ที่มา โลกวันนี้ ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองยังหาความสงบไม่ได้ อยากเชิญชวนให้หาเวลาว่างเข้าวัดทำบุญกันบ้าง เพื่อชำระจิตใจให้สงบ ฟังเทศน์ฟังธรรมและรู้จักการให้ เมื่อนั้นอาจทำให้ใจชื่นใจเย็นกันขึ้นมาได้ เผื่อจะคิดได้ว่าสิ่งใดควรหยุด เรื่องการทำบุญถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องชวนกันคิดชวนกันพูดอยู่บ่อยๆ เพราะนอกจากพวกเราจะทำบุญกันน้อยลงแล้วยังสร้างกรรมกันมากขึ้นอีก รูปแบบการทำบุญทุกวันนี้มีหลากหลาย และยังมีการทำบุญที่นอกหลักเกณฑ์ เรียกว่าเป็นการแสวงหาบุญนอกเขต แต่ถ้าเป็นบุญในเขตแบบที่เรียกว่าปุญญักเขตตัง คือบุญที่อยู่ในพระพุทธศาสนา สรุปว่าการทำบุญมีอยู่ 2 ข้อที่อุบาสกอุบาสิกาพึงปฏิบัติ อย่างแรกคืออย่าได้แสวงหาบุญนอกเขตพระพุทธศาสนา อย่างที่สองคือให้แสวงหาบุญในเขตพระพุทธศาสนา เพราะเดี๋ยวนี้มีการทำบุญกันแปลกๆ มีการชวนทำบุญหน้าทีวี. หน้าหนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่ขึ้นป้ายบอกบุญอยู่หน้าวัดหรือตามถนนหนทางก็ตาม บางรายก็เชิญชวนให้สร้างพระพิฆเนศ เชิญชวนสร้างพระพรหม เชิญชวนสร้างพระราหู และยังมีการเชิญชวนให้สร้างอะไรที่ใหญ่ๆ แต่ไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ในทางพระพุทธศาสนาเลย ไม่รู้ว่าต่อไปจะมีใครมาเชิญชวนให้สร้างศิวลึงค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยหรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นบุญนอกศาสนาแน่ๆ อย่างที่กล่าวว่านั่นไม่ใช่ปุญญักเขตตัง ไม่เป็นบุญในเขตพระพุทธศาสนา นอกจากนั้นยังมีการสร้างอะไรที่แปลกๆขึ้นมาอีกจำนวนมากจนลืมธรรมจักรหรือเสมาที่เป็นสัญลักษณ์แห่งพระพุทธศาสนา แต่ถ้าหากมีการเชิญชวนกันสร้างธรรมจักรที่ใหญ่ที่สุดหรือใบเสมาที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็อาจจะเข้าหลักปุญญักเขตตังบ้าง อีกประเภทคือการเชิญชวนให้ญาติโยมเข้ามาเที่ยวงานวัด มีการสอยดาว เปิดให้ชมมหรสพ สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นการเชิญชวนให้เข้าหาอบายมุข จะบอกว่าเป็นบุญเป็นมหากุศลคงไม่ใช่ทั้งหมด หากคิดทำบุญแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆชีวิตอาจจะยุ่งแน่ๆ การทำนุบำรุงพระศาสนาให้เข้มแข็งเรามีบุญย่อๆอยู่ 3 บุญคือ ทาน บุญสำเร็จด้วยการให้ทาน ศีล บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล ภาวนา บุญสำเร็จด้วยการภาวนา ลองคิดถึงสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ถึงบุญ 16 ขั้น ซึ่งหลวงพ่อพุทธทาสได้นำเผยแพร่ ลองหาอ่านกันดูบ้าง ซึ่งท่านบอกไว้ว่า การให้ทานกับสัตว์เดรัจฉาน 16 ครั้งก็ไม่ได้บุญเท่ากับทำทานกับมนุษย์เพียงครั้งเดียว ทำกับมนุษย์ 16 ครั้งก็ยังไม่เท่ากับทำกับพระสงฆ์องค์เจ้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาเพียงครั้งเดียว กรณีนี้รวมถึงทำกับพระพุทธเจ้าด้วย ท่านบอกว่ายังไม่เจริญเท่ากับเราทำบุญด้วยการเจริญศีลแผ่เมตตา และแผ่เมตตาไป 16 ครั้งก็ยังไม่ดีไปกว่าการที่ได้เจริญอนิจจสัญญา ซึ่งเป็นบุญที่อยู่เหนือกว่า คือการหมายรู้ต่อความไม่เที่ยงในชีวิต ในโลกของสังคม เพราะไม่มีอะไรที่จะเที่ยงแท้อยู่ได้อย่างตลอดกาลนิรันดร เห็นได้จากการปกครองของมนุษย์ในยุคต่างๆย่อมจะมีการแปรเปลี่ยนไปตามสภาพ ยุคหนึ่งการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์หรือราชาธิปไตยเคยมีบทบาทมาก แต่มาอีกยุคหนึ่งก็ต้องเปลี่ยนมาใช้ระบอบประชาธิปไตย หรือสังคมนิยม หรือคอมมิวนิสต์ เป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงกันไปได้ ไม่มีอะไรที่เที่ยงแท้ถาวร แต่จะมีพลิกขั้วพลิกข้างกันอยู่เรื่อยๆ ฉะนั้นจึงต้องหมั่นเจริญอนิจจสัญญา การจะมุ่งหน้าหาลาภหายศ หากินหากามหาเกียรติ หาเงินหาทองหาอำนาจบารมี มีแล้วเป็นอย่างไร วันหนึ่งก็ต้องหมดไป ต้องรู้ด้วยว่าสิ่งที่หามามันไม่เที่ยง ถ้าเราไม่จากมัน มันก็จากเรา พิจารณาเจริญอนิจจสัญญาอย่างนี้ได้บุญมหาศาล อย่าลืมว่านี่เป็นบุญที่เป็นหลัก ไม่ใช่บุญนอกเขต อย่างไรก็ตาม อย่าลืมหลักที่ว่าจะทำบุญทำทานก็ขอให้วินิจฉัยให้ถ้วนถี่ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสรรเสริญคนที่ใคร่ครวญดีแล้วนำออกให้มากกว่าพวกที่ให้เก่ง คนที่ให้เก่งทำเก่งไม่ประเสริฐทำกับคนที่ฉลาดให้ หรือใคร่ครวญถ้วนถี่แล้วนำออกให้ จะได้บุญมากกว่าบุญประเภทอื่น เจริญพรคอลัมน์ สำนัก(ข่าว)พระพยอม จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ ปีที่ 11 ฉบับที่ 2819 ประจำวัน อังคาร ที่ 15 มิถุนายน 2010 โดย พระพยอม กัลยาโณ