ในสถานการณ์การชุมนุมขับไล่รัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ปรากฏกลุ่มคนที่ปักหลักร่วมการชุมนุมอย่างต่อเนื่องเป็นกลุ่มญาติธรรมจากสันติอโศก และยังมีบางคนโกนหัวแต่งกายคล้ายพระมาร่วมกิจกรรมชุมนุมขับไล่รัฐบาล โดยปฏิบัติตัวเสมือนเป็นสงฆ์ ทั้งการบิณฑบาต และการสวดมนต์ มีคนกราบไหว้ รวมทั้ง นายสนธิ ลิ้มทองกุล และพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ด้วย จนชวนให้เกิดความเข้าใจที่สับสนในหมู่พุทธศาสนิกชน เป็นประเด็นที่หลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงอย่างกว้างขวางนั้น
พระมหาโชว์ ทัสสนีโย รองเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และอาจารย์พิเศษบัณฑิตวิทยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลัย กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า มีประเด็นบางอย่างแฝงเร้นอยู่ ทำให้คนกลุ่มดังกล่าวต้องออกมาชุมนุมร่วมกับม็อบ พร้อมกับย้อนไปถึงการทำประชาพิจารณ์เรื่องศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ เมื่อคราวร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ว่าเป็นเรื่องที่มีอคติมาเกี่ยวข้อง และมีความพยายามกีดกันอย่างชัดเจน
“อยากจะบอกว่าการใช้พระธรรมวินัยอย่างเดียวมันคุมพุทธศาสนาไม่อยู่ การที่บอกว่ากฎหมายมันต่ำ พระพุทธศาสนาสูง อันนั้นเป็นข้ออ้าง เพราะว่านี่คือกฎหมายสูงสุดของประเทศ เราอยากให้พระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นของสูงได้รับการดูแลโดยกฎหมาย ใส่ไว้แล้วกฎหมายจะดูแล เราไม่ต้องไปนั่งประท้วง
อย่างภิกษุสันดานกา ก็ด่าพระเหยงๆ จะเอาอะไรไปจับ เพราะกฎหมายมันไม่มี เรื่องของสงฆ์ เดิมทีมันไม่ครอบคลุม เราจะเขียนไปให้ครอบคลุม โดยให้มีกฎหมายแม่บทก่อนแล้วค่อยมาเป็นกฎหมายลูก เช่น พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา อย่างกรณีของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ทางวิทยุ หรือเว็บไซต์นี่แหละ กฎหมายลูกมันต้องตามมาดูแลว่าการใช้เป็นประโยชน์บวกลบอย่างไร ถ้าเทศน์ผิดเอากฎหมายนี่แหละจัดการ
อย่างกรณีสันติอโศก ที่เคยเทศน์ว่า "ตันหา" ตัน คือ ไปไม่ได้ จำเป็นต้องหา หรือ กรณีบรรลุธรรมของโพธิรักษ์ ที่เป็นปัญหา อย่างนี้กฎหมายที่มาใหม่สามารถจับได้เลย”
พระมหาโชว์ กล่าวอีกว่าด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการพยายามออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะมีความกลัวอยู่ลึกๆ เพราะกฎหมายที่จะตามมายังหมายถึงการเลียนแบบ เช่น เทศน์ผิดพระไตรปิฎก หรือแม้แต่ว่าไปบิณฑบาต โดนหมด เพราะถือว่าเลียนแบบ
อย่างกรณีท่านจันออกมาพูด หรือ โพธิรักษ์ หรือแม้แต่กลุ่มอื่นที่ไม่ได้ไปร่วมชุมนุมด้วย หากไปทำก็ผิด แม้แต่พระด้วยกันหากไปเทศน์ผิด ไปเทศน์แล้วบอกว่าหลักธรรมเหล่านี้ตนคิดขึ้นมาเอง ก็ผิดเหมือนกัน ฆราวาสที่ไปพูดในรายการทางวิทยุโทรทัศน์ ก็ต้องมีกรรมการไปตรวจสอบ รวมถึงที่เขียนหนังสือออกมาขายกันก็ต้องดูว่าถูกหรือผิด
นอกจากนี้การนำกลุ่มสันติอโศกมาร่วมชุมนุมก่อความเดือดร้อนที่สะพานมัฆวานฯ ก็ชัดเจนว่าเป็นเรื่องทางการเมือง การที่อ้างชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่จริงแล้วก็เป็นเพียงเปลือกที่ใช้โจมตีคนอื่น ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง
การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องดูว่าแท้ที่จริงแล้วเขาต้องการให้ใช้กำลังใช่หรือไม่ แล้วจะได้เกิดการปฏิวัติและมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจ ถ้าดูตอนนี้ถ้าทุกส่วนใช้ธรรมกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะลัทธิของโพธิรักษ์ ที่มีกองทัพธรรมมาเป็นตัวหนุน ในเชิงศาสนา ในเชิงมหาเถรสมาคม คงจะต้องออกมาพูดอะไรบ้าง
ขณะที่นายสุทิน คลังแสง หนึ่งในคณะกรรมการวอร์รูมพรรคพลังประชาชน ได้กล่าวถึงกรณีกลุ่มสันติอโศก ที่ทำการร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯ กำลังพยายามสร้างวัฒนธรรมที่ผิดๆ แก่สังคม ใน 3 ประเด็นคือ 1.การสร้างอารยะขัดขืน ซึ่งถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากผู้ใดก็ตามที่กระทำการยั่วยุให้ผู้อื่นกระทำผิดกฎหมายก็ถือว่าเป็นผู้ละเมิดกฎหมาย และประเทศอื่นที่พัฒนาแล้วไม่กระทำกัน และมีความพยายามแสดงเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดในประเด็นเรื่องดีชั่ว เพื่อให้สังคมยอมรับสิ่งที่ไม่ดีให้กลายเป็นสิ่งดี ซึ่งหากชาวบ้านกระทำตามโดยสร้างอารยะขัดขืนก็จะทำให้เกิดความยุ่งยากภายในบ้านเมือง
ประเด็นที่สองคือ เยาวชน นักเรียน อาจจะมีความเข้าใจผิดในหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาได้ เนื่องจากมีกลุ่มที่เรียกตนเองว่าชาวพุทธเข้าร่วมชุมนุม พร้อมกับขึ้นเวทีกล่าววาจาหยาบคาย นอกจากนี้ยังมีการเบียดเบียนประชาชนโดยสร้างความเดือดร้อน และประเด็นสุดท้ายคือ การสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านมีท่าทีส่งเสริมกลุ่มพันธมิตรฯ ให้ทำการเคลื่อนไหว แทนที่จะสกัดกั้น ซึ่งไม่ต้องการห้ามแต่อย่างใด เพียงแต่ไม่ต้องการให้มีการสร้างวัฒนธรรมไม่ดีแก่เยาวชน
อนึ่ง มติคณะการกสงฆ์เกี่ยวกับสันติอโศก เมื่อ 23 พฤษภาคม 2532 ได้ระบุชัดว่า มหาเถรสมาคมมีคำสั่งให้โพธิรักษ์ สละสมณเพศ รวมถึงบริวารที่โพธิรักษ์จัดทำให้เป็นพระก็ไม่ถือว่าเป็นพระต่อไป รวมทั้งให้มีการกระทำปกาสนียกรรม ประกาศให้พุทธบริษัททราบโดยทั่วไป
และจากมติคณะการกสงห์ดังกล่าว มหาเถรสมาคมได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2532 ลงนามโดยพระธรรมมหาวีรานุวัตร ประธานคณะทำงานปกาสนียกรรม
เพื่อไทย
Thursday, June 12, 2008
แฉ! โพธิรักษ์ ร่วมวงป่วนชาติ พุทธศาสนาประจำชาติผ่านโดนกวาดยกก๊วน
“มหาโชว์” แฉเหตุ “โพธิรักษ์” นำทีม “สันติอโศก” ร่วมวงม็อบพันธมิตรฯ ป่วนเมือง ค้านการแก้ไข รธน.50 เป็นเพราะผวาหากมีการบรรจุพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ จนมีการออกกฎหมายลูก พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พวกนอกรีต เลียนแบบ บิดเบือนพุทธศาสนามีหวังโดนจัดการยกก๊วน ซัดร่วมการชุมนุมเป็นเรื่องการเมืองชัดๆ อย่ามาอ้างสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ส.ส. ห่วงเยาวชนเข้าใจบทบาทพระผิดๆ เผยโดนขับพ้นความเป็นพระตั้งแต่ปี 2532