WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, March 4, 2008

"เสรีพิศุทธ์" ยังไม่สำนึก

การโยกย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส พ้นจากการทำงานในตำแหน่ง ผบ.ตร. คงไม่สามารถเอาไปเทียบเคียงกับ นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ นายปราโมช รัฐวินิจ อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ได้

เพราะ 2 คนหลังเป็นการโยกย้ายไปทำหน้าที่สำคัญ ตามความเหมาะสมแก่ความรู้ความสามารถ ไม่ได้มีการระบุความผิดหรือความบกพร่องในการทำหน้าที่


ต่างจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่มีข้อกล่าวหาอย่างน้อย 3 ประการ ทั้งการเช่ารถเพื่อใช้ในราชการตำรวจมูลค่าเฉียดหมื่นล้านบาท ที่กระบวนการในการดำเนินการกินเวลาเพียงแค่ 69 วัน และยังมีเรื่องของตัวเลขที่น่าสงสัย และความคุ้มประโยชน์ดังข้ออ้างว่าจะนำมาใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งที่รถบางคันยังจอดนิ่งอยู่กับที่ เพราะบางพื้นที่ไม่มีแก๊สเอ็นจีวีจะเติม หรือบางโรงพักก็ถึงกับส่งรถคืน เพราะไม่รู้ว่าจะเอารถไปจอดไว้ทำไม

หรือจะเป็นเรื่องของการใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม ก็ไม่เพียงเฉพาะแค่การแสดงสันดานพื้นฐานออกมาเท่านั้น แต่ประเด็นที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ สบถออกมานั้น มีความเกี่ยวโยงกับการงดกิจกรรมรื่นเริงเพื่อร่วมไว้อาลัย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งไม่บังควรอย่างยิ่ง

แต่จนถึงขั้นนี้แล้ว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็ยังไม่ได้สำนึกในความผิด และยังคงออกมาแสดงวาจาไม่เหมาะสม ที่บ่งบอกถึงวุฒิภาวะอีกหลายถ้อยคำ

ไม่ว่าจะเป็นการย้ำถึงคำพูด "ควายหรือเปล่า" ที่นักข่าวถามว่าอาจเป็นถ้อยคำที่บางคนอาจไม่ชอบ และถูกสวนมาว่า "แต่ลูกน้องผมชอบ ไปหนักกบาลใครหรือเปล่า"

หรือจะเป็นคำกล่าวในเชิงอาฆาตมาดร้าย ทั้งที่ระบุว่า "ยังมีเวลาอีกยาวนาน วันข้างหน้าเผื่อจะได้ถล่มใครกะเขาบ้าง" หรือจะเป็น "ผมมีพวกมากแค่เป่านกหวีดก็ออกมาเต็มไปหมดแล้ว"

ที่สำคัญเมื่อนักข่าวถามถึงการตั้งกรรมการสอบสวน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็พยายามอธิบายความและทิ้งท้ายว่า "มีแต่ไอ้โง่ที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง" ชวนให้คนที่ได้ยินเข้าใจเอาเองว่าหมายถึงคนที่ออกคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวน ซึ่งก็ย่อมหมายถึง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี

ทั้งคำพูดและท่าทีของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่เพียงบอกเล่าตัวตนหรือพื้นฐานความคิดที่แท้จริงหรืออาจรวมถึงการมองย้อนไปถึงปูมหลังเท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นถึงการไม่รู้จักยอมรับความจริง ไม่เคารพในกฎเกณฑ์กติกา
ในเมื่อเกิดความบกพร่อง ผิดพลาดในการทำงาน ก็ต้องเช้าสู่กระบวนการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและเป็นกติกาสากล

หากผิดก็ต้องรับโทษทัณฑ์กันไปตามกฎหมาย แต่หากไม่ผิดก็สามารถกลับไปรับตำแหน่งได้ เหมือนดังที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย บอกไว้ หากว่ายังมีความเหมาะสมกับงานในตำแหน่งสำคัญเช่นนั้นอยู่

เพียงแต่ว่าการที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังคงออกมาฟาดงวงฟาดงามากเท่าไร แสดงความไร้วุฒิภาวะมากเท่าไร ก็ดูจะเห็นความเหมาะสมในการกลับไปนั่งในตำแหน่ง ผบ.ตร. ลดน้อยลงเท่านั้น

เพราะคนกักขฬะ หยาบคายไม่ให้เกียรติผู้คนทั้งลูกน้อง และเจ้านาย จะไปอยู่ที่ไหนผู้คนก็รังเกียจ และที่สำคัญการที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกมาพูดจาด้วยท่าทีก้าวร้าวเช่นนี้ หากรัฐบาลขืนปล่อยไว้ก็จะพานทำให้ถูกมองได้ว่าบ้านนี้เมืองนี้ ไม่มีกฎ ไม่มีกติกา ใครนึกอยากจะออกมาพูดจาจิกด่าใครก็ได้ตามอำเภอใจ

ผมว่านอกเหนือไปจากการตั้งกรรมการสอบสวนความผิดทั้ง 3 ประการ ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี และหมายรวมถึงประเด็นอื่นๆ ตามที่กรรมการเห็นสมควรแล้วการแสดงกิริยา วาจาอันไม่เหมาะสมแก่ความเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่ควรเป็นเยี่ยงอย่างแก่ข้าราชการชั้นผู้น้อยหรือลำดับชั้นที่ลดหลั่นลงมา ก็ยังสมควรจะต้องมีการตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงอีกกระทงหนึ่ง

เพราะการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ และเอ่ยถึงผู้บังคับบัญชาด้วยถ้อยคำก้าวร้าวรุนแรง ถือเป็นความผิดที่ยิ่งใหญ่ ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ย่อมรู้ดีว่าข้าราชการตำรวจที่เคร่งครัดในวินัยและลำดับชั้นการบังคับบัญชา ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน

ตัวอย่างก็มีปรากฏอยู่แล้วว่าหากตำรวจชั้นผู้น้อยประพฤติตัวไม่เหมาะสมแก่ความเป็นตำรวจไม่ว่าจะด้วยประการใดๆ ก็ตาม เจ้านายก็ยังสั่งขังกันมาแล้ว

รวมทั้งยังเป็นที่รู้กันดีว่าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นผู้รักษากฎหมายกระทำผิดเสียเอง การรับโทษทัณฑ์ก็ยังเข้มงวดกว่าชาวบ้านทั่วไป และไม่มีเหตุให้ลดหย่อนผ่อนปรน

แล้วนี่นายตำรวจใหญ่มาทำตัวไม่เหมาะสมเสียเอง หากรัฐบาลไม่ตั้งกรรมการสอบสวนหรือลงโทษกันเสียบ้าง นอกจากจะกลายเป็นตัวอย่างเลวๆ ให้คนอื่นเอาอย่างแล้ว คนทำผิดก็จะไม่รู้จักเข็ดหลาบและสร้างปัญหาได้อีกในภายหลัง

ทางที่ดีต้องตั้งกรรมการขึ้นมาสอบวินัยเอาผิดกันให้ชัดเจนไปเลย
...แล้วก็อย่าลืมตบปากสักที ข้อหาที่ "ปากเสีย"...!!

บิ๊กโบ๊ต (แทน)

////////////////

คอลัมน์:ละครชีวิต...จากหนังสือพิมพ์รายวันประชาทรรศน์

ฉบับประจำวันที่ 4/03/2551