ที่มา ไทยรัฐ
ถ้าไม่หนีห่างการเมือง บ้านเมืองมันก็วุ่นเยี่ยงนี้เตือน นายกฯ ต้องสงบสยบความเคลือนไหว จัดแถวรัฐมนตรีข้าราชการใหม่เดินหน้าแก้ ปัญหาเศรษฐกิจ อย่าเต้นตามเพลงฝ่ายตรงข้าม
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ มีรายจ่ายก็ต้องมีรายได้ มีผู้ให้ก็ต้องมีผู้รับ นี่ว่ากันตามความจริงที่เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจ ณ วันนี้
แน่นอนว่ารัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องมีรายจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังวิกฤติอย่างหนัก ปัญหาก็มีอยู่ 2 อย่าง
1. จ่ายอย่างมีคุณภาพ ตรงเป้า และได้ผลหรือไม่?
2. จะหารายได้อย่างไรเพื่อทดแทนรายจ่าย
ในภาวะที่เป็นจริงขณะนี้รัฐบาลได้ใช้เงินเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นฟูไปแล้วหลายรายการ โดยเฉพาะที่แจกให้หัวละ 2,000 บาท ตามยอด 8 ล้านกว่าคน จะได้ผลหรือไม่อีกไม่นานก็ได้รู้กัน
ขณะที่ยังไม่ให้คำตอบว่าจะหารายได้มาจากไหน เงินคงคลังก็หดหาย ภาษีที่เคยเก็บได้ เป็นกอบเป็นกำก็พลาดเป้าไปเยอะ ตัวเลขไม่น้อย 1.3 แสนล้านบาท และปีต่อไปจะเป็นอย่างไรคงไม่ต้องพูด
นอกจากนั้น ยังมีความพยายามจะขอลดโน่นลดนี่ หย่อนภาษีอีกหลายรายการ เป็นต้นว่า ภาคยานยนต์ขอลดภาษี 3%
หากรัฐบาลยอมให้อีกหลายภาคส่วนก็ต้องขอด้วย
แบบนี้ก็ป่วนแน่ เพราะปกติก็ไม่เข้าเป้า แถมยังขอให้ลดอีก รัฐบาลจะมีรายได้จากไหน
พอรัฐบาลบอกว่าจะต้องกู้ก็เลยถูกปรามาสทันควันว่าดีแต่กู้ กู้แล้วแล้วก็เอาไปประชานิยมอย่างนั้นหรือ
วันนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหารายได้ ทุกวิถีทาง อย่างเรื่องท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักคู่ขนานกับการส่งออก
แต่เนื่องจากทุกประเทศเกิดปัญหาเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวที่เคยมาไทยมากมายก็คงจะจนลงไม่มีโอกาสได้ออกมาเที่ยว
เชื่อเถอะว่ารัฐบาลก็ต้องบอกคนของเขา ที่ไม่ต่างไปจากเมืองไทยคือ กินของไทย ใช้ของไทย เที่ยวในไทย เพื่อแก้ปัญหาทำให้เกิดรายได้ ธุรกิจเดินไปได้
สหรัฐฯ จีน ประเทศมหาอำนาจใหญ่ทางเศรษฐกิจก็คิดแบบนี้ อย่าไปหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ อะไร นอกจากต้องช่วยตัวเองก่อน
การท่องเที่ยวที่พยายามดิ้นทุกวิถีเพื่อดึง นักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวไทย ถ้ายังถลุงงบ โปรโมตแบบเดิมๆอย่างที่เคยทำมา
ไปไม่รอดแน่...เสียเงินฟรี
มีนักคิดเสนอว่าประเทศใหญ่นั้นแม้เศรษฐ-กิจจะฟุบ แต่ก็ใช่ว่าจะจนกันทั้งประเทศ แต่ก็ยังมีคนรวย มีเงินใช้สอยได้ปกติและพร้อมจะเที่ยว
นี่คือลูกค้าสำคัญที่ ททท.จะต้องเจาะเข้าไป ให้ถึงดึงออกมาให้ได้
ต่างๆเหล่านี้อย่ามานั่งงอมืองอเท้า ใช้ วิธีแบบเก่าๆไม่ได้ผลแน่
เหนืออื่นใด ในสถานการณ์ที่เป็นจริงดู เหมือนว่ารัฐบาลยังให้ราคาการเมืองเทียบเคียงกับปัญหาเศรษฐกิจ คือยังมุ่งที่จะลุยการเมือง ตอบโต้ ต่อปากต่อคำ
ทำให้สถานการณ์ไม่หลุดพ้นจากจุดนี้ จะไปหวังการเมืองนิ่งจึงเป็นไปไม่ได้
ก็ต้องรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามพยายามที่จะทำให้ วุ่น อาศัยปัญหาเศรษฐกิจที่แก้ไขยากยิ่งเป็นจุดดิสเครดิตรัฐบาล
แทนที่จะตั้งลำได้เร็ว มุ่งแก้ปัญหาเฉพาะจุดได้เต็มที่ก็ทำไม่ได้ เพราะต้องไปวุ่นวายกับการเมือง วุ่นวายที่จะต้องตอบโต้ แก้ลำ เข้าทางเขาพอดี
สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้สักเรื่อง เพราะกุมสภาพไม่ได้ ข้าราชการก็ยังเข้าเกียร์ว่าง แทนที่จะจัดการให้เข้ารูปเข้ารอยโดยเร็ว ก็มัวแต่คิดมากพะวงว่าจะเสียรูปมวย ก็เลยป่วนกันไปหมด
ถ้าคิดว่ามีปัญหา ตอบสังคมได้ มันก็ต้องให้สะเด็ดนํ้ากันไปเลย
ทางที่ดีวันนี้ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเชื่อว่ามีความตั้งใจจริง มีความมุ่งมั่นในการทำงาน แก้ไขปัญหาจะต้องแยกแยะให้ดี หันกลับมาปรับจูนเครื่องในรัฐบาล ข้าราชการให้ทำงานกันเต็มสตีม
รัฐมนตรีที่อยู่เคียงข้างทั้ง 35 คน ว่าที่จริงแล้วหลายคนดูเหมือนว่ายังทำงานไม่เป็น ไม่รู้กิจของตัวเองว่าคืออะไรเสียด้วยซํ้า
ไม่อยากเอ่ยชื่อให้สะเทือนซางกันเปล่าๆ!!!
“ลิขิต จงสกุล”