นายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการ รมว.มหาดไทย โฆษกกระทรวงมหาดไทย แถลงถึงกรณีที่สหภาพแรงงงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ จะดำเนินการตัดน้ำตัดไฟหน่วยงานราชการนั้น ทาง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย ได้กำชับไปยังผู้ว่าการรัฐวิสาหกิจทั้ง 4 แห่งในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ประกอบด้วย การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การประปานครหลวง (กปน.) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ให้ไปดำเนินการเจรจากับกรรมการสหภาพแรงรัฐวิสาหกิจทั้ง 4 แห่ง ซึ่งได้รับการยืนยันจากผู้ว่าการรัฐวิสาหกิจทั้งหมดดังกล่าวว่า สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจจะไม่ดำเนินการตัดน้ำตัดไฟ หรือผละงาน ขณะเดียวกัน พนักงานรัฐวิสาหกิจทั้ง 4 แห่ง ยังยืนยันด้วยว่าจะไม่ไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ และจะไม่ดำเนินการใดๆ ที่ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ในวันนี้ยังยืนยันว่า 4 สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจดังกล่าวจะไม่กระทำการใดๆ ให้เกิดความเดือนร้อนต่อประชาชน อย่างไรก็ตาม ทางผู้ว่าการรัฐวิสาหกิจดังกล่าวทั้ง 4 แห่งได้มีการเตรียมแผนไว้รองรับหากเกิดกรณีผิดพลาด โดยสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจไม่ทำตามข้อตกลงหากมีการผละงานเกิดขึ้น ได้มีการเตรียมพนักงานของแต่ละรัฐวิสาหกิจ ไปรับช่วงต่อดำเนินการได้ทันทีแล้ว พร้อมกันนี้ขอประชาสัมพันธ์ไปยังพนักงานที่เกษียณไปแล้ว และประสงค์ที่จะช่วยงานราชการ ให้แจ้งความประสงค์ไปยังต้นสังกัดเดิมเพื่อหากกรณีจำเป็นเกิดขึ้นก็สามารถเรียกตัวเข้ามาดำเนินการได้ทันที
“รมว.มหาดไทย ยังได้กำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ให้ประสานงานกับผู้การจังหวัดในการป้องกันไม่ให้เกิดความเดือดรอนร้อนกับประชาชน ผมขอวิงวอนไปยังสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ อย่าดำเนินการใดๆ ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน รัฐวิสาหกิจก็เหมือนเป็นเพื่อนร่วมงานกับรัฐบาล ซึ่งขณะนี้มีการประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินไปแล้ว หากสหภาพฯ ใดดำเนินการก็จะมีความผิด และจะถูกดำเนินการตามกฏหมาย ซึ่งการออกมาเตือนครั้งนี้ เป็นการเจรจาแบบสันติวิธี” นายศุภชัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเจรจากับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจในครั้งนี้ ทางรัฐบาลมีเงื่อนไขพิเศษอะไรหรือไม่ นายศุภชัยตอบว่า ไม่มีเงื่อนไขอะไร มีเพียงเงื่อนไขเดียวคือเพื่อบ้านเมือง
เลขานุการ รมว.มหาดไทย ยังกล่าวถึงสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีด้วยว่า ขณะนี้ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ได้ออกประกาศในทำนองว่า ผู้ที่เข้ามาร่วมชุมนุมแม้จะขัดต่อ พ.ร.ก.ก็จะมีโทษเพียงจำคุก 2 ปีเท่านั้น ซึ่งกรณีดังกล่าวประกาศโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และพล.ต.จำลอง ได้ปลุกระดมในลักษณะเช่นนี้มาโดยตลอด ซึ่งเป็นการพูดความจริง 1 ใน 4 เท่านั้น ไม่ถึงครึ่ง เพราะความจริงการเข้าไปชุมนุมในสถานที่ราชการ นอกจากจะผิดต่อ พ.ร.ก.แล้ว ยังจะผิดในข้อหาบุกรุก และหากมีการฆ่าคนตายก็จะถูกดำเนินคดีฆ่าคนตายด้วย ซึ่ง พล.ต.จำลองเองก็ถูกออกหมายจับในข้อหากบฏ มีโทษถึงประหารชีวิต เมื่อซักว่ากรณีดังกล่าวรัฐบาลจะดำเนินการตัดสัญญาณเอเอสทีวีหรือไม่ นายศุภชัย ตอบว่า การดำเนินการดังกล่วเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้นตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินไปแล้ว
“ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาเพื่อดำเนินคดีต่อนายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอเอสทีวี บุตรชายนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ และแกนนำรุ่น 2 คนอื่นๆ อีกกว่า 30 คนในข้อหากบฏ และบุกรุกสถานที่ราชการด้วย” นายศุภชัยกล่าว