WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, June 15, 2010

ไพ่ใบสุดท้าย ในอ้อมกอดอำมหิต

ที่มา มติชน


ภาพจากนิตยสาร ARTGAZINE

โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์

มีทั้งความผิดหวัง, ความฉงน และการบรรลุสัจธรรมต่อการปรับ ครม.ครั้งสุดท้ายนี้ รัฐมนตรีที่ได้รับความไว้วางใจน้อยได้ดำรงตำแหน่งต่อไป ส่วนรัฐมนตรีที่ไม่ถูกอภิปรายเลยกลับถูกปรับออก "พรรค" ร่วมรัฐบาลก็ยังคงเดิม เพียงแต่นำเอาก๊วนเก่าออกไป แล้วนำก๊วนใหม่เข้ามาแทนที่ เสียงสนับสนุนรัฐบาลในสภา อาจมาจาก ส.ส.ของ "พรรค" คู่แข่ง แต่อยู่ในก๊วนของ "พรรค" ร่วมรัฐบาล


"พรรคการเมือง" ในความคิดของนักร่างรัฐธรรมนูญนับตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา พังยับอย่างโจ่งแจ้งกว่าเมื่อครั้งตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เราจะหาเหตุผลอะไรมาสนับสนุนเอกสิทธิ์ของ "พรรคการเมือง" และเงินงบประมาณอุดหนุน "พรรคการเมือง" อีกต่อไป


(ถ้าถือว่ารัฐธรรมนูญถูก "ฉีก" ไปแล้ว จะ "ฉีก" ใหม่ทั้งฉบับด้วยการรัฐประหาร ก็ถือว่าชอบธรรมแก่คนบางกลุ่ม... อีกแล้วครับท่าน)


อ้อมกอดอำมหิตที่เป็นปัจจัยสำคัญในการตั้งรัฐบาลนี้ กระชับขึ้นอย่างดิ้นไม่หลุด อ้อมกอดนี้เป็นอ้อมกอดอำมหิต เพราะรัดใครแล้วทำให้หมดเรี่ยวแรงขัดขืน จึงไม่มีวันหลุดจากอ้อมกอดได้ จนกว่าอ้อมกอดอำมหิตจะคลายเองเมื่อถึงเวลา


รัฐบาลนี้ถูกเรียกว่า "เทพประทาน" มาแต่ต้น เพราะเป็นที่รู้กันทั่วไปว่ามาจากการอุ้มของชนชั้นนำหลายกลุ่ม แต่ถึงจะอุ้มอย่างไร ก็ต้องอุ้มประทานมาในเงื่อนไขของอ้อมกอดอำมหิต แม้มีก๊วนการเมืองนอกอ้อมกอดเข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่ก๊วนเหล่านั้นหาได้มีเอกภาพเหมือนอ้อมกอดอำมหิตไม่ ดังนั้น ภายใต้อ้อมกอดนี้ รัฐบาลจึงมีอำนาจต่อรองกับอ้อมกอดไม่มากนัก ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใน ครม. หรือเมื่อถึงคราวคับขัน ก็ต้องเลือกอ้อมกอดไว้ก่อนเสมอ


บอกแล้วว่าอ้อมกอดนี้อำมหิต รัดแล้วหมดแรง อย่าดิ้นเสียให้ยาก ไม่คลายจนกว่าจะถึงเวลา


ปัญหาที่น่าสนใจอยู่ที่ว่า ชนชั้นนำตกอยู่ในอ้อมกอดอำมหิตด้วยหรือไม่ ดูเหมือนฝ่ายชนชั้นนำเป็นผู้กอดเสียเอง เมื่อตอนแรกตั้งรัฐบาล แต่ระวัง อ้อมกอดอำมหิตอาจอ้าแขนออกโอบรัดชนชั้นนำกลับคืนได้ และการต่อต้านการชุมนุมใหญ่ที่ผ่านมา ก็ดูจะส่อให้เห็นว่าชนชั้นนำบางกลุ่มอาจกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดอำมหิตไปเสียแล้ว หมายความว่าเสรีภาพที่เคยมีในการดำเนินการทางการเมืองเบื้องหลัง กำลังจะหมดเรี่ยวหมดแรง ภายใต้เงาอำมหิตนั้น


ในเกม "ประชาธิปไตย" ซึ่งอยู่ภายใต้กติกาของรัฐธรรมนูญ อย่างไรเสียก็หนีการเลือกตั้งไปไม่พ้น การเลือกตั้งจึงเหมือนความตาย ไม่มีใครหลีกหนีได้พ้น


และเหมือนความตายแก่รัฐบาลมากขึ้นไปอีก เพราะตราบจนถึงการล้อมปราบอย่างเหี้ยมโหดในเดือนเมษา-พฤษภา เลือกตั้งเมื่อไร รัฐบาล "ตาย" แน่นอน หลังการล้อมปราบ อาจเป็นไปได้ว่าคะแนนเสียงของพรรคฝ่ายค้านอาจลดลงโดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ ทำให้พรรคแกนกลางรัฐบาลอาจสามารถรวบรวมคะแนนเสียงกลับมาเป็นรัฐบาลใหม่ได้


แต่ที่หลีกหนีไม่พ้นคือ เป็นรัฐบาลภายใต้อ้อมกอดอำมหิตอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง


อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีอะไรที่พอเป็นดัชนีชี้วัดที่น่าเชื่อถือถึงผลการเลือกตั้งใหญ่ ที่อย่างไรเสียก็ต้องมาในปีหน้า พรรคฝ่ายค้านยังอาจเก็บคะแนนได้ท่วมท้นอีกเหมือนเคยก็ได้ ถึงไม่ได้คะแนนกึ่งหนึ่ง ก็มากพอที่จะรวบรวมก๊วนต่างๆ ขึ้นจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ถึงตอนนั้นประชาธิปัตย์ภายใต้อ้อมกอดอำมหิต ก็จะกลายเป็นฝ่ายค้าน


เพราะอ้อมกอดอำมหิตนี้เอง แม้มีประโยชน์ในสภา แต่เป็นภาระหนักอึ้งแก่ประชาธิปัตย์ในเขตเมือง เพราะการเลือกประชาธิปัตย์ย่อมหมายถึงการยอมรับ "ยียาธิปไตย" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ "ยียาธิปไตย" เป็นหนึ่งในข้อโจมตีของ พธม.ต่อระบอบเลือกตั้ง จริงอยู่ไม่ว่าพรรคใดจะเป็นแกนกลางจัดตั้งรัฐบาล ก็หนี "ยียาธิปไตย" ไม่พ้น แต่เพราะความอ่อนแอของพรรคเพื่อไทยในเขตเมือง จึงทำให้คนชั้นกลางในเมืองมีอำนาจต่อรองให้ "ยี้" ได้ว่าการกระทรวงไม่สำคัญได้


(นอกเรื่องตรงนี้หน่อย ที่จริงแล้ว พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเดียวที่สามารถประกาศรายชื่อรัฐมนตรีสำคัญก่อนการเลือกตั้งได้ ถ้าไม่มี "ยี้" อยู่เลย ก็จะทำให้คะแนนเสียงของพรรคในเขตเมืองดีขึ้น แหะๆ... ถ้ามีคนที่พอจะรับได้เป็นนายกฯ)


ความเป็นไปได้ทั้งสองทางเช่นนี้นำความหวาดวิตกแก่ชนชั้นนำ กลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลอภิสิทธิ์อย่างยิ่ง เพราะอภิสิทธิ์ (หรือประชาธิปัตย์) คือไพ่ใบสุดท้ายของเกมที่ยังใช้กติการัฐธรรมนูญ หมดไพ่ใบนี้ก็หมดหน้าตัก


นี่คือเหตุผลที่ว่า ยุบสภาเป็นข้อเรียกร้องที่หัวเด็ดตีนขาดก็รับไม่ได้ (หัวและตีนคนอื่นนะครับ) ต้องมีเวลาสำหรับทำให้ผลการเลือกตั้งมีอันตรายต่อชนชั้นนำน้อยที่สุด ปัญหาอยู่ที่ว่า เวลาอีกปีเศษที่เหลือนี้เพียงพอสำหรับการนี้หรือไม่


เกมรัฐธรรมนูญจึงเป็นเกมอันตรายแก่ชนชั้นนำ เพราะเกมนี้ต้องมากับการเลือกตั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความพยายามที่จะทำให้การเลือกตั้งด้อยความสำคัญลง ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนหรือล้มเลิกระบบเลือกตั้งได้ (โดยเฉพาะในสภาผู้แทนฯ)


ทางเลือกของชนชั้นนำจึงมีไม่มากนักในเกมนี้ อ้อมกอดอำมหิตทำให้ต้อง "เทพประทาน" รัฐบาลกันตลอดไป ปัญหาอยู่ที่ว่า คนชั้นกลางระดับกลางในเขตเมืองจะทนกับ "เทพประทาน+ยียาธิปไตย" ไปได้นานเพียงใด


จะหนีให้พ้นจากอันตรายของเกมนี้จึงเหลืออยู่ทางเดียว นั่นคือล้มกระดาน หลังการล้อมปราบและจลาจลที่เกิดขึ้น ดูเหมือนการล้มกระดานน่าจะทำได้ง่ายขึ้น เพราะฝ่ายซึ่งอาจต่อต้านจัดองค์กรขึ้นเคลื่อนไหวต่อต้านไม่ทัน ฉะนั้นอย่างน้อยก็ล้มกระดานได้สำเร็จ และน่าจะรักษาอำนาจได้ระยะหนึ่ง


แต่เกมล้มกระดานก็ใช่จะเป็นเกมที่เล่นได้ง่ายๆ เช่นกัน หากจะเตรียมตัวกลับเข้าสู่เกมรัฐธรรมนูญในวันข้างหน้า ก็ต้องมีเวลาเว้นวรรคนานพอที่จะทำให้การเลือกตั้งไม่มีอันตราย แต่จะนานเกินไปก็เป็นไปไม่ได้สำหรับเมืองไทยในปัจจุบัน และการเมืองระหว่างประเทศในปัจจุบัน


แม้แต่จะหาคนมาเป็นผู้นำของระบอบล้มกระดาน ก็ใช่จะหาง่ายอีกเช่นกัน เพราะฝ่ายชนชั้นนำยังเหลือใครที่มีทั้งกึ๋นและเป็นที่ยอมรับของคนหมู่มากอีกหรือ


อำนาจอย่างที่สฤษฎิ์ ธนะรัชต์ มีเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอเสียแล้วที่จะนำระบอบล้มกระดานได้นานๆ แต่รัฐบาลนั้นต้องมีกึ๋นหรือฝีมือด้วย ไม่ใช่ฝีมือในการบริหารงานเพียงอย่างเดียวด้วย แต่หมายถึงฝีมือที่จะนำไปสู่ทิศทางที่จะทำความพอใจมาแก่คนอีกจำนวนมาก ซึ่งเกิดสำนึกทางการเมืองอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน นั่นหมายความว่าฝีมือของผู้นำอาจขัดต่อผลประโยชน์ของชนชั้นนำเองด้วย (เช่นผลักดันการปฏิรูปที่ดินจริงๆ มากกว่าการโฆษณาหาเสียง)


ระบอบล้มกระดานจะตั้งอยู่ให้นานพอสำหรับรักษาระบบการเมืองที่เอื้อประโยชน์ชนชั้นนำได้ ก็ต้องเป็นระบอบที่เรียกกันว่า Enlightened Despotism


Despotism นั้นเล่นง่าย และมีคนอาสาจะเล่นอยู่มาก แต่ Enlightened นี่สิ เล่นยาก ส่วนใหญ่ของระบอบนี้อาศัยการโฆษณาชวนเชื่อเป็นเครื่องมือในการรักษาความเป็น enlightened เอาไว้ แต่เราอาจใช้การโฆษณาชวนเชื่อไปจนหมดพลังแล้วก็ได้


ในท่ามกลางสังคมไทยที่ได้เปลี่ยนไปแล้ว ระบอบล้มกระดานหาได้เล่นได้ง่ายไปกว่าระบอบที่ต้องอาศัยรัฐธรรมนูญเป็นกติกาไม่


แม้กระนั้น ก็เป็นไปได้ว่าจะเกิดการเก็งผิดสักวันหนึ่งข้างหน้า