หากตีความหมายของคำว่า “ควาย” ดังที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ใช้ตำหนิการทำงานของลูกน้องที่ไม่เข้าท่าเข้าทาง หรือไม่เป็นไปอย่างใจ
ผมเองก็คงมอง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ต่างกัน จากการออกมาแสดงอาการไม่พอใจคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และออกมาวิพากษ์วิจารณ์ด้วยถ้อยคำและท่าทีที่รุนแรง
ทั้งที่คนเป็นข้าราชการต่างก็รู้กันดีว่า มีหน้าที่ตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย มีการกำหนดเอาไว้ในคู่มือเป็นกฎเกณฑ์กติกาอย่างชัดแจ้ง
โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจ-ทหารนั้น ยิ่งถูกสั่งสอนกันมาให้เคร่งครัดในระเบียบวินัยมากยิ่งไปกว่าข้าราชการพลเรือนทั่วไป แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็ยังมีท่าทีแข็งกร้าวมาอย่างสม่ำเสมอ และทำท่าว่าจะไม่ค่อยเคารพกรอบกติกาสักเท่าไร
นอกจากนี้ก็อยากจะตะโกนถามไปยังตำรวจไทยทั้งประเทศกว่า 2 แสนคนว่า ชื่นชมยินดีกับคำว่า “ควาย” อย่างที่เจ้านายกล่าวอ้างจริงหรือเปล่า
เพราะเรื่องนี้ผมได้ยินพ่อค้าในตลาดเขาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเมามันว่า “ถ้าใครมาด่ากูเป็นควาย กูชกปากแม่งแน่”
หรือหาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะทึกทักเอาว่าเป็นถ้อยคำที่เหมาะสมแล้วอย่างนั้น อีกหน่อย “ควาย” ก็คงจะเดินกันว่อนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การเกษียนหนังสือราชการก็จะเต็มไปด้วยคำว่า “ควาย” และ “ควาย”
และอีกหน่อยหนังสือพิมพ์ก็คงจะต้องปฏิวัติการพาดหัวข่าวกันใหม่ อย่างเช่น “จับแก๊งควายอุ้มยัดยาบ้า” หรือถ้าย้อนกลับไปแก้พาดหัวข่าวเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ก็อาจจะต้องมีข่าว “เด้งหัวหน้าควายเข้ากรุ”
บอกตรงๆ ว่าไม่ค่อยเห็นด้วยกับท่านนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช สักเท่าไร ที่บอกว่าเห็นแก่ไมตรี เลือกที่จะพิจารณาโทษ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในสถานเบาสุด จากที่มีการเสนอมา
เพราะคนที่ได้รับความปรานีก็ยังไม่รู้ตัว ไม่รู้สึกสำนึก และยังย้อนกลับมาด่าท่านอยู่ เสมือนเป็นการทำคุณบูชาโทษ ทางที่ดีควรจะหยิบทุกข้อสงสัย ทุกข้อกล่าวหามาพิจารณาให้หมด แล้วก็น่าจะเปิดช่องทางให้มีการร้องเรียนเข้ามาเสียเลย เพื่อที่จะได้รับรู้ปัญหาอย่างรอบด้าน รู้ทุกประเด็น แล้วสะสางกันให้เบ็ดเสร็จไปพร้อมกันทีเดียวทุกเรื่องราว
เพราะที่ผ่านมาคนที่มีข้อมูล หรือตำรวจผู้น้อยที่คับข้องใจ ก็ไม่มีใครกล้าออกมาเปิดปากพูด จะมีก็แต่ไปบ่นกันตามวงสนทนาบ้าง เอาไปเมาท์กันเป็นที่สนุกปากไปบ้าง
จึงเป็นเรื่องดีที่จะมีเวทีให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ได้ชี้แจงแสดงความบริสุทธิ์ ดีกว่าปล่อยให้ใครต่อใครออกมานินทากล่าวหาให้เป็นเรื่องเสียหาย โดยที่ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทองของมูลนิธิฯ เมื่อคราวเป็น ผบก.ภูธร ภาค 2 เรื่องคาวๆ ของตำรวจหญิงที่มีการลงลึกกันถึงขั้นระบุตัวตน ชื่อเสียงเรียงนาม หรือเรื่องการถมแม่น้ำที่บ้านพักตากอากาศ จ.กาญจนบุรี
เรื่องราวเหล่านี้ก้ำกึ่งระหว่างการเป็นเรื่องส่วนตัวกับงานในหน้าที่ เพราะบางเรื่องดังว่าหากไม่ได้เป็นนายตำรวจใหญ่ ก็ไม่อาจที่จะทำผิดหรือมีคนละเลย ยินยอมให้ทำผิดเช่นนั้นได้
ในเมื่อเรื่องราวเหล่านี้ยังคลุมเครือ รัฐบาลก็น่าจะนำมาพิจารณาซะให้คนที่พอรู้มาเลาๆ ได้คลายความคับข้องใจ ส่วนใครที่มีหลักฐาน หรือพร้อมจะเป็นพยาน ช่วยกันเสนอเรื่องเข้ามาก็น่าจะเป็นเรื่องดี
ส่วนอีกเรื่องที่รัฐบาลไม่ควรละเลยอย่างยิ่ง และอย่าไปคิดว่าจะลุกลามกลายเป็นความขัดแย้ง ก็คือ การสอบสวนเอาความผิดทางวินัยกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จากการที่ออกมาพูดจาด้วยถ้อยคำไม่เหมาะสมซ้ำซาก รวมทั้งการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผู้บังคับบัญชา
เพราะหากไม่มีการดำเนินการหรือจัดการอย่างเด็ดขาด ก็จะกลายเป็นแนวทางปฏิบัติว่า ใครนึกอยากจะลุกขึ้นมาด่าใครเมื่อไรก็ได้ หรืออาจจะทำให้รู้สึกว่า การวิพากษ์วิจารณ์ หรือแสดงท่าทีแข็งขืนต่อคำสั่งผู้บังคับบัญชา เป็นสิ่งที่สามารถทำได้โดยปกติ
รวมทั้งในกรณีที่บังเอิญว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะสามารถแก้ต่างข้อกล่าวหาได้ครบถ้วนทุกประการ นายกรัฐมนตรีก็คงจะต้องคิดหนักว่าจะสามารถส่งกลับไปทำงานที่ สตช. ได้อีกหรือไม่
เพราะหากเป็นเช่นนั้น ตำรวจไทยก็อาจจะกลายเป็น “ควาย” กันไปหมดจริงๆ
ที่จั่วหัวเรื่องไว้ว่า “สมองหมา ปัญญาควาย” นั้น ในเบื้องต้นผมไม่ได้เจตนาที่จะกล่าวถึงใครคนใดคนหนึ่งเป็นการเฉพาะ แค่เพียงเห็นคำว่า “ควาย” กำลังอยู่ในกระแส และพบว่ามีการเขียนถึงเอาไว้ในเว็บไซต์ด้วยความน่ารักว่า “สมองหมา” หมายถึง สมองที่ซื่อสัตย์ รักเจ้านาย น่ารัก ส่วน “ปัญญาควาย” หมายถึง ปัญญาที่มีความอดทน ยอมลำบากเพื่อให้คนมีข้าวกิน ทำงานหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน
แต่สำหรับผม “สมองหมา” น่าจะหมายถึง การคิดอย่างตื้นเขิน เพราะหมามีสมองเล็กกว่าคน แม้จะซื่อสัตย์แต่ก็จะซื่อเฉพาะกับเจ้านายอย่างฝังหัว แต่ขณะเดียวกันก็อาจกัดคนอื่นทั่วไป และจะยิ่งน่ากลัวมากหากเป็น “หมาบ้า”
ส่วน “ปัญญาควาย” ผมคงมีนิยามไม่แตกต่างไปจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ สักเท่าไร เพราะหากท่านเรียกการตัดสินใจที่ไม่เข้าท่าเข้าทาง ไม่เหมาะสม ไม่ถูกใจ ของลูกน้องท่านว่า “ควาย”
การออกมาวิพากษ์วิจารณ์เจ้านาย การแสดงท่าทีตะแบงแข็งขืนไม่เข้าท่า ผิดกาลเทศะ ที่ดูแล้วออกจะรู้สึกขัดใจในความเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่
ผมก็คงมีข้อสรุปที่ไม่แตกต่างกัน...!!