า กลุ่มพันธมิตรฯคือพวกมาเฟียอย่างไม่ต้องสงสัย” นายชินวัตร กล่าว

นอกจากนี้ เรื่องเงิน 2 ล้านบาท ที่เปิดประเด็นใส่กล่องขนมนำไปฝากไว้ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฝ่ายคดีการเลือกตั้ง ก็มีนัยเป็นการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯสร้างเรื่องเพื่อหวังใช้เป็นการโจมตีด้วย เพราะความจริงหลายอย่างกำลังจะถูกเปิดเผย โดยให้ประชาธิปัตย์เป็นหัวเรือใหญ่หยิบยกเรื่องนี้ไปเล่นงานรัฐบาลในสภา ในการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล จึงอยากให้พี่น้องประชาชนช่วยกันติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะทั้งหมดนี้คือความเลวทรามของเกมการเมืองในขณะนี้

นายชินวัตร ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสุนัย มโมมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ในขณะนั้น ออกมาแสดงอาการเป็นบุคคลพิเศษมีสิทธิเหนือประชาชนทั่วไป เพราะภายหลังถูกอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แจ้งความหมิ่นประมาท เนื่องจากขณะดำรงตำแห่งอธิบดี ดีเอสไอ นั้น นายสุนัย เป็นเพียงพนักงานสอบสวน ที่ต้องค้นหาความจริง จากกรณีการสอบสวนข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ในสำนวนหุ้นบริษัท เอสซี แอสเซท แต่นายสุนัย กลับออกมาให้สัมภาษณ์โจมตีให้ร้ายเสียเอง ซึ่งเป็นการใช้อคติในการสอบสวนที่เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ควรกระทำ หรือละเมิดสิทธิของผู้ที่ถูกกล่าวหา เพราะยังไม่ได้รับการตัดสินจากศาลสถิตย์ยุติธรรมว่าเป็นผู้กระทำผิดจริงหรือไม่แต่อย่างใด

โดยเฉพาะ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ออกหมายเรียกตัวมาทำการสอบสวนเพิ่มเติมถึง 3 ครั้ง แต่ก็ทำเพิกเฉย ซ้ำขณะกลับจากการเดินทางจากต่างประเทศยังร้องขอให้นายทหารยศนายพลคนหนึ่ง ที่มีภรรยาชื่อนางสุพัตรา ซึ่งเกี่ยวพันกับพรรคประชาธิปัตย์ ใช้บารมีมาคุ้มครองเพราะเกรงเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าจับกุม จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการตามขั้นตอนขอให้ศาลพิจารณาออกหมายจับในเวลาต่อมา แต่พฤติกรรมของนายสุนัย ที่คิดว่าตัวเองอยู่เหนือกฎหมาย ก็ยังไม่จบ กลับกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กลั่นแกล้ง และยื่นอุทธรณ์จนได้รับการเพิกถอนหมายจับในท้ายสุด

“ที่พูดเรื่องนี้ ผมอยากจะขอเปรียบเทียบกับสมัยที่แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ หรือ นปก. 9 คน ก่อนถูกควบคุมตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีการใช้กฎหมายที่ไม่ชอบธรรม เพราะขณะแกนนำทั้งหมดเข้ารายงานตัวตามขั้นตอน แต่กลับใช้เล่ห์กลหลอกเข้าไปคุยแล้วจับกุมทันที ทั้งที่ทุกคนมีวุฒิภาวะอย่างเพียงพอที่จะไม่หลบหนีไปไหน โดยเฉพาะอาจารย์มานิตย์ จิตจันทร์กลับ ที่มีอดีตเป็นถึงผู้พิพากษาหัวคณะในศาลฎีกา ก็เข้ารายงานตัวด้วยตามขั้นตอน แต่นายสุนัย กลับทำตัวไม่ยอมรับกระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งจะเห็นได้ว่า กฎหมายที่ใช้อยู่ในประเทศไทย ถูกใช้อย่างไม่เสมอภาค” นายชินวัตร กล่าว