แม้ว่าในห้วงของการทำประชามติรัฐบาลและบางกลุ่มบางฝ่ายจะออกมาชักชวนให้รับร่างไปก่อนแล้วค่อยมาแก้ไขใหม่ภายหลัง จนมีประชาชนหลงเชื่อเพราะอยากให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อกลับสู่บรรยากาศประชาธิปไตย และแม้ว่าในห้วงการหาเสียงทุกพรรคจะพูดเป็นเสียงเดียวว่าจะเข้ามาแก้ไข รธน.
แต่เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน ท่าทีของพรรคฝ่ายค้าน ท่าทีของ สนช. ที่ถูกตั้งขึ้นโดยคณะปฏิวัติ และแก๊งข้างถนนที่ได้รับผลประโยชน์จากการรัฐประหาร ก็กลับเปลี่ยนไป และนำมาสู่การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ที่กำลังดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน
ความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีที่มาที่ไปและมีเหตุผลอย่างไร อ.มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการหรือ นปก.1 ได้กล่าวไว้บนเวที “สภาสนามหลวง” อย่างน่าสนใจ
* ประชาชนเป็นเจ้าของอธิปไตย
“ประชาชนทุกคนคือ ผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยและอำนาจตุลาการทั้งหลาย
ซึ่งตนเคยบอกกับพี่น้องประชาชนที่มาชุมนุมที่สนามหลวงเมื่อนานมาแล้วว่า บ้านเมืองของพวกเราถูกพวกกบฏ ยึดอำนาจเอาใช้กันเองอยู่แค่เพียง 4-5 คน และพวกเราผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยได้ถูกปล้นอำนาจ จึงต้องเป็นผู้เสียหาย และหมดที่พึ่ง
ดังนั้นในเมื่อพวกเราหมดที่พึ่งตนจึงได้ออกมาเรียกร้องและถามกับพี่น้องประชาชนทั้งหลายว่า ในเมื่อพวกเราหมดที่พึ่งแล้วไม่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐที่ปวงชนชาวไทยจ้างให้มาทำงานแต่ไปยอมทำตามพวกยึดอำนาจหมดแล้ว อีกทั้งพวกข้าราชการตุลาการยังไปรับจ้างเป็นลูกน้องพวกกบฏตัดสินคดีอีก ดังนั้นประชาชนจึงไม่เหลืออะไรแล้ว อุตส่าห์จ้างคนมาทำงานให้กับพวกเราที่เป็นประชาชน กลับไปรับใช้พวกกบฏกันเสียหมด
เพราะฉะนั้นผมจึงได้ลุกขึ้นเพื่อมาเชิญชวนพี่น้องประชาชนว่าให้เรามาใช้อำนาจของตุลาการกันเองไหม ผมจึงได้มีการลงความเห็นกันว่าต้องขับไล่ผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ที่ไปทำหน้าที่ตุลาการรัฐธรรมนูญและรับใช้พวกกบฏให้ออกจากราชการ ซึ่งในปัจจุบันนี้ผมยังรออยู่เลยว่าจะมีใครบ้างที่มาฟ้องร้องว่า ไปหมิ่นประมาทใครบ้างหรือไม่ แต่กลับไม่มีใครฟ้องกลับมาเลยสักคนเดียว เพราะเหตุที่ว่าพวกนั้นรู้ว่าถ้าเกิดมีการฟ้องร้องกันเมื่อไรจะต้องมีการพิสูจน์กันในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
ซึ่งในข้อเท็จจริงนั้นคือบุคคลทั้ง 9 คน ที่ถูกพวกเราขับไล่นั้นเป็นข้าราชการตุลาการแต่ว่าถูกแต่งตั้งโดยคณะปฏิวัติหรือพวกกบฏให้ไปทำหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดีตามกฎหมายที่พวกกบฏบัญญัติขึ้นมาจะเอาความเป็นข้าราชการติดตัวไปด้วยไม่ได้เพราะท่านเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”
* ข้องใจ รธน.เป็นของประชาชน?
“โดยเฉพาะข้าราชการตุลาการนั้นต้องทำงานภายใต้พระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์การที่ออกไปทำงานเช่นนั้น จึงไม่อยู่ในฐานะเป็นศาล และที่ไปชี้ขาดให้ยุบพรรคไทยรักไทยนั้น อีกทั้งไปตัดสินย้อนหลังให้ตัดสิทธิทางการเมืองนักการเมืองของพรรคไทยรักไทยทั้งหมด 111 คนนั้น
ซึ่งผมเคยบอกไปตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าไม่จำเป็นต้องไปทำตามคำวินิจฉัยของพวกตุลาการรัฐธรรมนูญซึ่งบุคคลพวกนี้ไม่สามารถเอาอำนาจตุลาการซึ่งปวงชนชาวไทยให้ไว้นำไปใช้ได้ แต่ว่าการตัดสินคดีในครั้งนั้นเป็นไปตามกฎหมายของพวกกบฏ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นที่น่าเสียดาย เมื่อพรรคไทยรักไทยก็ไปปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของพวกที่รับจ้างพวกกบฏมาทำงาน
ซึ่งที่ผมต้องออกมาเล่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็เพราะต้องการจะทบทวนความหลังเสียเพื่อที่จะได้ไม่ลืมกลับสิ่งที่พวกเราต้องเสียไป อย่างไรก็ดี เรื่องมันได้เลยมาถึงปัจจุบันนี้แล้วคงไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก แต่ว่าเอาเรื่องที่กำลังมีการหาข้อสรุปถึงเรื่องรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นรัฐธรรมนูญที่แท้จริงหรือไม่ และเราจะมีวิธีการพิสูจน์อย่างไรได้บ้าง
คือเรื่องนี้ต้องมีการชี้แจงให้เป็นขั้นเป็นตอนดังต่อไปนี้ก่อนเพื่อให้พี่น้องประชาชนทำความเข้าใจไปทีละขั้น โดยเริ่มจากภาษาไทยมันมีอยู่หลายรูปแบบคือ ภาษาราชการ ภาษากฎหมาย และภาษาที่ใช้เฉพาะท้องถิ่น ด้วยเหตุนี้เองภาษาที่ได้พูดและเขียนหากจะได้คำรับรองตามกฎหมายนั้นจะต้องมีภาษาที่ใช้เฉพาะโดยเฉพาะการพูดถึงกฎหมายจะมีภาษากฎหมายที่ใช้เฉพาะเท่านั้น จะมาพูดส่งเดชเหมือนพวกพันธมิตรฯไม่ได้ การที่จะใช้ภาษาทางกฎหมายที่ถูกต้องนั้นต้องได้การรับรองจากราชบัณฑิตยสถาน ดังนั้นต้องระวังอย่าไปหลงเชื่อฟังตามพวกพันธมิตรฯจะกลายเป็นเรื่องยุ่งอีก”
* รธน.50 มาจากพวกโจรกบฏ
“ยกตัวอย่างคำว่า “รัฐธรรมนูญ” มีต้นรากศัพท์ “รัฐ”ที่แปลว่าประเทศแล้วต้องขยายความไปอีกว่า ประเทศคือ ชุมชนแห่งมนุษย์ที่ตั้งมั่นอยู่ในดินแดนอันมีเขตแน่นอนและมีอำนาจอธิปไตยเป็นของตนเอง ดังนั้นถ้าได้ยินคำว่า “รัฐ” เมื่อไรแปลได้ทันทีเลยว่า ปวงชนชาวไทยทั้ง 65 ล้านคน แต่ไม่ใช่พวกโจร5-6 คนที่ไปอยู่สะพานมัฆวานรังสรรค์ แล้วมาเรียกตัวเองว่า “รัฐ” นำมาสมาธิกับคำว่า “ธรรมนูญ” ที่แปลว่ากฎหมายที่ใช้จัดระเบียบองค์กร เมื่อนำ 2 คำมาร่วมกันจึงกลายมาเป็นว่ากฎหมายที่จัดระเบียบปวงชนชาวไทยเรานี้เอง
เพราะฉะนั้น ตัวหนังสือที่เขียนไปแล้วและจะเรียกว่ารัฐธรรมนูญได้นั้นจะต้องมาจากปวงชนชาวไทยเท่านั้น คือปวงชนชาวไทยจะต้องมอบอำนาจให้กับตัวแทนไปนั่งเขียนอยู่ที่ รัฐสภา ซึ่งต้องไปถกเถียงกันว่าต้องเขียนกฎหมายกันอย่างไร แล้วจึงนำสิ่งที่มีการกลั่นกรองมาแล้วมาเขียนให้เป็นตัวหนังสือ โดยการพิจารณาของผู้แทนราษฎร จึงจะออกมาเป็นกฎกติกาของปวงชนชาวไทยที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญได้
แต่การที่พวกกบฏไปจ้าง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ กับพรรคพวกบุกรุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาแล้วร่วมกันนั่งเขียนประกาศของคณะปฏิวัติ แล้วนำไปตั้งชื่อว่า รัฐธรรมนูญ 2550 แต่ว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ เพราะไม่ได้มาจากปวงชนชาวไทยแต่ว่าจากพวกโจรกบฏต่างหาก โดยชื่อจริงสามารถเรียกได้แค่ ประกาศของคณะปฏิวัติหรือของกองโจรกบฏเท่านั้น ซึ่งจะมาใช้คำว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายรับรองให้เรียกอย่างนั้น”
* ไม่จำเป็นต้องถกเถียง
“ดังนั้น ผมจึงอยากจะถามพี่น้องประชาชนว่า จะยอมหรือไม่ที่เอากฎหมายของโจรที่พวกกบฏจ้างนายมีชัย ให้เขียนขึ้นมาแล้วมาเรียกว่า เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน ซึ่งผมยอมไม่ได้
เพราะฉะนั้นก็มาถึงตอนสำคัญที่ว่า พวกเราจะแก้ไขหรือไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ฉบับนี้
หรือไม่นั้น จะต้องมีการพิสูจน์ก่อนว่าฉบับที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญหรือฉบับไหนที่เรียกว่า โจรธรรมนูญ นั่นก็คือ กฎหมายของโจร ซึ่งรัฐธรรมนูญต้องมาจากปวงชนชาวไทยตามที่กล่าวไว้ข้างต้น
เพราะฉะนั้นเราจะเอากฎของโจรกบฏเอามาใช้ได้หรือไม่ ในเมื่อเราไม่ต้องการแล้วจำเป็นหรือที่จะต้องแก้ไข ไม่จำเป็นเลยทำเพียงเตะทิ้งไปเท่านั้นเอง ส่วนคำว่าแก้ ภาษากฎหมายมีระบุว่า ทำสิ่งที่บกพร่องอยู่ให้ดีขึ้น แต่ไม่ใช่เอารัฐธรรมนูญเก๊มาแก้ทำไม่ได้
สิ่งที่นายกรัฐมนตรีและผู้แทนราษฎรออกมาถกเถียงกันว่าจะแก้ไขหรือไหมนั้น มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือเปล่าซึ่งไม่จำเป็น การที่นำเอารัฐธรรมนูญมาใส่ปกเข้าเล่มแล้วเรียกว่าเอกสารราชการนั้น ที่นายมีชัย มาเขียนคำประกาศของคณะปฏิวัติ แล้วมาใช้ชื่อเรียกว่า รัฐธรรมนูญ 2550 นั้นต้องเรียกเอกสารราชการปลอม เมื่อเป็นของปลอมแล้วนั้น ใครนำเอาของปลอมมาใช้อ้างกับประชาชนมาใช้บังคับสิทธิ์นั้น ดังนั้นบุคคลนำมาใช้จะต้องมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 365
ดังนั้นการที่ยังมานั่งถกเถียงกันอยู่ในสภานั้นและในหนังสือพิมพ์ที่เลว ๆ ก็มี ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่รู้ว่าเลวหรือว่าโง่กันแน่ ดังนั้นผมจึงจะขอวิเคราะห์ว่า รัฐธรรมนูญปลอมหรือโจรธรรมนูญนั้นจะก่อให้เกิดความเสียหายอะไรให้บ้าง ในเมื่อสิ่งนี้เป็นของปลอม นานาชาติโดยเฉพาะในแถบประเทศทางยุโรปและอเมริกา พวกนี้มีนักกฎหมายไทยมาเป็นที่ปรึกษาให้ ดังนั้นจึงมีข้อสงสัยว่าสิ่งไหนกันแน่ที่เป็นรัฐธรรมนูญจริงแท้”
* อย่าหลงตามพันธมิตรฯ
“เพราะฉะนั้นในการที่จะทำประชามติต้องอย่าไปหลงทางตามพวกพันธมิตรฯ ชี้นำเอาไว้ ซึ่งถ้ามาว่าจะแก้ไขหรือไม่แก้ไขแบบนี้จบเห่แน่ ซึ่งจริง ๆ แล้วพวกเราต้องตอบว่า จะใช้หรือไม่ใช้ต่างหาก แล้วใครที่ไหนต้องการที่จะเอาของปลอมมาใช้กัน ซึ่งไม่มีใครหรอกที่ต้องการ ถ้าพวกพันธมิตรฯ และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาปกป้องรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 นั้น ก็ขอให้เอาเก็บรักษาไว้ใช้กันเองได้ตามสบาย
ดังนั้น พวกเรามาดูถึงความเลวทรามต่ำช้าของรัฐธรรมนูญปลอมฉบับนี้กันดีกว่า ประการแรก คือมาตรา 111 ซึ่งระบุว่า วุฒิสภาหรือสมาชิกวุฒิสภานั้นมาได้ 2 ทาง คือจากการที่ให้ประชาชนเลือก 74 คนแล้วมีการคัดสรรโดยพวกของคณะปฏิวัติแต่งตั้งมา 7 คน แล้วนำมาเลือกเข้ามาอีก 1 คน แล้วแบบนี้จะเรียกเป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทยได้อย่างไร ต้องเรียกว่าเป็นตัวแทนของคณะปฏิวัติ
ประการที่สอง มาตรา 237 ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เลวทรามที่สุด คือระบุว่า การที่มีสมาชิกในระดับผู้บริหารทำผิดอยู่เพียงคนเดียว สามารถส่งผลให้ยุบพรรคการเมืองได้ทั้งพรรคแล้วประชาชนที่ไปเลือกลงคะแนนให้กับพรรคพลังประชาชนที่ไม่ได้มีความผิดอะไรด้วยนั้น จะมาพิพากษาว่าผิดด้วยได้อย่างไรดังนั้น คนที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้โดยแท้จริงอาจจะคิดว่ามันดูไม่สำคัญเท่าไร แต่พอมีการยุบพรรคพลังประชาชนลงนั้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีอยู่ในสภาจะได้รับผลกระทบถูกเขี่ยออกไปทั้งหมดเลย ซึ่งเท่ากับว่ายุบสภาผู้แทนราษฎรลงไปได้ แล้วเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดีงามอย่างไร ซึ่งรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวชก็ต้องถูกยุบไปด้วย
แล้วแบบนี้การที่ต่างชาติกำลังมีความคิดที่จะเข้ามาลงทุนนั้น หรือว่าทำธุรกิจในเมืองไทย เมื่อต้องมาเจอรัฐธรรมนูญแบบนี้ แล้วใครจะกล้ามาอีกหรือ และนี้คือเหตุผลที่ยังไม่มีใครมาลงทุนจนถึงทุกวันนี้
และสิ่งที่ร้ายที่สุดคือมาตรา 309 ข้อนี้หมายความว่า การกระทำที่พวกปฏิวัติทำไปแล้ว หรือกำลังจะกระทำและในอนาคตข้างหน้าอาจจะกระทำนั้น จะถือว่าไม่มีความผิด ซึ่งคิดดูเอาเองแล้วกันว่า ใครที่ไหนจะกล้าเข้ามาลงทุน ในเมื่อรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดนั้น มีสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาระบุไว้เป็นรัฐธรรมนูญด้วย และนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจดำเนินต่อไปมิได้ สิ่งที่สำคัญอีกเช่นกันที่จะรีบยกเลิกให้ใช้รัฐธรรมนูญ และถือว่าเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อป้องกันที่จะไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศล่มจม
เมื่อรับทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จึงได้รับรู้ถึงความจำเป็นที่พวกพันธมิตรฯ ออกมาปกป้องรัฐธรรมนูญโจร เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้พวกพ้องของเผด็จการต้องถูกนำไปจัดการดำเนินคดี เพราะสิ่งที่ปกป้องพวกเผด็จการก็คือรัฐธรรมนูญฉบับนี้เอง จึงต้องรีบออกมาถ่วงเวลาเอาไว้ก่อน ฉะนั้นถามตัวเองให้ดีว่าต้องการที่จะใช้รัฐธรรมนูญของโจรหรือไม่ แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครก็ตามที่สามารถทนพลังของปวงชนชาวไทยได้แน่นอน”