* บิดเบือนแก๊สน้ำตาที่แท้ฉีดเองถังดับเพลิง
“ประชาธิปัตย์” เรียงหน้ายกหางโจรกบฏกลางสภา ชื่นชมหน้าตาเฉยการปักหลักชุมนุมยืดเยื้อ 3 เดือน แถมใช้กำลังบุกรุกทำลายทำเนียบรัฐบาลเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ “อภิสิทธิ์” เมินใช้กฎหมาย พูดชัดกระบวนการนิติบัญญัติแก้ปัญหาไม่ได้ ขณะที่ “ชวน หลีกภัย” ยิ่งกู่ไม่กลับ ยกระดับ ASTV เป็นสื่อทางเลือกใหม่ โชว์หลักการปราบม็อบในยุคตัวเองทั้งกรณี ตากใบ และรพ.ราชบุรี ที่มีคนตายเป็นเบือ ทั้งกรณีปล่อยหมากัดม็อบ มีเหตุผลไปหมด กางหลักฐานแฉจะจะ มีคนสร้างสถานการณ์ ขุดรูปเก่าอ้างปืนจี้หัว ส่วนแก๊สน้ำตา ที่แท้ก็ยิงน้ำยาดับเพลิงสร้างสถานการณ์
* “ชวน หลีกภัย” โดดอุ้ม ASTV สื่อทางเลือก
การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 สมัยนิติบัญญัติ เพื่อแก้ปัญหาในบ่านเมื้อง ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนทำลายประชาธิปไตย ได้ออกมาสร้างสถานการณ์ จุดชนวนความวุ่นวาย และทำตัวเป็นโจรกบฏอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมือง ได้เริ่มขึ้นแล้วในตอนบ่ายของวันที่ 31 สิงหาคม 2551 โดยมี นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ในการประชุม
ปชป.อุ้ม พธม.ข้อหากบฏแรงไป
ซึ่งในที่ประชุมที่หวังว่าจะใช้ความคิดความเห็นของ 3 ฝ่าย คือฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาบ้านเมือง กลับกลายเป็นเวทีให้พรรคประชาธิปัตย์ ฉกฉวยโอกาสขย่มรัฐบาล และออกอาการอุ้มกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างออกหน้าออกตา
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในการประชุมร่วมของ 2 สภา เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาวิกฤติทางการเมือง ว่า รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ในการทำร้าย ใช้ปืนจ่อหัวประชาชน รวมถึงการยัดเยียดข้อหากบฏให้กับกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นข้อหาที่พิสูจน์เจตนาได้ยาก ทั้งที่ควรจะเป็นข้อหาการบุกรุกสถานที่ราชการ น่าจะมีความเหมาะสมกว่า
“ชวน” โชว์หลักการ-ชื่นชม ASTV
ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นปราศรัย โดยออกอาการชื่นชมและอุ้มกลุ่มม็อบพันธมิตรฯ พร้อมกล่าวสนับสนุนสถานีโทรทัศน์ ASTV โดยกล่าวว่าเป็นสถานีที่ได้มีการนำเสนอข่าวสารที่เป็นข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ ขณะเดียวกันก็ถือโอกาสแก้ตัวการปราบปราม ในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ทั้งกรณีโรงพยาบาล จ.ราชบุรี ที่มีชาวพม่าตาย 10 คน และกรณีตากใบ ที่เสียชีวิตอีกหลายสิบคน หรือแม้กระทั่งเรื่องปล่อยหมากัดม็อบที่หน้ารัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องฮือฮา นายชวนก็ยังกล้ายืนยันว่ารัฐบาลตัวเองทำถูกทั้งหมด และยังคงยืนยันว่าการกระทบกระทั่งของตำรวจกับม็อบในรัฐบาลนายสมัคร เป็นความผิด
ยกหางม็อบสร้างประวัติศาสตร์
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก็อ้างว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นเสียงสะท้อนของประชาชน โดยกล่าวว่า กระบวนการทางนิติบัญญัติคงไม่สามารถที่จะคลี่คลายแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นขออย่าให้คาดหวังสูงเกินไป หรือประเมินตัวเองสูงเกินไป เพราะการเมืองยุคสมัยนี้ไปไกลกว่าระบบการเมืองแบบตัวแทน มีการเมืองภาคประชาชนหลายกลุ่ม
ส่วนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอ้างถึง การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่เราต้องจารึก เพราะว่าได้มีการชุมนุมยืดเยื้อมากที่สุดเป็นระยะเวลานานกว่า 3 เดือนและสามารถเข้ายึดทำเนียบและสถานที่สำคัญต่างๆ ได้ เป็นการเมืองภาคประชาชนอย่างแท้จริง
พร้อมทั้งสร้างความชอบธรรม ให้กับม็อบโดยนายจุรินทร์กล่าวว่า สาเหตุการออกมาชุมนุมขับไล่ของกลุ่มพันธมิตรฯ รัฐบาลเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ มูลเหตุมาจากการพยายามแก้ไขเรื่องของรัฐธรรมนูญ
“สมัคร” ซัดมีคนจัดฉากแก๊สน้ำตา
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ขอใช้สิทธิ์ลุกขึ้นชี้แจง กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่สิ่งผิด เพราะมีเขียนเอาไว้ในรัฐธรรมนูญชัดเจนอยู่แล้ว โดยยืนยันว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มีข้อบกพร่องต้องมีการแก้ไข กลายเป็นว่านายกฯ ทำอะไรก็ผิดหมด ส่วนพันธมิตรฯ ที่ไปยึดทำเนียบรัฐบาล บุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีนั้นไม่ผิด
ส่วนกรณีแก๊สน้ำตา นายสมัคร นำภาพถ่ายหลักฐานมาแสดง และว่ากำลังสรุปกันอยู่ว่าเป็นอะไร ถ้าดูจากรูปถ่ายนั้นไม่ใช่แก๊สน้ำตา แต่เป็นถังน้ำยาดับเพลิง ทั้งนี้ การจะพูดจากล่าวหากัน หรือจะให้พิจารณาตนเอง ก็ขอพิจารณาตัวเองว่าขอทีให้ย้อนดูว่าสิ่งที่พูดมันเท็จจริงอย่างไร อย่าให้ฟังได้ว่าอยู่ข้างพันธมิตรฯ
พร้อมกันนี้ นายสมัคร ยังประกาศรับผิดชอบเหตุการณ์ที่ตำรวจใช้กำลังสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ที่พลาดพลั้งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ปฏิเสธไม่มีการใช้แก๊สน้ำตาและปืนจ่อศีรษะตามที่เป็นข่าว
จ่อร้องศาลแพ่งสั่งม็อบเปิดทำเนียบ
นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกกระทรวงมหาดไทย ในฐานะตัวแทนสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังศาลแพ่งมีคำสั่งระงับการบังคับคดีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ให้พันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบรัฐบาลนั้น ในเช้าวันที่ 1 กันยายน ทีมทนายความเลขาธิการนายกฯ จะเข้ายื่นคำร้องแถลงต่อศาลแพ่งเพื่อให้มีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งหลังกลุ่มพันธมิตรฯ ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ทำให้นายกฯ และข้าราชการไม่สามารถเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลได้และอาจส่งผลให้เอกสารสำคัญของประเทศเสียหาย
พร้อมกันนี้ จะได้แถลงต่อศาลว่า การเข้าดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันที่ 29 สิงหาคม ไม่ได้กระทำการใดที่ผิดกฎหมาย และตำรวจ ซึ่งเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้ทำสิ่งใดเกินเลยหรือเข้าสลายม็อบแต่อย่างใด
นายศุภชัย ยังกล่าวแสดงความเป็นห่วงด้วยว่า หาก พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เข้ามาเป็นแกนนำพันธมิตรฯ จะทำให้ กทม.กลายเป็นกรือเซะ
ฉะปิดสนามบิน-รถไฟทำร้าย ปชช.
ด้าน นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม กล่าวถึงการปิดสนามบินหลายแห่งของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในต่างจังหวัดว่า ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างรุนแรง ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้น ตนเองจึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับผู้โดยสาร ส่วนการหยุดงานของพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หากพนักงานหยุดยาว คงต้องเปิดรับพนักงานใหม่ การหยุดเดินรถถือเป็นการทำร้ายประชาชน
"การปิดสนามบินส่งผลต่อการท่องเที่ยวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะสนามบินในจังหวัดท่องเที่ยว ส่วนการหยุดเดินรถไฟนั้นคงต้องพิจารณาว่าพนักงานขอหยุดนานแค่ไหน ถ้าเป็นเวลานานและไม่มีการวิ่งรถ คงต้องหาคนมาขับรถไฟแทน" นายทรงศักดิ์ กล่าวและเพิ่มเติมว่า
การรถไฟฯ ถือเป็นรัฐวิสาหกิจที่ผลประกอบการอยู่ในภาวะขาดทุนมาตลอด และเป็นภาระภาษีของประชาชน หากพนักงานจะหยุดยาวก็คงต้องเปิดรับสมัครคนมาทำงาน
กลุ่มต้าน พธม.หนุนนายกฯอยู่ต่อ
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มต้านพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมให้กำลังใจรัฐบาลที่ท้องสนามหลวงตั้งแต่คืนที่ผ่านมา ได้เดินทางมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีถึงหน้ารัฐสภาจำนวนหลายพันคน พร้อมทั้งเปิดเวทีปราศรัย โดยยืนยันจะเป็นการชุมนุมอย่างสงบ
บนเวทีได้มีการประณามการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำตัวเหนือกฎหมาย และให้กำลังใจนายกฯ พร้อมสนับสนุนให้ทำงานบริหารบ้านเมืองต่อไป
นายจรัล ดิษฐาอภิชัย ประธาน คปพร. กล่าวว่า จะไม่มีการเคลื่อนย้ายกลุ่มผู้ชุมนุมไปไหนจนกว่าจะประชุม 2 สภา เสร็จสิ้น
ขณะเดียวกันเวทีที่ท้องสนามหลวง ก็มีผู้เข้าร่วมการชุมนุมหลายพันคน และยังมีการเปิดให้มีการลงชื่อให้การสนับสนุนนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลด้วย
บนเวทีปราศรัย แกนนำกลุ่มนปก. ต่างสลับกันขึ้นปราศรัยถึงการตัดสินคดี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และแสดงจุดยืนสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
สันติบาลชี้มือที่สามรอจุดไฟซ้ำ
พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส. กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลว่า ขณะที่มวลชนของทั้ง 2 กลุ่ม ได้เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ กทม. จากข่าวเบื้องต้นทราบว่าเมื่อประชุมรัฐสภาเรียบร้อย กลุ่มผู้สนับสนุนจะเดินทางไปรวมกันที่ท้องสนามหลวง
ส่วนการปะทะกันของทั้ง 2 ฝ่าย คาดว่าโดยภาพรวมแกนนำทั้ง 2 ฝ่าย คงไม่ต้องการให้มีการปะทะกัน แต่สิ่งที่น่ากลัวคือมือที่สาม ที่ยืนยันว่ามีแน่นอน คนกลุ่มนี้คอยที่จะสร้างสถานการณ์เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกันให้ได้ เพื่อให้เกิดจุดแตกหักขึ้นถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง แต่อย่างไรก็ตามหน่วยข่าวของรัฐทุกหน่วยก็เฝ้าระวังอยู่แล้ว
บุรีรัมย์ชุมนุม 5พันหนุน “สมัคร”
สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ให้การสนับสนุนรัฐบาล และไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมเยี่ยงโจรของกลุ่มพันธมิตรฯ
ที่ จ.บุรีรัมย์ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองบุรีรัมย์ ได้มีกลุ่มพลังประชาชน และชาวบ้านจากอำเภอต่างๆ ทั้ง 23 อำเภอของ จ.บุรีรัมย์ ประมาณ 5,000 คน ออกมาชุมนุมสนับสนุนให้กำลังใจรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ในการบริหารประเทศชาติต่อไป และ ต่อต้านการชุมนุมขับไล่รัฐบาล ที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีการถือป้ายให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล
มีการตั้งเวทีปราศรัย ผลัดเปลี่ยนขึ้นกล่าวโจมตี แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้ง 9 คน สร้างความวุ่นวาย ทำให้ประเทศชาติเกิดความ
เสี ยหายในสายตาชาวโลก
คนขอนแก่นเปิดเวทีให้กำลังใจ
ขณะที่ จ.ขอนแก่น ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น หลังเก่า มีการชุมนุมให้กำลังใจรัฐบาลมีการตั้งเวทีปราศรัยชื่นชมการทำงานของนายสมัคร และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะเดียวกันมีการกล่าวโจมตีบรรดาแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ไม่เคารพกฎหมาย พร้อมกับระบุว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ในขอนแก่นนั้นแท้จริงแล้วมีไม่ถึง 1,000 คนและพวกตนพร้อมที่จะเข้าไปคัดค้านกลุ่มพันธมิตรฯทันทีและทุกเมื่อหากได้รับสัญญาณคำสั่งมา
นอกจากนี้ กลุ่มผู้สนับสนุนนายสมัคร กลุ่มนี้ยังได้มีการนำรถกระจายเสียงออกประชาสัมพันธ์ไปตามจุดต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนชาวขอนแก่นออกมาร่วมชุมุนมกันในช่วงค่ำวันนี้ด้วย โดยระบุว่า หากใครรัก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่เอากลุ่มพันธมิตรฯก็ขอให้ออกมาร่วมกันชุมนุมกันให้มากๆ
คน “โคราช-อุบล” ไม่เอาพันธมิตร
ส่วนที่ จ.นครราชสีมา มีชาวบ้านในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา และจากอำเภอต่างๆ ทั้ง 32 อำเภอของ จ.นครราชสีมา โดยเฉพาะอำเภอที่เป็นพื้นที่ฐานเสียงหลักของ ส.ส. พรรค พปช.ออกมาชุมนุมสนับสนุนให้กำลังใจรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช และ ต่อต้านการชุมนุมขับไล่รัฐบาล ที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ ของกลุ่มพันธมิตร
บรรดาแกนนำสวมเสื้อ และโผกหัวผ้าสีแดงที่เรียกตัวว่า “กลุ่มคนโคราช รักษ์ประชาธิปไตย” นำโดย นางบุญชู สุดศิริ และ ได้นำรถบรรทุก 6 ล้อ ติดตั้งเครื่องขยายเสียง มาเปิดเวทีปราศรัยรวมทั้งแจกใบปลิว เชิญชวนประชาชนให้ออกมาร่วมสนับสนุนรัฐบาลและต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ อยู่ที่บริเวณหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี
ในขณะที่ จ.อุบลราชธานี มีประชาชนเรียกตัวเองเป็นกลุ่มพลังเงียบจำนวนประมาณ 1,000 คน ได้มาชุมนุมกันที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี แสดงการสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลนายสมัคร และต่อต้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ เช่นกัน
คนรักอุดร เปิดเวทีประณาม 9 กบฏ
ขณะที่สนามทุ่งศรีเมือง อุดรธานี นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร นายอุทัย แสนแก้ว น้องชาย นายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้ระดมพลผ่านทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 97.50 เมกะเฮิรตซ์ ให้ประชาชนมารวมตัวกันที่สนามทุ่งศรีเมือง และเปิดเวทีปราศรัยโจมตีพันธมิตรฯที่ยึดทำเนียบรัฐบาลและกล่าวหา 9 แกนนำพันธมิตรฯ เป็นกบฏ
ทั้งนี้กลุ่มดังกล่าวยังได้กล่าวผ่านทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 97.50 เมกกะเฮิร์ต คลื่นชมรมคนรักอุดร โดยได้กล่าวชื่นชม นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ที่ได้ทำได้ถูกต้องแล้ว โดยมีประชาชนเดินทางมาร่วมรับฟังกว่า 2 พันคน และกำลังจะมาสมทบอีก
เช่นเดียวกับที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มีกลุ่มชาวบ้านที่ร่วมคัดค้านการเคลื่อนไหวของพันธมิตร ประมาณ 1,000 คน มอบดอกไม้ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ผ่าน นายปรีชา กมลบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเปิดเวทีปราศรัยโจมตีพันธมิตรฯ
“เชียงใหม่-เชียงราย” ไล่ส่งพธม.
ส่วนที่เชียงใหม่ เครือข่ายนักการเมืองท้องถิ่นของพรรคไทยรักไทยในอดีต – พลังประชาชนในปัจจุบัน เดินทางไปที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อชุมนุมแสดงพลังสนับสนุนรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตร และเพื่อปกป้องรัฐบาลนายสมัคร และไม่ให้ลาออกจากตำแหน่ง
ขณะที่วิทยุชุมชนในเครือข่ายคือ คลื่น 92.50 เมกะเฮิรตซ์ ที่มี นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล เจ้าของโรงแรมแกรนด์วโรรส อ.เมือง จ.เชียงใหม่ – ประธานที่ปรึกษากลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เป็นผู้อำนวยการสถานี ได้ถ่ายทอดเสียงผ่านคลื่น 92.50 เมกะเฮิรตซ์ ให้ประชาชนเดินทางออกมาชุมนุมบริเวณเวทีปราศรัยบริเวณหน้าโรงแรมแกรนด์วโรรส
ขณะที่ จ.เชียงราย น.ส.จีระนันท์ จันทวงศ์ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ซึ่งเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในพื้นที่ จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ในช่วงนี้นั้นกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย จะเน้นการใช้รถกระจายเสียงออกไปตามจุดต่างๆ เพื่อต่อต้านการกระทำของกลุ่ม พธม.และออกแถลงการณ์ประณาม นอกจากนี้จะร่วมกับกลุ่มต่างๆ ที่มีแนวทางในการเคลื่อนไหวคล้ายกันรวมกลุ่มจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
บช.น.โชว์อาวุธสลายม็อบยืนยัน
ส่วนกรณีที่มีการสร้างสถานการณ์นำเอาภาพเก่ามากล่าวหารัฐบาลว่ามีการใช้ปืนจี้หัวผู้ชุมนุม และยังมีเรื่องของการสร้างสถานการณ์เรื่องแก๊สน้ำตาที่หน้า บช.น. นั้น ได้มีการพิสูจน์แล้วว่าปืนดังกล่าวเป็นรุ่นเก่า ทำให้เชื่อได้ว่าภาพดังกล่าวถูกถ่ายไว้หลายปีแล้ว และขณะเดียวกันในการเข้าไปในพื้นที่ชุมนุม ตำรวจก็ไม่ได้พกพาอาวุธปืนแต่ย่างใด
โดยในวันเดียวกันนี้ พ.ต.ท.ภาสกร สถิตยุทธการ รอง ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการ ตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (ตปพ.)ได้นำอุปกรณ์ที่ใช้เกี่ยวกับการควบคุมฝูงชน เช่นแก๊สน้ำตา ปืนพร้อมกระสุนยาง โล่ กระบอง ปืนตาข่าย มาสาธิตให้กับผู้สื่อข่าว ประจำ บช.น. ทราบถึงวิธีการและรูปแบบการใช้งาน จากนั้น พ.ต.ท. ภาสกร กล่าวว่า อุปกรณ์ที่นำมาให้สื่อมวลชนดูนั้น มีขั้นตอนและวิธีการใช้ที่แตกต่างกัน เริ่มจากการใช้โล่ กระบอง หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น ก็จำเป็นที่จะต้องใช้แก๊สน้ำตา กระสุนยาง และปืนยิงตาข่ายตามลำดับ ซึ่งผู้ใช้งานได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดีตำรวจยังยืนยันว่า ไม่ได้ใช้แก๊สน้ำตาเข้าสลายฝูงชนที่มาชุมนุมหน้า บช.น. และพบในเวลาต่อมาว่ามีการฉีดถังดับเพลิงสร้างสถานการณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุมเอง
เครือข่ายนิสิตร้องประณาม พธม.
ขณะเดียวกันเครือข่ายองค์กรนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยองค์การนักศึกษาและสภานักศึกษา จากหลายสถาบัน ได้ยื่นแถลงการณ์ต่อสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน ต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับมอบ ทั้งนี้ ได้เรียกร้องว่า แม้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะมีสิทธิชุมนุม แต่ต้องไม่บุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการและสถานที่สำคัญด้วยข้ออ้างเพียงว่าเป็นเจ้าของประเทศ เพราะคนที่ไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯก็เป็นเจ้าของประเทศเหมือนกัน
อีกทั้งพันธมิตรฯยังไม่สามารถที่จะทำให้ความเห็นของตนเป็นที่ยอมรับของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้ จึงเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมที่จะทำการอุกอาจในการชุมนุมเช่นที่ผ่านมา ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องไม่ใช้กำลังในการสลายการชุมนุมอย่างที่เคยทำเช่นกัน
อนึ่ง นายสุนัย จุลพงศธร ได้เรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯ หรือคนที่ไปป้วนเปี้ยนรอบเวทีพันธมิตรฯ ที่อยู่ในสภา ไม่ว่าจะเป็น นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช หรือแม้แต่ ส.ว. หัวใจพันธมิตรฯ บางคน ได้ออกมาชี้แจงว่าพันธมิตรฯ ต้องการอะไร จะได้แก้ปัญหาถูกจุด