WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, June 17, 2010

ปมร้อนกองสลาก ปล้น!หัวคิวยี่ปั๊ว

ที่มา ไทยรัฐ

ปัจจุบันปัญหาสลากเกินราคายังไม่ถูกแก้ไข และอาจจะเรียกได้ว่า...มีความรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่ปี 2517 ที่มีการจัดตั้งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

อะไร...เป็นสาเหตุที่สำคัญทำให้ต้องขายสลากเกินราคา?

ปัญหานี้ถูกขุดคุ้ยมาแล้วนักต่อนัก สะท้อนให้เห็นว่า การบริหารจัดการของสำนักงานสลากฯน่าจะมีปัญหา

ผู้บริหารกองสลากฯมีหน้าที่โดยตรงที่จะป้องกัน เข้ามาแก้ปัญหานี้ ขณะที่คำตอบที่มีต่อปัญหาสลากเกินราคาที่มีต่อประชาชนคนไทย มีเพียงว่า...

"พยายามแก้ปัญหาอยู่"

แม้ว่าปัญหาจะคลี่คลายไปได้บ้าง แต่คำถามสำคัญยังคงอยู่ที่การขายสลากเกินราคาเกิดขึ้นได้อย่างไร

และใครเป็นต้นเหตุของปัญหานี้?

ก่อนที่จะลงลึกถึงต้นตอ สกู๊ปหน้า 1 อยากจะย้ำ...ทำความรู้จักกับสลากรัฐกันให้ดีมากกว่านี้

สำนักงานสลากฯ ผลิตสลากออกมาจำหน่าย 2 ประเภท...สลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ออกตาม พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517

และ สลากกินแบ่งการกุศล สำนักงานสลากฯรับจ้างหน่วยงาน หรือองค์กรการกุศลอื่นๆผลิตเป็นสลากที่ออกตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2479

สลากทั้งสองประเภท...ที่ออกในแต่ละงวด ถึงจะมีที่มาที่ไปต่างกัน แต่หน้าตาเหมือนกัน ราคาขายก็เท่ากัน ฉบับละ 40 บาท จัดพิมพ์เป็นคู่ คู่ละ 2 ฉบับติดกัน...ราคาคู่ละ 80 บาท

ความต่างในความเหมือนมีเพียงข้อความที่ระบุเอาไว้บนหน้าสลาก ที่พิมพ์บอกไว้ว่า เป็น... "สลากกินแบ่งรัฐบาล"

หรือเป็น... "สลากกินแบ่งการกุศล"

ความต่างนี้อาจไม่ทำให้ประชาชนผู้ซื้อสลาก รู้ถึงความต่างของที่มาที่ไปนี้ได้ เพราะมีการขายสลากควบคู่กันไป และยังใช้หมายเลขที่ถูกรางวัลเป็นหมายเลขเดียวกัน กำหนดรางวัลที่จะได้รับเท่ากัน

สำนักงานสลากฯ จะขายสลากที่ผลิตทั้งหมดผ่านตัวแทนจำหน่าย โดยทั่วไปมักเรียกว่า "ยี่ปั๊ว"

"ยี่ปั๊ว" เหล่านี้สำนักงานสลากฯโดยคณะกรรมการสลาก และผู้อำนวยการเป็นผู้คัดเลือก โดยมีจำนวนสลากที่ได้รับการจัดสรรไปจำหน่ายเรียกว่า "โควตา"

นับเนื่องมาจากว่า...สำนักงานสลากฯ ไม่มีร้านขายสลากเป็นของตนเอง ไม่มีพนักงานขายสลาก และที่ผ่านมาก็ไม่มีนโยบายดำเนินการขายเอง ด้วยเหตุผลหลายประการ

ดูๆไปแล้ว...แม้ว่ากองสลากฯจะมีศักยภาพน่าจะทำได้เอง แต่ ผู้รู้ในวงการบอกว่า เหตุผลสำคัญ น่าจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์

เม็ดเงินท่อน้ำเลี้ยงจากการจัดสรรโควตาสลาก ที่ผูกขาดกันมายาวนานมากเหลือเกิน

กล่าวถึงรายได้ที่ยี่ปั๊วเหล่านี้จะได้รับ มีที่มาที่ไปมาจาก 2 ส่วนหลักๆ

ส่วนแรก...มาจากส่วนลดที่สำนักงานสลากฯมอบให้ กินนิ่มๆไปแล้ว อยู่ที่ร้อยละ 7-10 ของมูลค่าสลากที่ได้รับโควตา

ส่วนที่สอง...มาจากการขายสลากเกินราคา มากกว่าคู่ละ 80 บาท

ยี่ปั๊วขายส่งให้กับผู้ค้ารายย่อยที่ไม่มีโควตาเพื่อนำไปขายปลีกให้กับประชาชนทั่วไปในราคาคู่ละ 90-100 บาท

หมายความว่า...ที่ทำกันผ่านๆมายี่ปั๊วอาจจะมีกำไรส่วนนี้อีกคู่ละ 10-20 บาท

เป็นเหตุผลสำคัญข้อหนึ่งที่ว่า ทำไม? ผู้ค้าปลีกสลากรายย่อยถึงบอกว่ารับมาจากยี่ปั๊วคู่ละ 90 บาทบ้าง...100 บาทไปแล้วบ้าง

ทำให้จำเป็นต้องขายสลากเกินราคา คู่ละ 110-120 บาท เพื่อเอากำไรอีกทอดหนึ่ง

วังวนสลากเกินราคาเริ่มจากจุดนี้...เป็นข้อมูลทั่วไปที่รับรู้กันดีอยู่แล้ว ไฉนเลยคนใหญ่ในกองสลากฯ โดยเฉพาะผู้บริหารจะไม่รู้ แก้ปัญหานี้ให้ลุล่วงไปไม่ได้

และดูเหมือนว่า...ข้อผูกมัดแน่นหนาเหมือนสัญญาใจ ระหว่างยี่ปั๊วกับกองสลากฯจะอยู่ที่โควตา ที่ได้รับมากน้อยลดหลั่นกันไปสุดแต่ใจจะกำหนด

รู้กันดีในวงการหวยเมืองไทย ขึ้นอยู่กับว่าใครมีสัมพันธ์ที่ดีกับนักการเมือง และคนใหญ่ที่ดูแล พิจารณาเรื่องจัดสรรโควตา

บางรายได้โควตางวดละหลายล้านฉบับ โดยเฉพาะกลุ่มยี่ปั๊วที่คนในวงการให้ฉายาว่า 5 เสือ ขณะที่บางรายก็ได้รับโควตาหลักแสน ไล่เรียงลงมาหลักหมื่น จนกระทั่งถึงหลักพันฉบับ

ยุคนี้...มีสลากกินแบ่งรัฐบาลพิมพ์จำหน่าย 50 ล้านฉบับ มีสลาก กินแบ่งการกุศลอีก 8 ล้านฉบับ รวมแล้วแต่ละงวดมีสลากทั้งหมด 58 ล้านฉบับ

ถือว่าเป็นจำนวนสลากที่มีการพิมพ์มากที่สุดนับตั้งแต่มีการก่อตั้งสำนักงานสลากฯ

ลองคำนวณส่วนต่างส่วนเกินที่ยี่ปั๊วพึงจะได้ ถ้าคิดส่วนลดที่กินนิ่มๆ อยู่ที่ร้อยละ 9 จะเป็นเงินงวดละ (ทุก 15 วัน) 208.8 ล้านบาท เดือนนึงมี 2 งวด คิดเป็นเงิน 417.6 ล้านบาท

ถ้าคิดเป็นปี ยี่ปั๊วจะมีรายได้มากถึงปีละ 5,011.2 ล้านบาท

นอกจากส่วนต่างตรงนี้ หากยี่ปั๊วขายเกินราคา แบบจิ๊บๆ คู่ละ 10 บาท ก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกงวดละ 290 ล้านบาท เดือนนึงมี 2 งวด คิดเป็นเงิน 580 ล้านบาท

ถ้าคิดเป็นปี...ยี่ปั๊วจะมีรายได้เพิ่มอีกปีละ 6,960 ล้านบาท

รวมๆเงินสองก้อนใหญ่ที่ว่านี้ ปีนึงก็เป็นเงินมหาศาลเกือบ 12,000 ล้านบาท

ก้อนแรกเป็นเงินที่ยี่ปั๊วพึงจะได้ เพราะเป็นส่วนต่างที่กองสลากฯมอบให้เป็นค่าบริหารจัดการ โดยมีกรอบสำคัญ คือ ราคาสลากคู่ละ 80 บาท

ดังนั้น ต้องเป็นการบริหารแบบมีสัดส่วนชัดเจน ดึงกำไรเอาไว้เท่าไหร่ ยี่ปั๊วจะให้คนขายปลีกเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่ายี่ปั๊วขายเกินราคาคู่ละ 80 บาทไปแล้ว อย่างไรเสียคนรับไปขายก็ต้องขายเกินราคาอยู่ดี

สมมติว่า...ยี่ปั๊วจะอ้างว่าเงินกินนิ่ม 9 เปอร์เซ็นต์ จะต้องส่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับนักการเมือง...ผู้มีอำนาจจัดสรรโควตา แบบจ่ายล่วงหน้าเป็นรายปี

เหมือนถูกมัดมือชก...ทำให้ต้องขายเกินราคาคู่ละ 80 บาท

พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 2517 บัญญัติว่า...การจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาเป็นความผิดกฎหมาย มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

น่าสนใจที่ว่า มีคนไม่กลัวกฎหมายเกิดขึ้นอยู่ทั่วไป จนแทบจะเรียกได้ว่า...ไม่มีคนซื้อหวยรัฐคนไหน หาซื้อสลากในราคาคู่ละ 80 บาทได้เลย

อย่างไรเสียกองสลากฯย่อมต้องรู้อยู่เต็มอกดีกว่าหน่วยงานอื่น...ในเมื่อยี่ปั๊วขายเกินราคาตั้งแต่มือแรกอย่างนี้ จะไม่ทำให้หวยรัฐขายแพงเกินจริงได้อย่างไร

ยิ่งชวนให้สงสัย...ปัญหาสลากเกินราคา แก้ไม่ได้เพราะใครกันแน่

แนวทางแก้ปัญหาวันนี้...ผู้ใหญ่สำนักงานสลากฯ นักการเมือง ข้าราชการกระทรวงการคลังผู้กำกับดูแลเรื่องนี้โดยตรง...คงต้องมีนโยบายที่ดี มีการบริหารที่มีประสิทธิภาพกว่านี้

ต้องตัดตอน...ผ่าท่อน้ำเลี้ยงให้ขาดสะบั้น

ไม่อย่างนั้นท่านๆก็คงต้องเปลี่ยนไปทำงานอื่น เพราะเชื่อได้ว่า... คงมีใครอีกหลายคน อยากเข้ามาดูแล แก้ปัญหาท่อน้ำเลี้ยงปีละ 12,000 ล้านก้อนนี้.