ที่มา ข่าวสด
แนวคิดเกี่ยวกับการซื้อคืน "ดาวเทียมไทยคม" จากกลุ่มเทมาเส็ก ของสิงคโปร์ ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้
หากแต่เป็นแนวคิดของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานที่ปรึกษาพรรคมาตุภูมิ ตั้งแต่เมื่อครั้งนั่งเป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)
พล.อ.สนธิกล่าวไว้เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2550 ในการปาฐกถาพิเศษ เรื่องอุดมการณ์รักชาติ ประกาศจะนำดาวเทียมไทยคม ที่ตกไปเป็นของต่างชาติคืนกลับมาเป็นสมบัติของชาติอีกครั้ง
ถึงขั้นยอมควักกระเป๋า ออกตัวว่าจะซื้อพันธบัตรลงทุน 1 ล้านบาท หากมีการออกพันธบัตรระดมทุนซื้อคืนดาวเทียม และยังเชิญชวนให้คนไทยช่วยกันลงขันคนละนิดละหน่อย
โดยยกเหตุผลด้านความมั่นคง ว่าการที่ดาวเทียมไทยคมตกไปอยู่ในมือของเทมาเส็ก จะทำให้สิงคโปร์สามารถดักฟังโทรศัพท์ ล้วงความลับของทางการไทยได้
ซึ่งข้อเท็จจริง เจริญรัฐ วิไลลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เคยให้ข้อมูลเรื่องการดักฟัง หรือแท็ปโทรศัพท์ไว้ว่า การสื่อสารผ่านดาวเทียมอยู่ที่ไหนก็สามารถดักฟังได้ หากการส่งสัญญาณ หรือมีฟุตปรินต์ไปถึง
เรื่องการดักฟังโทรศัพท์ของสิงคโปร์ จะมีดาวเทียมหรือไม่มีดาวเทียมก็ดักฟังได้อยู่แล้ว เพราะมีฟุตปรินต์ไปถึง
เหตุผลเรื่องแท็ปโทรศัพท์ แล้วกระทบความมั่นคงตามคำอธิบายของพล.อ.สนธิ จึงดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล
อีกทั้ง พล.อ.สนธิจุดกระแสนี้ขึ้นภายหลังการรัฐ ประหาร 19 ก.ย.2549 โดยนำคณะคมช. เข้ายึดอำนาจมาจากพ.ต.ท.ทักษิณ
เป็นการยึดอำนาจหลังกระแสต่อต้านพ.ต.ท.ทักษิณสูงอย่างมากหลังจากขายหุ้นชินคอร์ปให้กับกลุ่มเทมาเส็ก
จึงทำให้คิดได้ว่า เจตนาการทวงคืนดาวเทียมน่าจะเป็นไปเพื่อปลุกกระแสชาตินิยม เพื่อหวังดิสเครดิต พ.ต.ท.ทักษิณมากกว่า
สำหรับความมุ่งหมายของรัฐบาลปัจจุบันที่จะซื้อคืนดาวเทียมไทยคม คงไม่ใช่การสานต่องานของรัฐบาลเก่า
หากมองในแง่การแท็ปโทรศัพท์ แล้วบอกว่าการขายดาวเทียมให้กับต่างชาติกระทบความมั่นคง ก็ชัดเจนแล้วว่าการมีดาวเทียมหรือไม่มีไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดักฟังโทรศัพท์ ตามที่บิ๊กบอสบริษัทสามารถฯชี้แจงไว้
แต่ที่ชัดเจนมากกว่าก็คือ เป็นปัญหาของรัฐบาลเรื่องการตัดสัญญาณทีวีเสื้อแดง ในช่วงการชุมนุมที่ผ่านมาต่างหาก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุ ช่วงการชุมนุมสถานีโทรทัศน์เสื้อแดงมีการถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมไทยคม เมื่อรัฐบาลขอให้ยกเลิกสัญญาณกลุ่มนปช. 2-3 หมื่นคน ก็ไปล้อมสถานี แสดงให้เห็นว่าสถานีดาวเทียมที่ถ่ายทอดสัญญาณส่งผลทั้งบวกและลบต่อความมั่นคงของประเทศ
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ปฏิเสธการซื้อคืนดาวเทียมไทยคมไม่ได้มีปัญหากับสิงคโปร์ แต่ระบุว่า วันนี้มีกลุ่มที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ นำดาวเทียมไทยคมไปใช้สร้างปัญหาและความเสียหายให้ประเทศชาติ
ประเด็นการตัดสัญญาณวิทยุ โทรทัศน์ ที่รัฐบาลมองเป็นเรื่องกระทบความมั่นคง กระทำขัดพ.ร.ก. ฉุกเฉิน
ขณะที่อีกหลายเสียงเห็นต่างว่า เป็นการปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ไม่ใช่ปัญหาเรื่องความมั่นคงอย่างที่รัฐบาลป่าวร้อง
หรือจะบอกว่า การปล่อยให้เทมาเส็กถือครองดาวเทียมไทยคม ส่งผลให้ไทยเสียวงโคจรของดาวเทียม และที่จอดดาวเทียมในอวกาศ
และหากอนาคตเกิดสงครามขึ้นในอาเซียน การควบคุมกิจการดาวเทียมวิทยุโทรทัศน์จะตกอยู่ในมือใคร
ก็เป็นคำชี้แจงที่ดูเลื่อนลอย คลุม เครือ และยาวไกลเกินกว่าจะเข้าใจได้ว่าการปลุกกระแสซื้อคืนดาว เทียมไทยคมเพราะกระทบต่อความมั่นคง
ประเด็นการซื้อคืนไทยคม ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงจึงยังไม่สามารถอธิบายได้แจ่มแจ้งนัก
ขณะเดียวกัน เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เจตนาที่แท้จริงน่าจะเป็น การปลุกกระแสชาตินิยม
เป็นเป้าหมายเดียวกับพล.อ. สนธิใช่หรือไม่
เป็นการปลุกกระแส "รักชาติ" เพื่อทวง "สมบัติของชาติ" ที่พ.ต.ท. ทักษิณเป็นคนนำไปขาย
เป็นการดำเนินการที่รัฐบาลจะได้ทั้งเสียงสนับสนุน และยังสามารถดิส เครดิตพ.ต.ท.ทักษิณ ศัตรูแถวหน้าที่รัฐบาลยังตามไล่ล่าอยู่
หรือว่า เป็นการใช้ข้อมูลภายใน (อินไซเดอร์) เพื่อหวังผลประโยชน์จากราคาหุ้น
เพราะหลังจากนายกฯ อภิสิทธิ์ยอมรับมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะซื้อคืนดาวเทียม ราคาหุ้นไทยคมก็ดีดตัวสูงขึ้นทันทีในวันเดียวกัน
ทุกเสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาลไม่ได้ชี้แจง เพียงแต่ปฏิเสธว่าไม่จริง ไม่ใช่
ความสงสัยจึงยังไม่คลี่คลาย
นอกจากนี้ กรณี นายศิริโชค โสภา คนใกล้ชิดนายกฯ ที่เคยคัดค้านการซื้อคืนดาวเทียมไทยคมในสมัยรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
โดยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2550 ระบุการซื้อคืนดาวเทียมไทยคมแทบจะไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะไม่คุ้มค่า
แต่วันนี้นายศิริโชคกลับร่วมทีมกับ รมว.คลังไปเจรจาเรื่องนี้กับเทมาเส็กด้วยตัวเอง
ก็เป็นอีกข้อสงสัยที่ยังไม่เคลียร์!?
เพื่อไทย
Thursday, June 17, 2010
อ่านเกมรัฐบาลซื้อคืน"ไทยคม"
รายงานพิเศษ