อภิสิทธิ์
สนุกกับปริศนาอักษรย่อรายวัน
จาก "ศ" กับ "ก" โดยทีมงานฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย แฉขบวนการอินไซเดอร์ ฟันค่าต๋งหุ้นดาวเทียมไทยคม 300 ล้านบาท
ล่าสุดมาถึงคิวของรัฐบาล โดยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ปล่อยบัญชี 83 ท่อน้ำเลี้ยงแดง โดยมี "ส" คนสนิทนายใหญ่เป็นข้อต่อ แถมด้วยนายพล "ช" เตรียมแผนป่วนใหญ่ ในเดือนกรกฎาคม โดยนายพล "พ" รุ่นน้องนายพล "ช" เป็นคนนำทีมก่อการ
ชิงจังหวะเบิ้ลกันช็อตต่อช็อต
ตามยุทธศาสตร์ "กระชับพื้นที่" บล็อกกระแสข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์
แน่นอนรัฐบาลเป็นฝ่ายคุมเกมเป็นต่อ ตามจังหวะ "ปล่อยของ" ลากดาวเทียมไทยคมกลบปมเลือดม็อบเสื้อแดง เบี่ยงแรงกระแทกปมที่ดินเขาแพงบนเกาะสมุยของลูกชาย "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ผู้จัดการใหญ่รัฐบาล
แต่บังเอิญพลาด วนมา "เข้าเนื้อ" จากปมอินไซเดอร์ปั่นหุ้น
และนั่นก็เลยมาถึงคิวปล่อยบัญชีท่อน้ำเลี้ยงม็อบเสื้อแดง ข่าวกรอง ศอฉ.แฉแผนเตรียมป่วนเมืองรอบใหม่ในเดือนกรกฎาคม
พาดหัวยักษ์หน้าหนึ่ง เบียดปมเก่าตกขอบไป
แต่ก็ได้แค่ชิงแต้มกันแบบวันต่อวัน รัฐบาลใช้ลูกเขี้ยวยี่ห้อประชาธิปัตย์ อาศัยลีลาลากเลื้อยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
สับขาหลอกคู่ต่อสู้ไปได้ชั่วครู่ชั่วคราว ยื้อเวลาเอาตัวรอดไปวันๆ
แต่ถ้าจะหวังได้เนื้อได้หนังกันจริงๆ ก็อย่างที่เห็นๆกัน หันไปที่คณะกรรมการพิจารณาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นั่งเป็นประธาน แค่เปิดชื่อ 19 อรหันต์ ก็เจอเสียงโห่ค้านจากพรรคเพื่อไทย เครือข่ายคนเสื้อแดง ไม่ยอมรับ
ทายาทอสูรของฝ่ายเสื้อเหลือง
เรื่องของคณะกรรมการอิสระเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีนายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด นั่งเป็นประธาน ก็ยังควานเข็มในมหาสมุทร
เล็งชื่อ "คนกลางเป๊ะๆ" มานั่งเป็นกรรมการโคตรยาก
หรือล่าสุด คณะกรรมการปฏิรูปประเทศที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ กับนายแพทย์ ประเวศ วะสี เป็นหัวขบวน ก็ยังไม่รู้จะมีเสียงขานรับจากฝ่ายเสื้อแดงแค่ไหน
ในเมื่อโดยเงื่อนไขก็อย่างที่ "เดอะอ๋อย" นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย พูดกันชัดๆ ในวันเดินทางเข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหมายเรียกของ ศอฉ. ฐานขึ้นเวทีม็อบเสื้อแดง ขัด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นายกรัฐมนตรีคนนี้เป็นคู่กรณีกับประชาชนเสื้อแดง ประชาชนเขามาเรียกร้องให้ยุบสภาเพื่อที่จะได้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะพวกเขาไม่เห็นด้วยที่นายกฯอภิสิทธิ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป แต่นายกฯอภิสิทธิ์ได้ใช้มาตรการทางทหารเข้าปราบทำให้ประชาชนล้มตายไปจำนวนมาก เสร็จแล้วก็มาบอกว่าจะปรองดอง
จึงไม่ทราบว่าจะไปปรองดองกับใคร
คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ตั้งขึ้น ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นฝ่ายตรงข้ามกับฝ่ายเสื้อแดงอย่างชัดเจนก็มีมาก ที่น่าเสียดายก็คือนายคณิต ณ นคร ซึ่งเป็นคนที่มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายมหาชน มีหลักการทางกฎหมายดี
แต่เวลานี้ก็จะประสบความลำบากในการหากรรมการมาร่วม เพราะว่าคนตั้งกรรมการคือนายกฯอภิสิทธิ์ ที่เป็นปัญหา
หรือในอารมณ์ยอกย้อนสไตล์นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช.ก็ว่า รัฐบาลไม่ปรองดอง แต่มุ่ง ปองร้ายคนเสื้อแดง
จับอาการฝ่ายต้านรัฐบาล ไม่รับมุก "อภิสิทธิ์" เอาซะเลย
แต่ที่น่าเอะใจก็คืออารมณ์ของคนกลางๆ ตามมุมมองของนางกีรณา สุมาวงศ์ ส.ว.สรรหา สายผู้พิพากษา พูดในวงคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ทางการเมือง วุฒิสภา ถึงข้อหาที่รัฐบาลกล่าวหาผู้ชุมนุมทั้งก่อการร้าย หรือล้มสถาบัน เป็นข้อหาฉกรรจ์มากมีโทษถึงประหารชีวิต
แต่ตนเองมองว่า เป็นการเหวี่ยงแห
ไม่ทราบว่าเป็นนโยบายหรือมาตรการที่จะทำให้กลุ่มมวลชนเสื้อแดงเกิดความหวาดกลัวหรือไม่ เรื่องนี้เป็นความผิดเฉพาะตัว ไม่ใช่ตั้งข้อหา
เหมาเข่งแบบนี้ การจะดำเนินคดีดังกล่าวได้ต้องมีความชัดเจนและประจักษ์พยาน แต่มองดูแล้วคิดว่ายาก ไม่เข้าใจว่ารัฐบาลจะออกมาพูดให้เสียเครดิตตัวเองทำไม ถึงจะตั้งข้อหา 100 คน ก็คงเอาผิดไม่ได้สักคน
ขอยืนยันว่า ความยุติธรรมในโลกนี้ยังมีอยู่ เชื่อว่าที่สุดแล้วอัยการคงไม่สั่งฟ้อง
มุมนี้ต่างหากถ้าจะเป็นไปได้ เกมจบโดยธรรมชาติ.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน