WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, June 18, 2010

ไทยสอบคดีสลายผู้ชุมนุม โปรดอย่าซ้ำรอยคดีประวัติศาสตร์ "อาทิตย์นองเลือด"แห่งแดนผู้ดี!!!




ในขณะที่บ้านเราเผชิญความเจ็บปวดกับกรณีเหตุรุนแรง และกำลังมีกระบวนการสอบเหตุการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 88 คน เจ็บ 1,885 คน ถือเป็น"เหตุการณ์สลดของบ้านเมือง"และเป็นความเจ็บปวดของคนในชาติ กระทั่งที่ผ่านมามีการตั้งประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและและค้นหาความจริง เพื่อความปรองดองแห่งชาติ ท่ามกลางการคาดหวังของชาวไทย ที่ต้องการ"เห็น"ผลสรุป"ว่า ในที่สุดแล้ว"อะไรคืออะไร"และ"ความจริงแล้วเป็นเช่นไร"นั้น

ว่าไปแล้ว การสอบสวนคดียิงผู้ชุมนุมของเมืองไทยอาจถือเป็นเรื่องน่าศึกษาหากเทียบเคียงกรณีการสลายการชุมนุม"ในประเทศหนึ่ง ซึ่งถูกจัดเป็นกรณีตัวอย่างคลาสสิกสำหรับเหตุนองเลือดของประเทศประชาธิปไตย โดยมีความพยายามชำระประวัติศาสตร์มานานเกือบ 40 ปี ที่ยืดเยื้อและยาวนานที่สุดของโลก ก่อนจะมีการสรุปรายงานต่อทางการ โดยผู้นำคนปัจจุบันเพิ่งได้มีโอกาสกล่าวขอโทษประชาชนต่อกรณีรายงานสรุปที่ว่า"ทหารยิงประชาชน"

เหตุการณ์ดังกล่าวคือ เหตุกรณีทหารหน่วยพลร่มกองทัพสหราชอาณาจักร ได้ยิงประชาชน 13 ราย เสียชีวิต ระหว่างการชุมนุมเรียกร้องสิทธิพลเรือน เมื่อวัน 30 ม.ค.1972 ในเมืองเดอร์รี่ ของไอร์แลนด์เหนือ หรือเมื่อ 38 ปี ที่ผ่านมา เหตุการณ์นี้ถือเป็นเรื่องช็อกโลก(เพราะมีการรายงานข่าวไปทั่วโลก) ถูกกล่าวขานเรียกว่า"Bloody Sunday"หรือวันอาทิตย์นองเลือด" และ"เหตุการณ์สังหารหมู่ที่เขตบ็อกไซด์"โดยชาวไอร์แลนด์เหนือประนามทหารซึ่งถูกกล่าวหาว่า ได้ยิงประชาชนที่บริสุทธิ์และมีเพียงมือเปล่า

เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้กลายเป็น"คลื่นกระทบฝั่ง"หายไปกับสายลม หากแต่กลายเป็นเรื่องใหญ่โตเขย่าการเมืองอังกฤษและชาวไอร์แลนด์เหนือ โดยภายหลังเหตุนองเลือดดังกล่าว ทางการอังกฤษ ได้จัดตั้งการสอบสวนคดีนี้"โดยทันที" โดยให้ลอร์ด วิดเกรี่ เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ภายใต้การสอบสวนชื่อว่า"ศาลวิดเกรี่ ซึ่งลอร์ดวิด

เกรี่ ชี้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าว"ทหารเป็นฝ่ายถูกยิงก่อน โดยกลุ่มผู้ชุมนุมมีอาวุธในมือ"การพิพากษานี้สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งมองเป็นความพยายามล้างมลทินให้แก่ทหารและกองทัพสหราชอาณาจักรของอังกฤษให้พ้นผิด

ต่อมา ในยุคสมัยของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีโทนี่ แบลร์ ได้มีการปัดฝุ่นฟื้นการสอบสวนคดีขึ้นมา ใหม่ เมื่อเดือนมิ.ย.ปี 2000 สอบสวนโดย"ลอร์ด ซาวิลล์"(ซึ่งถูกแต่งตั้งมาก่อนหน้านั้น 2 ปี) การสอบสวนดังกล่าวจัดได้ว่าเป็นกระบวนการที่เข้มข้นและดูเป็นจริงจังอย่างมาก มีการเรียกประจักษ์พยานกว่า 2,500 คนมาให้แสดงหลักฐานโดยตรง มีการพิจารณาหลักฐานกว่า 160 ชิ้น.หลักฐานเทปเสียงอีก 121 ชิ้น และวีดีโอเทปอีก 110 ชิ้น และเดิมทีคาดว่าจะมีการเปิดเผยรายงานตีพิมพ์ผล"ชำระประวัติศาสตร์เหตุนองเลือด"อาทิตย์เลือด"ในปี 2005 แต่ก็ปรากฎว่าการตีพิมพ์รายงานถูกเลื่อนไปครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะมีการประกาศจะในเดือนมี.ค.2010 และก็ถูกเลื่อนไปจนกระทั่งหลังวันเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งอังกฤษเพิ่งได้รัฐบาลใหม่ นำโดยนายเดวิด คาเมรอน และนับเป็นการการไต่สวนคดีทางกฎหมายที่กินเวลายาวนานที่สุดของประวัติศาสตร์อังกฤษโดยปริยาย

โดยสาเหตุที่การสอบสวนดังกล่าวยืดเยื้อไปนั้น เพราะต้องมีการสอบปากคำพยานจำนวนมากชนิดยาวเหยียด ประกอบด้วยทหาร 610 นาย,พลเรือน 729 นาย,ช่างภาพและนักข่าว 30 ราย เจ้าหน้าที่รัฐบาล 20 ราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 53 นาย,การเสียเวลากับการตามหาทหารที่ร่วมในอยู่เหตุการณ์นองเลือดดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันเกษียณไปแล้ว,การต่อสู้ทางกฎหมายเกี่ยวกับการเปิดเผยชื่อทหารที่สังหารผู้คนในเหตุชุมนุม ซึ่งที่สุดแล้วจำเลย(ทหาร)เป็นฝ่ายชนะ โดยกลุ่มทหาร 36 ราย ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงกระสุน ได้รับอนุญาตให้แสดงหลักฐานโดยไม่ต้องเดินทางไปยังเมืองเดอร์รี่ นอกจากนี้ ในอีกแง่หนึ่งนั้น การสอบสวนนี้ ยังถือว่าหมดเงินไปอย่างมหาศาล หรือราว 195 ล้านปอนด์ จากกระบวนการสอบสวนที่ครอบคลุมดังกล่าวด้วย ถือเป็นการสอบสวนคดีที่ใช้เงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษอีกด้วยเช่นกัน

ในการกล่าวแถลงรายของนายเดวิด คาเมรอน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เขาอ่านสรุปรายงานสรุปไว้ดังนี้ ว่า


ทหารเป็น"ฝ่ายผิด"ในฐานะ"ยิงประชาชน"ไอร์แลนด์เหนือ ในเหตุการณ์"อาทิตย์นองเลือด"โดยรายงานระบุว่า :
1.ไม่มีการแจ้งเตือนสัญญาณจากทหารก่อนว่าจะยิงกลุ่มผู้ชุมนุม

2.ไม่มีทหารรายใดที่ยิงกระสุนเพื่อตอบโต้การขว้างระเบิดเพลิงหรือก้อนหิน ตามที่รายงานสรุปก่อนหน้านี้ระบุ

3.เห็นได้ชัดว่า ประชาชนที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิต นั้น กำลังหนีกระสุน หรือกำลังเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
4.ทหารจำนวนมากโกหกเกี่ยวกับปฎิบัติการของตัวเอง
5.เหตุการณ์ยิงผู้ชุมนุมดังกล่าวไม่ได้มีการวางแผนมาก่อน

ขณะที่นายพลเซอร์เดวิด ริชาร์ด ได้กล่าวว่า เขาสนับสนุนการออกมาขอโทษต่อเหตุการณ์"อาทิตย์นองเลือด"ของนายกฯคาเมรอน และว่ารายงานสรุปทีออกมาทำให้เขาตระหนักว่า ทหารได้ยิงประชาชนอย่างจงใจ ไม่ใช่เรื่องผิดพลาดแต่อย่างใด พร้อมทั้งเรียกร้องให้กองทัพสหราชอาณาจักรยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีต

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการออกรายงานดังกล่าว แต่ยังมีเรื่องหนึ่งที่ค้างคาใจชาวไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งที่ผ่านมาได้เรียกร้องมาหลายครา นั่นคือ การขอให้มีการนำผู้กระทำผิดมาลงโทษทางกฎหมาย โดยในขณะที่ญาติเหยื่อชาติไอร์แลนด์บอกว่า พวกเขาต้องการให้มีการสร้างความเป็นธรรมให้แก่ญาติพวกเขา แต่ก็มีกระแสทัดทานการเรียกร้องดังกล่าวอย่างสุดกำลัง โดยทนายความของเหล่าทหาร(มือเปื้อนเลือด)บอกว่า การออกรายงานดังกล่าว ไม่ได้เปิดทางให้นำไปสู่การลงทัณฑ์ทหารรายใดที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมในเมืองเดอร์รี่

ขณะที่นายปีเตอร์ โรบินสัน ผู้นำไอร์แลนด์เหนือบอกว่า ไอร์แลนด์เหนือไม่ควร"ฟื้นฝอยหาตะเข็บ"หรือลากผู้กระทำมาลงทัณฑ์ เพราะจะทำให้คดีนี้ไม่ถูกลืมเลือนจากใจชาวไอร์แลนด์เหนือ

คงต้องติดตามกันดูว่า การสอบสวนกรณีการสลายผู้ชุมนุมของไทยเรา จะออกมาเช่นไร แต่ที่แน่ ๆ คือต้องยอมรับว่า ตัวอย่างของความพยายามบิดเบือนประวัติศาสตร์ของคดีเช่นนี้ ได้เคยเกิดขึ้นแล้ว ก่อนจะถูกชำระความจริงในเวลาต่อมา จาก"รัฐบาลรุ่นหลัง"ที่ต้องมานั่งขอโทษประชาชนกับ"อดีตบาป"ของเหตุการณ์ทมิฬ และกลายเป็นบาดแผลฝังใจในใจของประชาชนมาตลอดกว่าเกือบสี่สิบปี