ที่มา มติชน รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกับคณะทำงานของอัยการสูงสุด (อสส.) ในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จากกรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาทแล้ว มี 7 คน ประกอบด้วย 1.นายอิศระ หลิมศิริวงษ์ ประธานอนุกรรมการไต่สวนคดียุบพรรค ปชป. 2.นายประธาน วัฒนาวาณิชย์ 3.นายวิจิตร ชัยสาร ที่ปรึกษาประธาน กกต. 4.นายยงเกียรติ อดิเศรษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและคดี กกต. 5.นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง 6.นายกฤช เอื้อวงศ์ ผู้อำนวยการกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ และ 7.นายมนตรี เทอดธีระกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวินัยสำนักงานกกต. ดังนั้น เมื่อผู้แทนของนายทะเบียนที่ไปร่วมกับ อสส.ที่มีความเห็นเบื้องต้นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอแล้ว อาจทำให้การพิจารณาของคณะทำงานร่วมได้ข้อยุติไปในทางเดียวกันว่า ไม่เห็นควรให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อยุบพรรค ปชป. และกฎหมายไม่เปิดช่องให้นายทะเบียนยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้เองตามมาตรา 95 พ.ร.บ.พรรคการเมือง แต่หากคณะทำงานร่วมไม่อาจหาข้อยุติได้ว่า จะส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตามกฎหมายนายทะเบียนจะต้องขอความเห็นชอบ กกต.เพื่อยื่นคำร้องเอง
ข่าวแจ้งว่า ผู้แทนนายทะเบียนทั้ง 7 คน มีหลายคนที่เคยเป็นอนุกรรมการไต่สวนและเคยเป็นคณะทำงานของนายทะเบียนพรรคการเมืองที่เคยมีความเห็นว่าพยานหลักฐานในคดียุบพรรค ปชป.ไม่เพียงพอเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค อาทิ นายอิศระ เป็นหนึ่งในเสียงข้างมากที่เห็นควรให้ยกคำร้องยุบพรรค ปชป. นายยงเกียรตินายมนตรีเป็นเสียงข้างน้อยในคณะทำงานของนายทะเบียนที่ให้ยกคำร้อง ขณะที่นายวิจิตร เห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอ