ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา232 ระบุว่า กกต.มีวาระการดำรงตำแหน่ง 7 ปี โดยให้นำบทบัญญัติมาตรา 209 ที่ว่าด้วยการพ้นตำแหน่งตามวาระมาบังคับใช้กับการพ้นจากตำแหน่งของกกต.ด้วย ซึ่งมาตรา 209 (2) ระบุชัดว่าการพ้นจากตำแหน่งตามวาระคือมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน พร้อมส.ส.พรรคพลังประชาชนจำนวนหนึ่ง แถลงตั้งข้อสังเกตุถึงคุณสมบัติของนายุสเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ต่อการปฎิบัติหน้าที่ โดยร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายสุเมธได้ทำหนังสือสอบถามไปยังวุฒิสภา กรณีคุณสมบัติเรื่องอายุ ซึ่งตอนนี้ตนมีหลักฐานที่แน่ชัดแล้วว่า นายสุเมธเกิดเมื่อ 9 มีนาคม 2481 และมีอายุครบ70 ปีบริบูรณ์ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา232 ระบุว่า กกต.มีวาระการดำรงตำแหน่ง 7 ปี โดยให้นำบทบัญญัติมาตรา 209 ที่ว่าด้วยการพ้นตำแหน่งตามวาระมาบังคับใช้กับการพ้นจากตำแหน่งของกกต.ด้วย ซึ่งมาตรา 209 (2) ระบุชัดว่าการพ้นจากตำแหน่งตามวาระคือมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์
ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า ตนและส.ส.ได้เข้าชื่อ และจะยื่นต่อประธานรัฐสภาในวันที่ 12 มีนาคม เพื่อส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้มีคำวินิจฉัยคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของนายสุเมธ ตามอำนาจของรัฐธรรมนูญมาตรา 233 ที่กำหนดให้ส.ส.และส.ว.รวมกัน จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของ ส.ส. ส.ว. หรือ 2 สภารวมกัน ซึ่งแม้จะยังไม่มีส.ว.แต่โดยตัวเลขประมาณการ ส.ส.และส.ว. รวมกันจะมีจำนวน 630 คนเท่ากับว่าต้องใช้เสียงสมาชิกไม่น้อยกว่า 63 คน ซึ่งขณะนี้มีส.ส.พรรคพลังประชาชนร่วมลงชื่อแล้ว 68 คนและได้รับการติดต่อจากส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลจะร่วมลงชื่อในวันที่ 12 มีนาคมอีกหลายคน
'ขณะนี้ถ้าดูตามรัฐธรรมนูญถือว่านายสุเมธขาดคุณสมบัติการเป็นกกต.ไปแล้ว แต่จะหยุดการปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายสุเมธ ซึ่งเรื่องนี้เหมือนกับผมช่วยนายสุเมธนับอายุที่แท้จริงด้วย ส่วนจะส่งผลต่อกกต.ในการพิจารณาคดียุบพรรคหรือไม่นั้น ต้องไปถามคนที่ตั้งกกต. เพราะกกต.ชุดนี้ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง' ร.ต.ท.เชาวรินกล่าวและว่าเรื่องนี้จะส่งผดีต่อพรรคหรือไม่นั้น ตนไม่ได้มองประเด็นดังกล่าว แต่มองถึงความถูกต้องมากกว่า