คอลัมน์ : คิดในมุมกลับ
ดึกดื่นคืนหนึ่ง ขณะที่แทบทุกบ้านในประเทศนี้คงกำลังนั่งติดขอบจอ เฝ้าดูสถานการณ์กลางกรุงอย่างใจจดใจจ่อ ฉันได้เห็นน้ำตาลูกผู้ชายของเพื่อนคนหนึ่งที่นั่งตามข่าวอยู่ด้วยกัน คืนนั้นนอกจากโทรศัพท์และโทรทัศน์ ในอินเตอร์เน็ตก็ยังคุย “เอ็มเอสเอ็น” กันยกใหญ่
ทุกคนตกใจและกังวลใจกับสถานการณ์คืนนั้น ช่วงเย็นที่เหตุการณ์ยังปกติ เราหลายคนนัดกันว่าจะไปวันพรุ่งนี้ (คือวันอังคาร) ตั้งใจจะไปดูทั้งสองฝ่ายอย่างไม่คิดจะสอดแนมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ไปร่วมในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่อยากรับฟังเหตุผล และอยากเห็นทุกคนทุกฝ่าย “หันหน้าเข้าหากัน” (ประโยคที่ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่ารูปธรรมของการหันหน้าเข้าหากันมันเป็นยังไง (วะ))
ฉันกับเพื่อนมักได้เข้าร่วมการชุมนุมต่างๆ กันบ่อยๆ ไม่ใช่เพราะพวกเรานิยมความแตกแยกขัดแย้ง หากแต่มันเป็นสิ่งสะท้อนพัฒนาการการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนอย่างเราๆ จะถูกจะผิดอย่างไรไว้ว่ากันทีหลัง แต่ในระดับสำนึกการมีส่วนร่วมมันสะท้อนผ่านม็อบได้…ฉันว่าอย่างนั้นนะ จะผิดหรือถูกทฤษฎีก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าทุกครั้งที่เราไปร่วมการชุมนุม เราก็จะได้ทึ่งระคนตื้นตันเสมอที่ได้เห็นภาพ “พลังบริสุทธิ์” ตั้งแต่เด็กยันคนชรา เห็นความกระตือรือร้น เห็นโรงเรียนการเมืองขนาดใหญ่กว่ามหาวิทยาลัย และเห็นน้ำใจของคนไทยด้วยกัน เช่น ชักชวนนั่งเสื่อผืนเดียวกัน เป็นต้น
ฉันกล้าพูดได้ว่าในทุกๆ ม็อบมีพลังบริสุทธิ์ และฉันนับถือหัวใจของคนพวกนั้น แม้ว่าจะคิดไม่ตรงกันไปเสียทุกอย่างก็ตามที ใครบางคนอาจเลือกโฟกัสไปที่ม็อบรับจ้าง แต่ฉันไม่สนใจ…จะมัวจับผิดไปทำไมหากยังมีคนอีกตั้งมากมายที่เขามาด้วยความเชื่อ ศรัทธา และความคิดมุ่งหวังปรารถนาดีส่วนตัวจริงๆ
เท่าที่เห็น ฉันว่าแกนนำม็อบ (บางคน) ควรเลิกอ้างว่า “เราไม่ต้องการทอดทิ้งมวลชน” ในการทำอะไรสุดโต่งหรือดันทุรังอีกแล้ว เพราะในทางกลับกัน ฉันว่าแกนนำต่างหากที่มีความปลอดภัยอย่างยิ่ง มีทั้งบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลัง และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองคุ้มกันให้ห่างๆ (เพราะถ้าแกนนำเป็นอะไรไป รัฐก็กลายเป็นจำเลยทันที) ต่างจากมวลชนที่ยืนบนพื้นดิน อยู่แนวหน้า เจออะไรก็เจอก่อน ในแง่นี้มวลชนต่างหากที่ควรตะโกนว่า “เราจะไม่ทิ้งคุณ (แกนนำ)” หรือไม่ก็แกนนำนั่นแหละที่ต้องตะโกน “มวลชนอย่าทิ้งเรา…”
ที่ผ่านมาเห็นแต่ภาพผู้หญิง เด็ก คนชรา นั่งล้อมหน้าล้อมหลังเป็นกำแพงมนุษย์เพื่อปกป้องแกนนำของเขาอย่างเปี่ยมไปด้วยความรักและศรัทธา ฝากถามแกนนำด้วยว่า ได้เคยจริงใจกับมวลชนของคุณหรือเปล่า เอาแค่ปราศรัยด้วยความจริงครึ่งหนึ่งของทั้งหมดที่พูดมาก็ยังดี
ปฏิญา ยอดเมฆ