WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, September 3, 2008

“ฉุกเฉิน” เพื่อ “สมานฉันท์”


คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์

การปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ(นปก.) จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย

กระทั่งเป็นเหตุให้รัฐบาลประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) สถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่รัฐบาลต้องทำงานหนัก เพราะภาพลักษณ์ประเทศชาติเสียหายย่อยยับ

ซึ่งหากปล่อยให้ยึดเยื้อ แกนนำพันธมารไม่ยอมมอบตัวกับตำรวจ และม็อบไม่ถอยออกมาจากทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญ ถือเป็นหน้าตาของประเทศ

ก็จะทำให้เมืองไทยดูแย่ลงไปอีก และถ้าทหารออกมาวุ่นวายก็จะทำให้เมืองไทยกลายเป็นประเทศด้อยพัฒนา

การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้มีนักวิชาการออกมาเห็นด้วยมากมายว่าเป็นเรื่องที่สมควรทำ

นายอุดม งามเมืองสกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ ระบุว่า เนื่องจากสถานการณ์ค่อนข้าง “ตรึงเครียด” จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น

แม้ว่าการออกพระราชกำหนดจะกระทบกับ “ภาพลักษณ์” ของประเทศ ซึ่งหากมีทหารเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งต่างประเทศถือเป็นเรื่องใหญ่

อย่างไรก็ตามไม่อยากให้ประชาชนเกิดความตระหนก เพราะแม้รัฐบาลจะให้อำนาจผู้บัญชาการทหารบก

แต่ไม่ได้หมายถึงการใช้ความรุนแรงควบคุมสถานการณ์ เพียงแต่จะเป็นการใช้กฎหมาย ซึ่งชัดเจนมากขึ้น เช่น การห้ามชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป

ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าประชาชนจะอยู่กันเกิน 5 คนไม่ได้

และสื่อมวลชนก็ไม่ต้องกังวล เพียงแค่ต้องระมัดระวังในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารมากขึ้น

แต่ไม่ได้ห้ามเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร

อย่างไรก็ตาม แม้การออกประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงและจะไม่ส่งผลดีต่อระบอบประชาธิปไตย

แต่เราต้องยอมรับว่า ในขณะนี้พันธมารกำลังก่อความวุ่นวายอย่างไม่เกรงกลัวกฏหมาย

พันธมารไม่ยอมเจรจา และ ปฏิบัติตามกฏหมาย ทำให้สถานการณ์เมืองไทยยิ่งตรึงเครียด

เท่านั้นยังไม่พอ พันธมารยังบีบบังคับให้รัฐบาลต้องลาออก

การชูประเด็นให้รัฐบาลลาออก ทำให้ประชาชนผู้ฝักใฝ่ประชาธิปไตยรับไม่ได้

จึงทำให้เห็นแนวร่วมประชาธิปไตยออกมาร่วมตัวกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะยิ่งทำให้สถานการณ์กำลังจะบานปลายไปใหญ่

อีกทั้งกลุ่มพันธมารกำลังเหิมเกริม ขู่ปิดสนามบิน รถไฟ หยุดเดินรถ และการประกาศว่าจะมีการตัดน้ำตัดไฟ

การกระทำที่ไม่เกรงกลัวกฏหมายครั้งนี้จะทำให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้รับความเดือนร้อน

ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และทำให้เศรษฐกิจทรุดไปด้วย !

ดังนั้นหลายฝ่ายจึงเชื่อว่าการที่รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินจะทำให้สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น และจะทำให้เหตุการณ์ความวุ่นวายยุติลงโดยเร็ว

ทั้งหมดเป็นไปตามแนวทางความสมานฉันท์ ซึ่งรัฐบาลได้ปรารถนามาโดยตลอด เพราะไม่อยากให้คนไทยทะเลาะกัน

เพราะถ้าทุกฝ่ายมีความรักและความสมานฉันท์กัน

ปัญหาต่างๆ ที่จะนำไปสู่ “ความสูญเสีย”

อย่างเช่น การปะทะกัน การทำสงครามกันก็คงไม่เกิดขึ้น !

บิ๊กโบ๊ต