วันนี้เป็นวันนักข่าว และเป็นวันแรกที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเป็นประธาน ก.ตร. โดยตำแหน่ง
ไม่ทราบว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เพิ่งถูกนายสมัครออกคำสั่งเด้งไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี จะไปรอพบเพื่อถามถึงเหตุผลการปลดหรือไม่ หรือจะเป่านกหวีดให้บรรดาชมรมเพื่อนเสรีมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่
ซึ่งถ้ามีการเป่านกหวีดเกิดขึ้น คงทำให้นายสมัครต้องคิดหนักที่คิดผิด ที่ยั้งดาบไว้ไมตรี เอาเถอะเมื่อเสียงนกหวีดยังไม่ดัง ก็อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้
ในการประชุม ก.ตร. วันนี้ มีข่าวว่าจะมีการเสนอให้นายตำรวจที่ถูกย้ายออกไป เมื่อครั้งที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยึดอำนาจการปกครองประเทศจากรัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำขบวนโดย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายของ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร โดยก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย เพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 26 ของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ได้กลับเข้ามาแล้ว 1 คน เป็นการชิมลาง
การที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ จะกลับมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นเรื่องที่ถูกต้องชอบธรรมทุกประการ เพราะเมื่อครั้งที่ถูกย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้ทำผิดอะไร เพียงแต่เป็นพี่ชายของภริยาอดีตนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
และ...เมื่อเร็วๆ นี้ นายสมัคร สุนทรเวช ได้ประกาศต่อหน้าข้าราชการในวันชี้แจงนโยบายต่อข้าราชการว่า ข้าราชการคนใดที่ถูกย้ายไม่เป็นธรรมเมื่อครั้งที่มีการทำรัฐประหาร ขอให้ทำหนังสือร้องเรียนมาได้ จะดูแลแก้ไขให้
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จึงอยู่ในข่ายที่นายกรัฐมนตรีป่าวประกาศทุกประการ
เพียงแต่ว่าการกลับเข้ามาสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งนี้ นายสมัคร สุนทรเวช น่าจะประเมินสถานการณ์รอบด้านได้ว่า หากให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กลับมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเลย
เรตติ้งที่เป็นบวกในการออกคำสั่งย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะติดลบทันที จะเป็นการตอกย้ำข้อกล่าวหาของผู้ที่ตั้งหน้าจองล้างจองผลาญว่า ที่ออกคำสั่งย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นคำสั่งของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เพราะมีการไปตีความจากคำพูดของนายสมัคร ที่ว่ามีคนเสนอเรื่องมาหนักกว่านี้ แต่เลือกเรื่องที่เบาที่สุดเพื่อไว้ไมตรีกัน
จริงอยู่ในความเป็นจริง หากไม่เกิดเหตุการณ์วันที่ 19 กันยายน 2549 พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จะต้องดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต่อจาก พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เพราะอาวุโสสูงสุด
เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นมา ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องของเวรกรรมที่ไม่ได้ก่อ
ผมไม่ได้สนิทรู้จักกันเป็นการส่วนตัวกับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ แต่ในอดีตจัดเป็นนักข่าวคนหนึ่งที่ให้ความเคารพนับถือ พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ และท่านก็ให้ความเอ็นดูผมพอสมควร ผมจะเรียกท่านติดปากมาจนถึงวันนี้ว่า “ลุงเหมอ”
เมื่อลุงเหมอเดินทางไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธร 4 ผมก็เดินทางไปกับขบวนของท่าน และถูกสั่งแกมบังคับว่าให้ลงไปคุยกันเดือนละครั้ง ในฐานะที่เป็นคนปักษ์ใต้ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาโจรปล้นรถทัวร์ ซึ่งในห้วงเวลานั้น เกิดขึ้นถี่เหลือเกิน ส่วน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ไปเป็นสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง จ.ภูเก็ต
ในที่สุดเมื่อ พล.ต.ท.เสมอ ไปรับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธร 4 คุมพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ท่านยังคงติดนิสัยการทำงานที่ทำเป็นประจำเมื่อครั้งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ไม่ว่าคดีเกิดที่ใดในเขตนครบาล ไม่ว่าเวลาใด พล.ต.ท.เสมอ จะต้องเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง
ทำให้ตำรวจภูธร 4 ต้องตื่นตัวทำงาน เพราะไม่ทราบว่าผู้บัญชาการจะเดินทางมาตรวจพื้นที่วันไหน เมื่อตำรวจทำงานกันจริงจัง ทำงานอย่างมีระบบทั้งการป้องกันและปราบปราม ทำให้โจรปล้นรถทัวร์สูญพันธุ์ไปจากพื้นที่ภาคใต้จนถึงวันนี้
นี่คือผลงานของลุงเหมอที่ต้องจารึกไว้ โดยผมมีส่วนในการเสนอหน้าไปรับรู้และช่วยประชาสัมพันธ์ผลงานให้คุณโจรรับทราบว่าตำรวจเอาจริง
ซึ่งเท่าที่รู้จักเคารพนับถือลุงเหมอมาตลอดนั้น สิ่งหนึ่งที่กล้าพูดและพิสูจน์ได้ คือ ความไม่ทะเยอทะยาน ทุกตำแหน่งที่ได้มา เป็นฝีมือและผลงาน
อย่างเมื่อครั้งที่ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธร 4 ซึ่งสมัยนั้นโจรเยอะมาก แต่ลุงเหมอยินดีที่จะเดินทางไป ทั้งๆ ที่พอจะเจรจากันได้ในทุกๆ เรื่องกับเพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น คือ พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์
ทำให้ผมเชื่อว่า ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ น่าจะรับสภาพกับกรรมที่ไม่ได้ก่อได้ โดยการกลับเข้ามาทำงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติสักปี
ปล่อยให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รอง ผบ.ตร.รักษาการในตำแหน่ง ผบ.ตร. ในขณะนี้ และหากสอบผ่านก็จะขยับเป็น ผบ.ตร. เต็มตัวในอนาคตอันใกล้ แล้วจะเกษียณอายุราชการปี 2552
เมื่อถึงวันนั้น จะไม่มีเสียงครหา จะมีบ้างก็เสียงนกเสียงกา ในการขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ซึ่งสามารถอยู่ยาวจนถึงปี 2555 เวลาเหลือเฟือสำหรับเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมักจะมีอาถรรพ์ ใครที่อายุราชการยาวนาน มักอยู่ไม่ถึงวันเกษียณ