ที่มา โลกวันนี้ “เมียหมอเหวง” เผยแกนนำ นปช. ทุกคนถูกเรือนจำจับตีตรวนแล้ว ให้เหตุผลคดีก่อการร้ายเป็นคดีร้ายแรง ยอมรับทำให้วิตกกังวลใจมากขึ้น วอนขอความเมตตาจากศาลให้ประกันตัว เตรียมหอบหลักฐานชี้แจงเงิน 1.4 ล้านไหลเข้าบัญชี ยันเป็นเงินโอนใช้หนี้ไม่ใช่เงินน้ำเลี้ยงทางการเมือง “สุเทพ” ระบุเห็นใจ เหน็บหากไม่อยากติดคุกก็ต้องไปสั่งสอนกันเองไม่ให้ทำผิด “อภิสิทธิ์” ยอมรับความเห็นยูเอ็นดีพีที่ชี้ประเทศไทยแตกแยกร้าวลึกและตกต่ำอย่างมากหลังการปฏิวัติเพราะเป็นชนวนทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่ม ที่ปรึกษารัฐบาลเขมรยัน “อริสมันต์-สุภรณ์” ไม่อยู่ในประเทศ วันที่ 17 มิ.ย. 2553 ที่เรือนจำกลางคลองเปรม สถานที่ควบคุมตัวแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน ประกอบด้วย นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก นายอำนาจ อินทโชติ และนายขวัญชัย ไพรพนา และที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพฯ สถานที่คุมขังนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มีครอบครัวและคนเสื้อแดงทยอยเดินทางเข้าเยี่ยม ทั้งนี้ ตามระเบียบของเรือนจำจะต้องแจ้งความจำนงล่วงหน้าก่อนว่าต้องการเข้าเยี่ยมใคร และเจ้าหน้าที่ต้องไปสอบถามแกนนำก่อนว่าต้องการให้เข้าเยี่ยมหรือไม่ เรือนจำตีตรวนแกนนำ นปช. ผศ.ภกญ.ธิดา โตจิราการ ภรรยา นพ.เหวง เปิดเผยว่า รู้สึกกังวลใจเพราะขณะนี้แกนนำได้ถูกตีตรวน โดยเรือนจำให้เหตุผลว่าเป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายซึ่งเป็นคดีร้ายแรง จึงอยากให้ศาลเมตตาให้ประกันตัว ส่วนเรื่องเงิน 1.4 ล้านบาทที่โอนเข้าบัญชี นพ.เหวงนั้นเป็นเงินโอนมาชำระหนี้ของลูกหนี้เก่า ไม่ใช่เงินจากน้ำเลี้ยงทางการเมือง ซึ่งพร้อมที่จะนำหลักฐานไปชี้แจงต่อศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) นายคารม พลทะกลาง ทนายความ นปช. กล่าวว่า จะนำคำให้การของแกนนำยื่นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมบัญชีรายชื่อพยานในวันที่ 18 มิ.ย. นี้ “ปลอดประสพ” ให้เลิกไล่ล่า ที่พรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า รัฐบาลไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพื่อสำรวจความเห็นประชาชนเกี่ยวกับการสร้างความสมานฉันท์ปรองดอง เพราะทุกคนรู้ดีว่าประชาชนต้องการความสมานฉันท์ปรองดอง ไม่ใช่การไล่ล่าอย่างที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ทุกวันนี้ สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือการสร้างความเสมอภาคในสังคม “เอาง่ายๆ รัฐบาลควรไปแก้เรื่องความเสมอภาคทางกฎหมายก่อน เพราะคดีความที่เกี่ยวกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเลื่อนคดีอยู่ตลอดเวลา แต่คดีความของคนเสื้อแดงเร่งรัดในทุกขั้นตอน” นายปลอดประสพกล่าวและว่า หากรัฐบาลต้องการรับฟังความเห็นของประชาชนจริงก็ต้องเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ใช่รับฟังเฉพาะพวกเดียวกันเอง หากจะรับฟังเฉพาะพวกเดียวกันเองก็ไม่จำเป็นต้องเสียงบประมาณดำเนินการ “สุเทพ” ฟุ้งรู้ดีกว่ายูเอ็นดีพี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการ ศอฉ. กล่าวถึงกรณีที่นางเฮเลน คลาร์ค ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดีพี) ออกมาระบุว่าความแตกแยกในประเทศไทยฝังรากลึกว่า เรื่องภายในประเทศไม่มีใครรู้ดีกว่าคนไทย ส่วนกรณีที่ญาติของแกนนำคนเสื้อแดงร้องเรียนเรื่องความเป็นอยู่ของแกนนำในเรือนจำนั้นก็เห็นใจแต่ต้องทำตามกฎหมาย หากไม่สบายใจก็ควรสั่งสอนคนเหล่านั้นไม่ให้ทำความผิด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พร้อมรับฟังความเห็นของยูเอ็นดีพี ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากความเห็นในประเทศไทย ทุกคนรู้ดีว่าเรากำลังมีปัญหาที่ต้องแก้ไข ปัญหาทางการเมืองเป็นปัญหาหนึ่งที่มีความชัดเจน ความขัดแย้งหลายอย่างมีที่มาจากระบบและตัวบุคคล เราจึงต้องพยายามลดข้อจำกัดเหล่านี้ให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ “มาร์ค” รับหลังปฏิวัติประเทศแย่ลง ส่วนที่ยูเอ็นดีพีสรุปว่าเสถียรภาพการเมืองไทยสั่นคลอนลงหลังการรัฐประหารนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกเหตุการณ์ก็มีผลกระทบทั้งนั้น เมื่อมีรัฐประหารปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นชนวนความขัดแย้งเพิ่มเติม มีการชุมนุมซึ่งกระทบกระเทือนต่อประชาชนในวงกว้าง เรื่องนี้คงไม่ต้องไปเถียงกับใคร นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า บุคคลที่รับท่อน้ำเลี้ยงจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองสามารถแยกได้เป็น 5 กลุ่ม แต่กลุ่มที่น่าสนใจคือกลุ่มที่เป็นนักการเมือง ส.ส. บางคนเป็น ส.ส. ธรรมดา เมื่อดูภูมิหลังแล้วไม่น่าจะมีเงินหมุนเวียนในช่วงที่ผ่านมาถึง 20-30 ล้านบาท และเมื่อเงินโอนเข้าบัญชีมาก็มักจะถอนออกไปทันที แฉ ส.ส. ทางผ่านท่อน้ำเลี้ยงเสื้อแดง “ส.ส. เหล่านี้ไม่มีประวัติว่าเคยทำธุรกิจหรือมีกิจการอะไรมาก่อน จึงน่าเชื่อว่าเป็นเงินที่โอนมาใช้เพื่อจัดการชุมนุมของคนเสื้อแดง เพราะเมื่อเงินโอนเข้ามาก็จะถอนออกทันทีโดยเหลือไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นค่าหัวคิว” นายเทพไทกล่าวและว่า ในช่วงวันที่ 1-17 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่การชุมนุมเข้มข้น พบว่ามีเงินไหลเวียนผ่านบัญชีของคนกลุ่มนี้กว่า 7,000 ล้านบาท หากเจ้าของบัญชีเหล่านี้ไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปของเงินได้ก็จะมีความผิดตามกฎหมายในฐานะให้การสนับสนุนการก่อการร้าย ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาการเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีดีเอสไอ แถลงผลการประชุมร่วม 4 หน่วยงานประกอบด้วย ดีเอสไอ ปปง. สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และกรมสรรพากร ดีเอสไอตั้ง 8 ชุดแยกสอบท่อน้ำเลี้ยง พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวว่า ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรมของ 86 คนที่ถูกอายัดบัญชี โดยแยกเป็น 8 ชุด แบ่งกลุ่มผู้เกี่ยวข้องออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มผู้ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลุ่มแกนนำผู้ประท้วงและผู้ต้องสงสัย กลุ่มนักการเมือง กลุ่มนักธุรกิจ และกลุ่มข้าราชการทหาร ตำรวจ ส่วนอีก 3 ชุดจะทำหน้าที่สอบสวนรายที่ทำธุรกรรมขนาดใหญ่จำนวนเงินมากๆ รอ ศอฉ. ประกาศรายชื่อ 86 คน “การตรวจสอบเราไม่ได้ดูว่ามีเงินมากหรือน้อยในการทำธุรกรรม แต่จะดูว่ามีความผิดปรกติหรือไม่ ซึ่งผู้ถูกอายัดมีหน้าที่ตอบคำถามที่มาที่ไปของเงินให้ได้ว่ามาจากไหน เอาไปทำอะไร” พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวและว่า แม้ว่าการวิเคราะห์ธุรกรรมการเงินจะพบความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มบุคคล แต่ยังต้องรอหลักฐานอื่นประกอบจึงจะรู้ว่าความสัมพันธ์ทางการเงินเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทางอาญาหรือไม่ ส่วนการเปิดเผยรายชื่อทั้ง 86 คนนั้นเป็นหน้าที่ของ ศอฉ. เข้าใจว่าจะเป็นหลังจากมีหมายเรียกให้มาชี้แจง พ.ต.อ.ณรัชต์กล่าวว่า ประเด็นที่ต้องตรวจสอบจะยึดโยงกับคดีพิเศษ เพื่อให้ได้ข้อมูลว่าได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือคดีก่อการร้ายหรือก่อความไม่สงบหรือไม่ เตือนเตรียมหลักฐานชี้แจงให้พร้อม “ยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้งใคร และขอแนะนำด้วยว่าในการมาชี้แจงให้นำเอกสารหลักฐานต่างๆมาแสดงให้ครบถ้วน หากการชี้แจงไม่สมเหตุสมผลก็จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนต่อไป ในส่วนของกรมสรรพากรจะเข้ามาวิเคราะห์ที่มาของรายได้เพื่อตรวจสอบว่าเสียภาษีครบถ้วนหรือไม่” พ.ต.อ.ณรัชต์กล่าว นายทิต สุธา (Tith Sothea) ที่ปรึกษารัฐบาลและโฆษกของหน่วยตอบโต้ทันควัน (Quick Information Response Unit) สำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมายืนยันว่านายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ 2 แกนนำ นปช. ไม่ได้อยู่ในบ่อนอาสิโนที่เมืองปอยเปตอย่างที่มีข่าวเสนอในสื่อของประเทศไทย **********************************************************************เรื่องจากปก จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ ปีที่ 11 ฉบับที่ 2822 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 18 มิถุนายน 2010 โดย -