คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ
สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้กำลังงวดเข้ามาทุกระยะ อันเนื่องจากการดำเนินการของกลุ่มพันธมารธิปไตย ที่ไม่ยึดมั่นในตัวบทกฎหมาย ซึ่งเป็นกติกาของสังคม ซึ่งทุกคน ทุกฝ่าย ต้องยึดมั่นและปฏิบัติ
หากคนในชาติไม่ยึดมั่นกฎหมาย ซึ่งเป็นเครื่องมือในการบังคับให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีระเบียบ จะปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่ง “ดื้อแพ่ง” และ ปลุกระดมประชาชนออกมาเป็นเครื่องมือในการผ่านสาขาพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่ง จ้างกันมาหัวละ 200-300-500 บาท โดยใช้สื่อสารทางเดียวของตัวเอง โดยอ้างความเป็นเอกชน คงไม่ถูกต้องนัก
มีการผลิตวาทกรรมทางการเมืองใหม่ นั่นคือ กล่าวร้าย ว่า ปัญหาอยู่ที่คนคนเดียว จึงให้คนคนเดียว ลาออก จะง่ายกว่า ซึ่งเป็นสิ่งโง่เง่าเบาปัญญา เพราะคนคนเดียวที่ว่านี้ มิได้ทำผิดคิดชั่วอะไรแม้แต่นิดเดียว กระทำทุกอย่างถูกต้องตามครรลองของกฎหมายบ้านเมือง!!!
ไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปยอมให้กับวิธีการ กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย อีกต่อไป
เราเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่จะงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในค่ำคืนวันที่ 2 กันยายน 2551 ที่ผ่านมา ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และทำไมจึงจบลงที่การที่คนไทยต้องฆ่ากันเอง
ฝ่ายโจรกบฏ...บุกรุกสถานที่ราชการมาหลายวันโดยไม่มีเหตุผล จะเรียกร้องทำการเมืองใหม่ 70 : 30 คือ เลือกตั้ง 30 ลากตั้ง 70 ซึ่งเป็นทฤษฎีการเมืองล้าหลังที่ไม่มีใครเอาด้วย เพราะคนกลุ่มนี้คุ้นเคยได้ดิบได้ดีกับวิธีการ “ลากตั้ง” จนเคยตัว
ฝ่ายประชาธิปไตย...จะไปปกป้อง ไล่คนบุกรุกสถานที่ราชการ เพื่อ รักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รักษาอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย 63 ล้านคน ซึ่งมีที่มาถูกต้องตามครรลองในระบอบประชาธิปไตย โดยผ่านระบบการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย วันนี้มีคนคิดจะล้มล้าง “อำนาจอธิปไตย” เพียงเพราะฝ่ายตนพ่ายแพ้การเลือกตั้ง จึงทำใจไม่ได้
การเมืองในระบบรัฐสภาไม่สามารถเดินต่อไปได้จริงหรือ หากมีพรรคฝ่ายค้านซึ่งทำตัวเป็นพรรคภาคนิยม กลิ่นสะตอเหม็นหึ่ง ทำงานด้วยการเตะตัดขา เล่นนอกกติกา ไม่ลงพื้นที่ในภาคอีสาน ภาคเหนือ โอ้ประโลมแต่ภาคใต้แล้วจะได้รับชัยชนะเป็นรัฐบาลได้อย่างไร ยังมองไม่เห็น แต่พอแพ้เลือกตั้งกลับไม่ปรับปรุงตัว ต้องการจะประสบความสำเร็จโดยวิธีลัดเป็น “มะม่วงจำบ่ม” แบบนี้บ้านเมืองไม่มีวันสงบ
การเมืองในระบบต้องเล่นกันในระบบ
หากเล่นการเมืองนอกระบบ ใช้วิธีการนอกระบบ ไม่เคารพกฎ กติกา มารยาท สังคมไทยเป็นสังคมแห่งภูมิปัญญา ย่อมจะดูออกว่าอะไรเป็นอะไร
ใครคือฝ่ายผิด ใครคือฝ่ายถูก
ใครทำตามกติกา ใครทำนอกกติกา
ใครต้องการก่อความรุนแรง ใครต้องการรักษาความสงบ สันติ
ใครพกอาวุธปืนมาชุมนุม ใครพกยาเสพติดมาชุมนุม
วันนี้เราอย่าไปหวังพึ่งสื่อกระแสหลักที่ยังจงใจบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอยู่ เพราะ พิธีกร ผู้ประกาศข่าว ต่างปลูกฝังกับกลุ่มป่วนบ้านป่วนมืองรายงานข่าวด้วยความอคติ เข้าข้างฝ่ายกระทำผิดกฎหมายของบ้านเมือง ที่เรียกกันว่า “โจรกบฏ” อย่างหน้าด้านๆ ไม่ละอายในวิชาชีพที่ตนเองต้องปฏิบัติ ทั้งสถานีโทรทัศน์ และสถานีวิทยุ
วันนี้ ฯพณฯ สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ทำถูกต้องแล้วที่ไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ไม่หักหลังประชาชน เพราะท่านไม่ได้ผิดอะไร ฝ่าย “ทุรชน” มากระทำย่ำยีบีฑาบ้านเมือง หวังให้เกิดความปั่นป่วน แล้วจะให้ทหารมาปฏิวัติรัฐประหาร เพื่อพวกพ้องวงศ์วานว่านเครือของตัวเองจะได้เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ดังที่ผ่านมา
เป็น...รัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เป็น...รัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย
เป็น...รัฐบาลที่ประชาชนส่วนใหญ่ตัดสินให้ท่านได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช จะตัดสินใจอย่างไร ในฐานะประชาชนตามวิถีทางประชาธิปไตยต้องเคารพดุลพินิจของท่าน แต่อยากให้ท่านนึกถึงพรที่ได้รับประทานจากฟ้า...“ขอให้เข้มแข็ง อดทน อย่าหวั่นไหว”