เรื่องของดวงดาวส่งผลต่อการเมือง ไม่ใช่เฉพาะแค่ดาวฤกษ์ดาวเคราะห์
แต่ยังเหมารวมไปถึง "ดาวเทียม"
ในสถานการณ์ที่ฟุตบอลโลกกำลังวุ่นเรื่องลิขสิทธิ์ บล็อกสัญญาณถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียม เดือดร้อนผู้ชมทางบ้านต้องกลับไปหาซื้อหนวดกุ้ง เสาอากาศแบบโบราณ มาใช้แก้ขัดแทนชั่วคราว
ขณะที่เมืองไทยก็กำลังตื่นข่าว "ทวงคืน" ดาวเทียมไทยคม
ในอารมณ์ปลุกกระแสชาตินิยม นัยว่าเพื่อเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ รัฐบาลประชาธิปัตย์จำเป็นต้องเดินหน้าลากเอากลับมาเป็นสมบัติของคนไทย
โหมโรงกันเป็นที่อึกทึกครึกโครม
แต่ตามจังหวะที่จับทางได้ โดยรายละเอียดก็ยังอยู่ในขั้นที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกตัวแค่ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นของการศึกษาเบื้องต้นถึงความเป็นไปได้ โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่การดูแลความมั่นคงของประเทศ เพราะเรื่องนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก
แล้วก็โยนให้ไปถามนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กับนายศิริโชค โสภา คนสนิทที่ยืนอยู่ฉากหลังนายกฯ ที่บินไปเจรจากับเทมาเสก ประเทศสิงคโปร์
โดยมี "เสี่ยไก่" นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที ทำหน้าที่เป็นลูกคู่ เท่าที่รู้สึกเป็นการส่วนตัว นายกฯอภิสิทธิ์ไม่ใช่คนโกหก
หากพูดออกมาแบบนี้แสดงว่าคิดจะซื้อดาวเทียมไทยคมจริง
ตามเกมชิงกระแส ประชาธิปัตย์แยกบทกันเล่น รับส่งลูกกันเป็นจังหวะ
และน่าจะไหลลื่นกว่านี้ ถ้าไม่บังเอิญว่าโดนขัดคอโดยนายสิทธิชัย โภไคยอุดม นักวิชาการด้านโทรคมนาคม อดีต รมว.ไอซีที สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกฯ ที่ออกมากระตุกเตือนรัฐบาล
การซื้อคืนดาวเทียมไทยคมด้วยวิธีการซื้อหุ้นนั้น ต้องทบทวนให้ดี และต้องประเมินทางวิศวกรรมเรื่องความคุ้มค่าควบคู่ไปด้วย
เพราะว่าดาวเทียมไทยคมอาจมีอายุไม่ถึง 11 ปี ตามอายุสัมปทานที่เหลืออยู่ ประกอบกับดาวเทียมอยู่บนอวกาศมีความเสี่ยงหลายประการ เช่น ตำแหน่งวงโคจรอาจผิดเพี้ยน ทำให้การใช้งานไม่มีประสิทธิภาพสูงสุด เสี่ยงเผชิญพายุสุริยะที่อาจทำให้ดาวเทียมชำรุด หรือพลังงานอาจหมดลงอย่างรวดเร็ว และดาวเทียมจะใช้งานไม่ได้
เช่นกัน หากจะใช้วิธีการยึดคืนโดยอ้างว่าผิดสัญญาสัมปทานนั้น ต้องทบทวนให้ดี เพราะขณะนั้น ผู้ให้สัมปทานคือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งข้าราชการประจำและข้าราชการการเมือง โดยเอกชนเป็นผู้ร้องขอ การฟ้องร้องจึงไม่น่าจะใช้กฎหมายใด เพราะทุกอย่าง เอกชนได้รับการอนุมัติโดยภาครัฐ
สรุปว่า แค่พูดน่ะมันง่าย แต่ทำ โคตรยาก
และอันที่จริงเลย แนวคิดการทวงคืนดาวเทียมไทยคมก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์แล้ว แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้
จนปัญญา ต้องพับแผนไปในที่สุด
แต่นั่นก็ว่ากันในมุมของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ ที่มองในมุมการบริหารจัดการเพียวๆ ต่างกับรัฐบาลของนายกฯอภิสิทธิ์ โดยเหลี่ยมเซียนยี่ห้อประชาธิปัตย์
มันยังมีช็อตของแต้มแฝงทางการเมือง
เรื่องของเรื่อง นอกจากการเล่นกระแสชาตินิยม บลัฟ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นตัวการก่อปัญหา ตามลีลาที่นายกฯอภิสิทธิ์ออกมาต่อมุกเป็นทำนองปฏิเสธ ยังไม่มีความคิดที่จะนำเงินที่ได้จากการยึดทรัพย์ของอดีตนายกฯทักษิณ กว่า 4 หมื่นล้านบาท มาซื้อดาวเทียมไทยคมแต่อย่างใด
ไหนจะแย่งพื้นที่ข่าว กลบปมเลือดในคิวสลายม็อบแดง
ประชาธิปัตย์เปิดดีลทวงคืนดาวเทียมไทยคม เล่นแต้มได้หลายเด้ง
แต่ที่ไม่รู้ ได้หรือเสีย โดยเครื่องหมายคำถามพุ่งไปที่ "เดอะวอลเปเปอร์" นายศิริโชค ต้องเหนื่อยเคลียร์ปมร้อนๆว่าด้วยค่าต๋ง 300 ล้านบาท จากการปั่นหุ้นไทยคมในตลาดหลักทรัพย์ รับกับข่าว "อินไซเดอร์"
ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ต้องโพสต์ผ่านทวิตเตอร์ ยอมรับว่าได้เดินทางไปพบผู้บริหารเทมาเสกที่ประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องหุ้น เพราะไม่มีหุ้นไทยคมแต่อย่างใด
โดยเหตุแห่งความแคลงใจรายการปั่นหุ้นไทยคม เข้ากระเป๋าใครบางคน
ประชาธิปัตย์ก็แลกต้นทุนหน้าตักไปเยอะเหมือนกัน.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน