ที่มา ไทยรัฐ
วิชาญ มีนชัยนันท์ ยัน ส.ส.กลุ่ม กทม. พร้อมหนุน ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หากเสนอตัวลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กทม. พร้อมขู่คว่ำบาตร ไม่ส่งคนลงชิงชัย หาก รัฐบาลไม่ยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน...
วันที่ 19 มิ.ย. 2553 นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 6 ให้สัมภาษณ์ไทยรัฐออนไลน์ยืนยัน ส.ส.กลุ่ม กทม.พรรคเพื่อไทย พร้อมให้การสนับสนุน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. หากตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขต 6 บึงกุ่ม แทนนายทิวา เงินยวง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เพิ่งเสียชีวิตไป
ส่วนนายณัฐวุฒิ จะได้รับการคัดเลือกจากทางพรรค หรือไม่นั้น คงยังตอบไม่ได้เพราะนายณัฐวุฒิ ถือเป็นเพียงแคนดิเดตคนหนึ่งในผู้ที่มีความพร้อมจะลงสู้ศึกเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ เท่านั้น เพราะยังมีผู้พร้อมเสนอตัวอีก 3 คน ที่สนใจจะลงสู้ศึกในครั้งนี้ โดย 2 ใน 3 คนที่ว่า ประกอบด้วย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ และ นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ ส่วนอีกราย ยังไม่ประสงค์ที่จะเปิดเผยตัว ส่วนจะได้ข้อสรุปว่าทางพรรคเพื่อไทย จะเสนอช่อบุคคลใด นั้น นายวิชาญ กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่า น่าจะมีความชัดเจนก่อนวันที่ 28 มิ.ย. แน่นอน
โดยตนเอง อยากฝากไปถึงรัฐบาล ว่า หาก นายณัฐวุฒิ ได้รับการเสนอชื่อ ให้ลงชิงชัยในศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ครั้งนี้ จริง ทางรัฐบาลก็ควรใจกว้าง โดยการปล่อยตัวนายณัฐวุฒิ ให้สามารถลงพื้นที่หาเสียงได้ เพราะอย่างไรก็ดี ในเวลานี้ นายณัฐวุฒิ ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา อีกทั้งที่ผ่านมานายณัฐวุฒิ ก็ไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี และยังเป็นผู้ที่เดินทางไปมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย
ส่วนวิตกหรือไม่ว่า หากตัดสินใจเลือกนายณัฐวุฒิ อาจทำให้ทางพรรคสูญเสียคะแนนจากคนกรุงเทพ เช่นเดียวกับในศึกเลือกตั้ง สข. ที่เพิ่งผ่านมา ซึ่งทางพรรคเพื่อไทย พ่ายแพ้ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ อย่างยับเยิน นั้น นายวิชาญกล่าวว่า สำหรับตนเองเชื่อว่าไม่มีปัญหา เพราะประชาชน จะเป็นผู้ตัดสินใจแต่สิ่งสำคัญ คือรัฐบาลควรจะต้องมีการยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน ในช่วงที่มีการเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างกัน อีกทั้งยังจะเป็นการเปิดโอกาสให้ทางพรรคเพื่อไทย สามารถลงพื้นที่ ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในช่วงการชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้ประชาชนรับฟังสื่อด้านเดียว จนทำให้พรรคเพื่อไทย พ่ายแพ้ซ้ำสอง
ด้านความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้ง ส.ข.ที่ผ่านมา นั้น ตนเองอยากให้มองในประเด็นที่ว่า ทางพรรคเพื่อไทย ไม่ได้พ่ายแพ้พรรคประชาธิปัตย์ แบบยับเยิน อย่างที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ เพราะต้องไม่ลืมว่า มีบัตรเสียและไม่ใช้สิทธิ รวมกันสูงถึง 12 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งคะแนนเสียงเฉพาะระหว่างผู้สมัคร เองก็ไม่ได้สูงไปจากเดิม เพียงแต่คะแนนของทางพรรคประชาธิปัตย์ เพิ่มขึ้น ซึ่งจุดนี้มองได้ว่าคะแนนที่เพิ่มขึ้น น่าจะมาจากกลุ่มคนเป็นกลาง ที่ไม่ได้เป็นแฟนของทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคเพื่อไทย เพียงแต่ไปลงคะแนนเพราะรับฟังการสื่อด้านเดียวของทางฝ่ายรัฐบาลมากกว่า
ซึ่งทำให้หากทางรัฐบาล ยังไม่ยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน ในช่วงระหว่างลงทำศึกเลือกตั้งซ่อม ในครั้งนี้ ก็อาจจะทำให้ทางพรรคพิจารณา ไม่ส่งผู้สมัคร ลงชิงชัยในครั้งนี้ก็เป็นได้ เพราะทางพรรคมองว่า พรก.ฉุกเฉิน คือหนึ่งในอุปสรรค ที่จะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างกัน