WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, June 19, 2010

ตีตรวนแกนนำนปช.“อภิสิทธิ์”ยอมรับปฏิวัติฉุดไทยตกต่ำ

ที่มา โลกวันนี้


เรื่องจากปก
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2822 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 18 มิถุนายน 2010
โดย -


“เมียหมอเหวง” เผยแกนนำ นปช. ทุกคนถูกเรือนจำจับตีตรวนแล้ว ให้เหตุผลคดีก่อการร้ายเป็นคดีร้ายแรง ยอมรับทำให้วิตกกังวลใจมากขึ้น วอนขอความเมตตาจากศาลให้ประกันตัว เตรียมหอบหลักฐานชี้แจงเงิน 1.4 ล้านไหลเข้าบัญชี ยันเป็นเงินโอนใช้หนี้ไม่ใช่เงินน้ำเลี้ยงทางการเมือง “สุเทพ” ระบุเห็นใจ เหน็บหากไม่อยากติดคุกก็ต้องไปสั่งสอนกันเองไม่ให้ทำผิด “อภิสิทธิ์” ยอมรับความเห็นยูเอ็นดีพีที่ชี้ประเทศไทยแตกแยกร้าวลึกและตกต่ำอย่างมากหลังการปฏิวัติเพราะเป็นชนวนทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่ม ที่ปรึกษารัฐบาลเขมรยัน “อริสมันต์-สุภรณ์” ไม่อยู่ในประเทศ

วันที่ 17 มิ.ย. 2553 ที่เรือนจำกลางคลองเปรม สถานที่ควบคุมตัวแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน ประกอบด้วย นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก นายอำนาจ อินทโชติ และนายขวัญชัย ไพรพนา และที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพฯ สถานที่คุมขังนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มีครอบครัวและคนเสื้อแดงทยอยเดินทางเข้าเยี่ยม ทั้งนี้ ตามระเบียบของเรือนจำจะต้องแจ้งความจำนงล่วงหน้าก่อนว่าต้องการเข้าเยี่ยมใคร และเจ้าหน้าที่ต้องไปสอบถามแกนนำก่อนว่าต้องการให้เข้าเยี่ยมหรือไม่

เรือนจำตีตรวนแกนนำ นปช.

ผศ.ภกญ.ธิดา โตจิราการ ภรรยา นพ.เหวง เปิดเผยว่า รู้สึกกังวลใจเพราะขณะนี้แกนนำได้ถูกตีตรวน โดยเรือนจำให้เหตุผลว่าเป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายซึ่งเป็นคดีร้ายแรง จึงอยากให้ศาลเมตตาให้ประกันตัว ส่วนเรื่องเงิน 1.4 ล้านบาทที่โอนเข้าบัญชี นพ.เหวงนั้นเป็นเงินโอนมาชำระหนี้ของลูกหนี้เก่า ไม่ใช่เงินจากน้ำเลี้ยงทางการเมือง ซึ่งพร้อมที่จะนำหลักฐานไปชี้แจงต่อศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)

นายคารม พลทะกลาง ทนายความ นปช. กล่าวว่า จะนำคำให้การของแกนนำยื่นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมบัญชีรายชื่อพยานในวันที่ 18 มิ.ย. นี้

“ปลอดประสพ” ให้เลิกไล่ล่า

ที่พรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า รัฐบาลไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพื่อสำรวจความเห็นประชาชนเกี่ยวกับการสร้างความสมานฉันท์ปรองดอง เพราะทุกคนรู้ดีว่าประชาชนต้องการความสมานฉันท์ปรองดอง ไม่ใช่การไล่ล่าอย่างที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ทุกวันนี้ สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือการสร้างความเสมอภาคในสังคม

“เอาง่ายๆ รัฐบาลควรไปแก้เรื่องความเสมอภาคทางกฎหมายก่อน เพราะคดีความที่เกี่ยวกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเลื่อนคดีอยู่ตลอดเวลา แต่คดีความของคนเสื้อแดงเร่งรัดในทุกขั้นตอน” นายปลอดประสพกล่าวและว่า หากรัฐบาลต้องการรับฟังความเห็นของประชาชนจริงก็ต้องเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ใช่รับฟังเฉพาะพวกเดียวกันเอง หากจะรับฟังเฉพาะพวกเดียวกันเองก็ไม่จำเป็นต้องเสียงบประมาณดำเนินการ

“สุเทพ” ฟุ้งรู้ดีกว่ายูเอ็นดีพี

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการ ศอฉ. กล่าวถึงกรณีที่นางเฮเลน คลาร์ค ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดีพี) ออกมาระบุว่าความแตกแยกในประเทศไทยฝังรากลึกว่า เรื่องภายในประเทศไม่มีใครรู้ดีกว่าคนไทย ส่วนกรณีที่ญาติของแกนนำคนเสื้อแดงร้องเรียนเรื่องความเป็นอยู่ของแกนนำในเรือนจำนั้นก็เห็นใจแต่ต้องทำตามกฎหมาย หากไม่สบายใจก็ควรสั่งสอนคนเหล่านั้นไม่ให้ทำความผิด

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พร้อมรับฟังความเห็นของยูเอ็นดีพี ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากความเห็นในประเทศไทย ทุกคนรู้ดีว่าเรากำลังมีปัญหาที่ต้องแก้ไข ปัญหาทางการเมืองเป็นปัญหาหนึ่งที่มีความชัดเจน ความขัดแย้งหลายอย่างมีที่มาจากระบบและตัวบุคคล เราจึงต้องพยายามลดข้อจำกัดเหล่านี้ให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้

“มาร์ค” รับหลังปฏิวัติประเทศแย่ลง

ส่วนที่ยูเอ็นดีพีสรุปว่าเสถียรภาพการเมืองไทยสั่นคลอนลงหลังการรัฐประหารนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกเหตุการณ์ก็มีผลกระทบทั้งนั้น เมื่อมีรัฐประหารปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นชนวนความขัดแย้งเพิ่มเติม มีการชุมนุมซึ่งกระทบกระเทือนต่อประชาชนในวงกว้าง เรื่องนี้คงไม่ต้องไปเถียงกับใคร

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า บุคคลที่รับท่อน้ำเลี้ยงจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองสามารถแยกได้เป็น 5 กลุ่ม แต่กลุ่มที่น่าสนใจคือกลุ่มที่เป็นนักการเมือง ส.ส. บางคนเป็น ส.ส. ธรรมดา เมื่อดูภูมิหลังแล้วไม่น่าจะมีเงินหมุนเวียนในช่วงที่ผ่านมาถึง 20-30 ล้านบาท และเมื่อเงินโอนเข้าบัญชีมาก็มักจะถอนออกไปทันที

แฉ ส.ส. ทางผ่านท่อน้ำเลี้ยงเสื้อแดง

“ส.ส. เหล่านี้ไม่มีประวัติว่าเคยทำธุรกิจหรือมีกิจการอะไรมาก่อน จึงน่าเชื่อว่าเป็นเงินที่โอนมาใช้เพื่อจัดการชุมนุมของคนเสื้อแดง เพราะเมื่อเงินโอนเข้ามาก็จะถอนออกทันทีโดยเหลือไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นค่าหัวคิว” นายเทพไทกล่าวและว่า ในช่วงวันที่ 1-17 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่การชุมนุมเข้มข้น พบว่ามีเงินไหลเวียนผ่านบัญชีของคนกลุ่มนี้กว่า 7,000 ล้านบาท หากเจ้าของบัญชีเหล่านี้ไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปของเงินได้ก็จะมีความผิดตามกฎหมายในฐานะให้การสนับสนุนการก่อการร้าย

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาการเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีดีเอสไอ แถลงผลการประชุมร่วม 4 หน่วยงานประกอบด้วย ดีเอสไอ ปปง. สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และกรมสรรพากร

ดีเอสไอตั้ง 8 ชุดแยกสอบท่อน้ำเลี้ยง

พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวว่า ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรมของ 86 คนที่ถูกอายัดบัญชี โดยแยกเป็น 8 ชุด แบ่งกลุ่มผู้เกี่ยวข้องออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มผู้ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลุ่มแกนนำผู้ประท้วงและผู้ต้องสงสัย กลุ่มนักการเมือง กลุ่มนักธุรกิจ และกลุ่มข้าราชการทหาร ตำรวจ ส่วนอีก 3 ชุดจะทำหน้าที่สอบสวนรายที่ทำธุรกรรมขนาดใหญ่จำนวนเงินมากๆ

รอ ศอฉ. ประกาศรายชื่อ 86 คน

“การตรวจสอบเราไม่ได้ดูว่ามีเงินมากหรือน้อยในการทำธุรกรรม แต่จะดูว่ามีความผิดปรกติหรือไม่ ซึ่งผู้ถูกอายัดมีหน้าที่ตอบคำถามที่มาที่ไปของเงินให้ได้ว่ามาจากไหน เอาไปทำอะไร” พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวและว่า แม้ว่าการวิเคราะห์ธุรกรรมการเงินจะพบความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มบุคคล แต่ยังต้องรอหลักฐานอื่นประกอบจึงจะรู้ว่าความสัมพันธ์ทางการเงินเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทางอาญาหรือไม่ ส่วนการเปิดเผยรายชื่อทั้ง 86 คนนั้นเป็นหน้าที่ของ ศอฉ. เข้าใจว่าจะเป็นหลังจากมีหมายเรียกให้มาชี้แจง

พ.ต.อ.ณรัชต์กล่าวว่า ประเด็นที่ต้องตรวจสอบจะยึดโยงกับคดีพิเศษ เพื่อให้ได้ข้อมูลว่าได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือคดีก่อการร้ายหรือก่อความไม่สงบหรือไม่

เตือนเตรียมหลักฐานชี้แจงให้พร้อม

“ยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้งใคร และขอแนะนำด้วยว่าในการมาชี้แจงให้นำเอกสารหลักฐานต่างๆมาแสดงให้ครบถ้วน หากการชี้แจงไม่สมเหตุสมผลก็จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนต่อไป ในส่วนของกรมสรรพากรจะเข้ามาวิเคราะห์ที่มาของรายได้เพื่อตรวจสอบว่าเสียภาษีครบถ้วนหรือไม่” พ.ต.อ.ณรัชต์กล่าว

นายทิต สุธา (Tith Sothea) ที่ปรึกษารัฐบาลและโฆษกของหน่วยตอบโต้ทันควัน (Quick Information Response Unit) สำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมายืนยันว่านายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ 2 แกนนำ นปช. ไม่ได้อยู่ในบ่อนอาสิโนที่เมืองปอยเปตอย่างที่มีข่าวเสนอในสื่อของประเทศไทย

**********************************************************************