WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, June 19, 2010

การตรวจสอบนักการเมือง (3)

ที่มา บางกอกทูเดย์


การตรวจสอบนักการเมือง จากบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ซึ่งได้ยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช. เมื่อเข้ารับตำแหน่งนั้น ประชาชนทั่วไปสามารถตรวจสอบได้ โดยศึกษาข้อมูลที่ยื่นไว้ว่า...มีกรณีใดที่ขัดต่อคุณสมบัติการเป็นนักการเมืองหรือไม่ ถ้าจะยกตัวอย่างก็คงเป็นเรื่องการถือครองหุ้นที่รัฐธรรมนูญ 2550 ได้กำหนดห้ามเอาไว้

ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า...การตรวจสอบการถือครองหุ้นจากบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนั้นจะพบว่ามีนักการเมืองที่เข้าข่าย “ขัดคุณสมบัติ” หลายคน “รัฐธรรมนูญ” ห้ามนักการเมืองถือครองหุ้นสัมปทาน หุ้นโทรคมนาคม หุ้นหนังสือพิมพ์ โดยห้ามมิให้...สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา รัฐมนตรี

และนายกรัฐมนตรี ไปถือครองหุ้นดังกล่าว การถือครองหุ้น คนเขียนรัฐธรรมนูญมิได้กำหนดเรื่องจำนวนเอาไว้ว่า ห้ามถือครองกี่หุ้น การตีความจึงมองได้ว่า...ถือหุ้นเดียวก็อาจผิดและอาจพ้นจากตำแหน่งได้ เรื่องนี้กำลังอยู่ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัย มีนักการเมืองทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา

จำนวน 44 คน ที่จะถูกพิจารณาว่า การถือครองหุ้นนั้นขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าขัดก็อาจจะต้องพ้นจากสถานภาพของนักการเมือง การตรวจสอบการถือครองหุ้นนั้นก็มีเรื่องที่น่าพิจารณาเพิ่มเติม เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้บังคับไปถึงบุตรที่บรรลุนิติถาวะไปแล้วด้วย ซึ่งการตรวจสอบนั้นจะทำได้ยาก เพราะมีบทบังคับความผิดไว้

แต่ไม่มีบทกำหนดให้บุตรของนักการเมืองที่บรรลุนิติภาวะไปแล้วต้องแจ้งการถือครองหุ้นที่ต้องห้ามจึงมีความยากในการตรวจสอบ เพราะจะต้องไปแสวงหาข้อมูลกันเอาเอง ซึ่งดูแล้วก็คงยากอยู่เหมือนกัน และถ้ามองถึงความรับผิดชอบของนักการเมือง การกำหนดให้นักการเมืองต้องรับผิดชอบ

ในการถือครองหุ้นของบุตรที่บรรลุนิติภาวะไปแล้วก็อาจมองได้ว่า...คนร่างหรือคนเขียนรัฐธรรมนูญนั้นอาจจะกลัวใครบางคนมากเกินไป จึงเขียนออกมาเช่นนี้ กลับมาพิจารณาที่บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกันต่อ ยังมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์อีกหลายส่วนที่อาจตรวจพบได้ เช่น การถือครองหุ้นหรือการเป็นหุ้นส่วนของรัฐมนตรี

หรือนายกรัฐมนตรี ที่มีการกำหนดห้ามเรื่องร้อยละการถือครองไว้ จำนวนที่ถือครองหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนนั้น...ถ้าเป็น ส.ส. หรือ ส.ว. มิได้มีการห้ามไว้ แต่สำหรับนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญห้ามเอาไว้ ไม่ให้ถือเกินร้อยละห้า ถ้าเกินแล้วไม่ขายหรือโอนออกไป หรือนำไปฝากไว้ตามกฎหมาย

รัฐมนตรีที่ถือครองหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนเกินกว่าร้อยละห้าก็อาจถูกตรวจสอบพบ และถูกร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยให้พ้นสภาพจากการเป็นรัฐมนตรีได้ ซึ่งเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับรัฐมนตรีบางคน การพิจาณาตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนักการเมือง จึงอาจเป็นเหตุให้

นักการเมืองที่ถูกตรวจสอบต้องพ้นจากตำแหน่งได้ โดยการตรวจสอบในลักษณะดังกล่าวจะเป็นเรื่องการขาดคุณสมบัติหรือกระทำการต้องห้ามมิใช่การทุจริต เรื่องการกระทำอันต้องห้ามก็อาจตรวจพบได้ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเกิดขึ้นในกรณีนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งที่ชอบทำกับข้าวโชว์ในรายการของเอกชนที่มุ่งหากำไร

โดยเข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ก็เคยวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรีที่ไปทำกับข้าวโชว์ ต้องพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว แต่เรื่องดังกล่าวมิใช่เรื่องการทุจริต และมิใช่กรณีที่เกี่ยวข้องกับบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน แต่อย่างใด นอกจากนั้น การตรวจสอบอาจจะพบได้เมื่อมีข่าวที่เชื่อถือได้ว่า...

มีนักการเมืองไปกระทำการในลักษณะก้าวก่ายแทรกแซงหน่วยงานอื่น ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2550 ก็มีการห้ามเอาไว้ โดยการก้าวก่ายแทรกแซงนั้นจะต้องพิจารณาเรื่องอำนาจอธิปไตยให้ชัดเจนว่า...แบ่งเป็นสามส่วนคือ อำนาจฝ่ายบริหาร อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ และ อำนาจฝ่ายตุลาการ ซึ่งบุคคลที่ทำหน้าที่ในส่วนของอำนาจทั้งสาม

จะต้องแยกจากกัน เรื่องนี้ก็มีการร้องขอให้ตรวจสอบนักการเมืองไปบ้างแล้ว แต่ก็เคยมีแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกำหนดแนวทางไว้ให้ ซึ่งนักการเมืองมักจะมีความระมัดระวังในเรื่องนี้ได้พอสมควร เพียงแค่การกำหนดให้นักการเมืองแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเมื่อเข้ารับตำแหน่ง ก็สามารถ

นำไปเป็นข้อมูลในการตรวจสอบได้ในระดับหนึ่ง และถ้ามีการติดตามการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ก็อาจจะทำการตรวจสอบนักการเมืองได้มากขึ้น ในหลายประเทศก็มีการตรวจสอบนักการเมือง ซึ่งประเทศที่มีระบบตรวจสอบที่ดีจะมีกฎหมายให้เปิดเผยข้อมูลของนักการเมืองพอสมควร หรือมีกฎหมายให้สิทธิประชาชน

ตรวจสอบนักการเมืองได้โดยง่าย มีตัวอย่างเล็กๆ จากข่าวของอดีตรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ที่ถูกตรวจสอบการใช้บัตรเครดิต ซึ่งมีกฎหมายอนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปตรวจสอบรายการใช้จ่ายจากบัตรเครดิตของรัฐมนตรีได้ ผลที่ออกมา...มีการตรวจพบอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่งชื่อว่า Shane Jones ได้ใช้จ่ายบัตรเครดิตไป

สำหรับรายจ่ายส่วนตัว ซึ่งไม่ใช่รายจ่ายในงานราชการ และเป็นรายจ่ายที่เจ้าตัวจะเดือดร้อนตามมา ตามข่าวแม้ว่ารายการใช้จ่ายส่วนตัวจะต้องคืนให้หลวง แต่อาจจะมีปัญหาครอบครัวตามมาได้ เพราะรายจ่ายดังกล่าวเป็นค่า “ดูหนังโป๊” ในโรงแรมขณะที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยนาย Shane Jones กังวลว่า...จะแก้ตัวกับ

ภรรยาอย่างไรดี พูดถึงเรื่องบัตรเครดิต...สำหรับนักการเมืองไทยก็มีการกำหนดให้แจ้งเป็นรายการหนี้สินไว้ในบัญชีที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. แต่เรื่องนี้ไม่ค่อยได้รับความสนใจหรือมีการบังคับกันอย่างจริงจัง ซึ่งอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย การมองข้ามเรื่องบัตรเครดิตสำหรับนักการเมืองไทยอาจเป็นเพราะในการตรวจสอบ

รายการใช้บัตรเครดิตนั้น หลายคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับการกระทบยอดรายการ เช่น ถ้าแจ้งหนี้บัตรเครดิตไว้เป็นการซื้อทรัพย์สิน คนที่เข้าใจก็จะไปตรวจสอบดูว่า...ในบัญชีที่แสดงนั้นมีทรัพย์สินที่ซื้อโดยบัตรเครดิตแจ้งไว้หรือไม่ โดยเฉพาะบางคนที่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีและคู่สมรสแจ้งหนี้บัตรเครดิตว่า มีการซื้อกระเป๋าถือ

ของผู้หญิงใบละกว่าล้าน การตรวจสอบก็จะต้องไปดูที่บัญชีทรัพย์สินในหมวดสินทรัพย์อื่นว่า...มีการแจ้งกระเป๋าเอาไว้หรือไม่ หรือในกรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับบัตรเครดิตของนักการเมืองที่ถูกคนรับใช้ขโมยไปใช้จ่าย แต่นักการเมืองคนดังกล่าวกลับไม่มีการแจ้งเรื่องบัตรเครดิตเอาไว้ ซึ่งจะทำให้การแจ้งรายการบัญชี

ต่อ ป.ป.ช. ขาดตกไปได้ อย่างไรก็ตาม...เรื่องอย่างนี้ก็คงต้องให้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่ควรจะเป็นผู้พิจารณ นอกจากการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน นักการเมืองยังต้องยื่นรายการเงินได้ในปีที่ผ่านมาด้วย และต้องนำสำเนาแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีที่ผ่านมา ยื่นไว้ที่ ป.ป.ช. ด้วย

การตรวจสอบแบบรายได้หรือแบบการเสียภาษี เอาไว้คราวหน้านะครับ