WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, September 6, 2008

ผมไม่ตำหนิ พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา แค่ไม่ทำรัฐประหาร ผมก็โอเคแล้วละครับ


บทความ โดย ลูกชาวนาไทย

ไม่ทำรัฐประหาร ไม่สลายม็อบ ขอเป็นแค่กรรมการห้ามมวย คือ สาระัที่ พล.อ.อนุพงษ์ แถลงข่าววันนี้ ที่กองบัญชาการกองทัพบก แม้ว่าจะพูดอย่างยืดยาว แต่ผมก็สรุปได้สั้นๆ ว่าสาระที่พูดคือ ทหารจะไม่ทำรัฐประหารโดยเด็ดขาด ทหารจะไม่ใช้กำลังสลายม็อบ ทหารจะป้องกันไม่ให้ม็อบมีการปะทะกัน


ซึ่งผมก็คิดว่านั้นคือ สิ่งที่ดีแล้ว เพราะผมไม่คิดว่าการสลายม็อบในขณะนี้จะทำให้ปัญหาคลี่คลายลงไปได้ เพราะเมื่อเงื่อนไขยังคงอยู่ การปลุกม็อบก็จะกระจัดกระจายโดยทั่วไป

แต่ ผมก็คิดว่าทหารก็ต้องดำเนินการให้มีความเรียบร้อย เช่น ป้องกันไม่ให้มีการวางระเบิด หรืออาจเข้าควบคุมสถานที่ต่าง ๆ ไม่ให้มีการเผาทำลาย หรือแม้แต่การนัดหยุดงานของรัฐวิสาหกิจ


ส่วนม็อบยึดทำเนียบนั้น ผมไม่คิดว่าเป็นปัญหาใหญ่โตอะไรนัก ปล่อยให้ยึดไปอย่างนั้นสักสองสามเดือนก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

หากผมเป็น ผบ.ทบ.เองในตอนนี้มันก็ตัดสินใจยากเหมือนกัน แม้ว่าผมจะไม่ชอบพันธมิตรก็ตาม เพราะหากตัดสินใจสลายม็อบ ปัญหามันก็คงยังไม่จบแน่นอน เพราะแม้จะสลายม็อบออกจากทำเนียบได้ แต่ม็อบก็จะไปชุมนุมกันที่อื่นๆ อีก และเกิดความวุ่นวายตามมากอีกมากมาย และทหารก็จะถูกต่อต้าน และความขัดแย้งก็ขยายตัวต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อเงื่อนไขทางการเมืองยังไม่จบ ประชาชนยังแตกแยกและต่อสู้กันทางการเมืองอยู่ การเข้าสลายม็อบ ย่อมไม่ทำให้ปัญหาจบลงไปอย่างแน่นอน และ พล.อ.อนุพงศ์ เองก็ต้องยืนอยู่บนเขาควายของทั้งสองฝ่าย

ทั้งสองฝ่ายต่างก็เีรียกร้องให้ทหารเข้าข้างตัวเอง สลายม็อบก็หาว่าเป็นพวกระบอบทักษิณ ทำรัฐประหาร ก็โดนต่อต้าน กลายเป็นพวกอำมาตยาธิปไตยหลงยุค

ดังนั้น การเลือกที่จะไม่ทำรัฐประหาร และไม่สลายม็อบ จึงหน้าจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้ว แค่คอยป้องกันไม่ให้เหตุจลาจลขยายตัวต่อไป ก็น่าจะโอเคแล้วสำหรับบทบาทของทหารในขณะนี้





แต่สำหรับปัญหาทางการ เมือง ผมก็ไม่ทราบว่าจะจบที่ใดเหมือนกัน เพราะตอนนี้กำลังอยู่ช่วง Height ของสถานการณ์ ไม่ว่าจะเลือกทางใด เสนอทางออกอย่างไร มันก็ไม่มีทางจบสิ้นไปได้

การปิด ASTV ผมก็ไม่คิดว่าปัญหาจะจบ เพราะผมเชื่อว่า กลุ่มพันธมิตรนั้น มีช่องทาง และเครือข่ายสื่อสารของตนอยู่แล้ว (ส่วนใหญ่ก็ผ่าน สส. ปชป. นั่นแหละที่เกณฑ์คนมา) ASTV จึงเป็นแค่ลำโพงดังๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น

ผม ไม่คิดว่า ASTV จะล้างสมองใครได้มากมายนัก แต่คนที่เชื่อ ASTV เขามีแนวโน้มที่จะเชื่ออย่างนั้นอยู่แล้ว พวกนี้คือ พวกที่เกลียดทักษิณแต่ต้นแล้ว และหา "สื่อที่ถูกใจตน" มาจรรโลงใจ ก็เหมือน พวกเราที่ชอบทักษิณ ก็จะชอบใจรายการ "ความจริงวันนี้" ไม่ใช่เพราะคุณวีระกล่อมให้เราเชื่อ แต่คุณวีระ และสองสหายที่เหลือ พูดตรงกับใจเราที่เชื่ออยู่แล้วเท่านั้นเอง

ASTV ดูเหมือนจะมีอิทธิพลแค่ทำให้คนที่สนับสนุนประชาธิปัตย์อยู่แล้ว มีความคิดที่ก้าวร้าวรุนแรงขึ้น และไม่เคารพกติกา พวกที่ติด ASTV ก็ พวกสนับสนุน ปชป. นั่นแหละ พวกชอบ ปชป. ไม่ได้ขยายจำนวนขึ้นมากมายแต่อย่างใด แต่พวกสนับสนุน ปชป. ยังไม่ได้ดู ASTV ทั้งหมดเท่านั้น เมื่อขยายเต็มแล้ว ASTV ก็ได้สมาชิกอย่างมากก็เท่ากับจำนวนผู้สนับสนุน ปชป. นั้นเอง

ผมก็ไม่คิดว่ารายการความจริงวันนี้ จะสามารถเกลี้ยกล่อมให้พวกที่ชอบ ASTV กลายมาเป็นคนสนับสนุน พรรคพลังประชาชนได้เช่นกัน

ดังนั้น เมื่อปิดไม่ได้ ก็คงต้องทำใจ

ความขัดแย้งทางการเมือง ยังคงมีอยู่ต่ออีกนาน อย่าด่วนคิดว่ามันจะจบวันสองวันนี้ มันจะอยู่กับเราไปอีกหลายปี จนกว่าทั้งสองฝ่ายจะเรียนรู้และเริ่มเบื่อหน่าย และหันมาตกลงกติกากันใหม่อีกที

ฝ่ายเราก็อยากได้ทหารเป็นพวก
พวกอำมาตย์ ก็ต้องการให้ทหารเป็นพวก

ก็มีข่าวลือ ข่าวปล่อย ที่เราได้ยินมาตลอดว่าจะมีการทำรัฐประหาร เมื่อโน้นเมื่อนี้ แต่อนุพงศ์ก็ไม่เอาด้วยกับคนที่สั่ง (คาดว่าไม่ใช่เปรม) สักที

ดังนั้น การที่จะคาดหวังว่า อนุพงศ์ จะมาเข้าข้างฝ่าย พปช. และเร่งสลายม็อบพันธมิตรนั้น ผมว่าเป็นความคาดหวังที่มากจนเกินไป

ความขัดแย้งการเมืองไทยครั้งนี้ "ผู้เล่นไม่ใช่เฉพาะที่เรามองเห็นเท่านั้น" มีผู้เล่นที่มอง "มือไม่เห็น" อยู่อีก อนุพงศ์ ก็ต้องยืนอยู่ระหว่างเขาควายให้ได้ก็แล้วกัน

ผมดูสถานะแล้วน่าสงสารเหมือนกัน เพราะเลือกทางใด ก็โดนด่าทั้งสิ้น

แต่ผมเชื่อว่า หากมีการ "จลาจลหนักขึ้น" เช่น เผาทำเนียบรัฐบาล วางระเบิดหลายจุด ทหารก็จำเป็นต้องเคลื่อนไหวเหมือนกัน สถานการณ์มันพาไป

ในชั้นต้นนี้ ไม่ฉวยโอกาสทำรัฐประหาร ผมก็พอใจแล้ว

และ พล.อ.อนุพงศ์ ก็พูดได้ดีว่า "การรัฐประหารมันไม่ใช่ประตูที่ปิดตาย" เท่านั้น แต่มันเป็นกำแพงที่ไม่มีประตูให้เลือกอีกด้วย

หวังว่าคงทำตามที่พูด แค่นี้ผมก็โอเคแล้ว

ยอมรับจริงๆ ว่าผมก็ไม่ไว้ใจทหารเหมือนกัน ไม่ต้องมาเป็นพวก แต่ยืนอยู่เฉยๆ ป้องกันคนตีกัน และการเผาเมืองก็พอแล้ว

คิดว่าขอแค่นี้ คงไม่ได้มากมายอะไรนัก

เมื่อไม่มีรัฐประหาร และนายกฯสมัคร ไม่ลาออก ฝ่ายพันธมิตรก็ยังไม่ชนะเหมือนเดิม และฝ่ายประชาธิปไตยก็ยังไม่แ้พ้


จาก thaifreenews