คอลัมน์ : ฮอตสกู๊ป
วันที่ 30 สิงหาคม 2551 ที่สนามหลวง เวลาประมาณ 15.00 น. มีการตั้งเวทีปราศรัยของกลุ่มชมรมคนแท็กซี่ และหลังจากนั้นในเวลาประมาณ 18.00 น. มีการตั้งเวทีใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ซึ่งนับเป็นการจัดการชุมนุมครั้งแรกของกลุ่มนี้หลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยมีประชาชนเข้าร่วมชุมนุม ฟังการปราศรัยหลายพันคน แกนนำหลักที่จัดการชุมนุมและขึ้นปราศรัยประกอบด้วย นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายสุชาติ นาคบางไทร นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายวีระ มุสิกพงศ์ เป็นต้น
นายชินวัฒน์ หาบุญพาด กล่าวถึงที่มาในการจัดเวทีครั้งนี้ว่า หลังจากเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาระยะหนึ่งและเริ่มเห็นแนวทางที่รุนแรงมากขึ้นโดยรัฐบาลไม่สามารถคุมสถานการณ์ได้ อีกทั้งยังดูจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำหลังเหตุการณ์วานนี้ (29 ส.ค.) จึงต้องการแสดงพลังมวลชนส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของพันธมิตรฯ ซึ่งไม่ได้ใช้แนวทางอหิงสา ไม่เป็นไปตาม มาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญดังที่กล่าวอ้าง เพื่อเป็นการให้กำลังใจกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย และสนับสนุนให้รัฐบาลใช้กฎหมายในการจัดการกับการเคลื่อนไหวของแกนนำพันธมิตรฯ อย่างจริงจัง ไม่ได้มีวัตถุประสงค์จัดตั้งมวลชนขึ้นมาปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ แต่อย่างใด
นายจรัล กล่าวว่า การจัดเวทีครั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างพื้นที่ให้กับคนที่รู้สึกอึดอัดกับ “ปฏิบัติการไทยคู่ฟ้า” ของพันธมิตรฯ ให้ได้มีที่ระบายและแสดงออก ซึ่งเป็นไปตามเสียงเรียกร้องของประชาชนที่เคยร่วมชุมนุมที่สนามหลวงด้วย หลังจากที่สถานการณ์ความได้เปรียบของรัฐบาลเริ่มเปลี่ยนไปสู่การเสียเปรียบเมื่อวานนี้ (29 ส.ค.) และอาจนำมาซึ่งความพ่ายแพ้ของฝ่ายประชาธิปไตย โดยไม่ได้มุ่งหวังผลทางการเมืองแต่อย่างใด เพราะไม่คิดว่าการชุมนุมนี้จะไปสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เนื่องจากผู้ร่วมชุมนุมไม่ได้มีจำนวนมากมายนักอีกทั้งสื่อมวลชนก็คงไม่สนใจการเคลื่อนไหวของมวลชนประชาธิปไตยดังที่เคยเป็นมา แต่สิ่งสำคัญคือ เวทีนี้จะเป็นการให้ข้อมูล ความรู้ หลักวิเคราะห์ ต่อเหตุการณ์บ้านเมืองที่อาจลงเอยในรูปแบบต่างๆ เพื่อประชาชนจะได้มีหลักในการคิด วิเคราะห์ ตลอดจนกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวของตนเอง
เมื่อถามถึงแนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปก. รวมทั้งความเสี่ยงต่อความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น ชินวัฒน์ ยืนยันว่า เป็นการชุมนุมเพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมืองตามสิทธิของพลเมืองซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะชุมนุมถึงเมื่อไร และยังไม่คิดจะเคลื่อนขบวนไปที่ไหน แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นกับสถานการณ์ข้างหน้าด้วย ขณะที่จรัลระบุว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นการใช้สิทธิแสดงออกทางการเมืองตามปกติเพื่อให้เกิดการต่อสู้ทางความคิด เป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และหากจะเกิดการปะทะกันก็จะไม่ใช่เพราะทางสนามหลวงเคลื่อนขบวนไปหาพันธมิตรฯ อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม คิดว่าทางพันธมิตรฯ เองก็คงไม่เคลื่อนขบวนมาที่นี่เช่นกัน
“เรากำลังต่อสู้กับความคิดที่นิยมอำนาจ เผด็จการ ไม่ใช่สู้กับพันธมิตรฯ เฉยๆ ตอนนี้พันธมิตรฯ กลายเป็นกลุ่มอุดมการณ์แล้ว และเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาต้องทำทุกอย่าง พันธมิตรฯ มีลักษณะเป็นขบวนการของประชาชนที่พยายามยึดอำนาจรัฐ เหมือนที่เคยเกิดในยุโรปในอดีต เน้นวิธีการแบบการปฏิวัติแบบถอนรากถอนโคนอย่างฉับพลัน ปัญหาคือว่าเวลาพูดถึงปฏิวัติ ต้องดูเนื้อหาว่าปฏิวัติเพื่ออะไร เพื่อให้การเมืองถอยหลังไม่ใช่ทางที่ถูก” จรัลกล่าว
นายอำนาจ สายจันดี ผู้จัดรายการคลื่นวิทยุ 92.75 กล่าวว่า ผู้ที่มาชุมนุมในวันนี้ส่วนหนึ่งเป็นแนวร่วม นปก. เดิม อีกส่วนเป็นผู้ที่ทราบข่าวจากการประชาสัมพันธ์ผ่านคลื่นวิทยุคนรักแท็กซี่ เอฟเอ็ม 92.75 MHz ซึ่งขณะนี้สถานีวิทยุชุมชนในอุดรธานี อุบลราชธานี และสกลนคร ได้เชื่อมสัญญาณวิทยุด้วยแล้ว จึงคาดว่าคนน่าจะมาเยอะกว่านี้ในวันพรุ่งนี้ (31 ส.ค.)
นายวิชัย จันทร์เจริญ อาชีพรับจ้างทั่วไปและก่อสร้าง กล่าวว่า มาชุมนุมเป็นครั้งแรกและมาเพราะไม่ชอบการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ โดยเฉพาะการปิดข่าวและนำเสนอด้านเดียวจึงโมโหและมาแสดงพลังให้รู้ เพราะการขับไล่รัฐบาลครั้งนี้ไม่ยุติธรรม เปรียบเทียบง่ายๆ เหมือน มีไร่อยู่ไร่หนึ่งแต่อยู่ดีๆ เขาก็มาไล่ไม่ให้ทำไร่ โดยไม่มีเหตุผล
ขณะที่ประชาชนสวมเสื้อแดงไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่งกล่าวว่า มาเพื่อฟังข้อมูลต่างๆ ทางฝ่ายพันธมิตรฯ เขาก็ไปฟัง เพื่อที่จะได้รู้ว่าใครพูดอะไรทั้ง 2 ด้าน แต่ก็ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายไหนเป็นพิเศษ และชอบมาฟังเรื่อยๆ
ที่มา : ประชาไท