WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, September 1, 2008

นาทีชีวิต“สปาร์ต้าจี้คอ” นักรบใบกระท่อม’ ยึด NBTถ่อย! มีดจี้คอ ‘สุคนธ์ ชัยอารีย์’

คอลัมน์ : Cover story

“สุคนธ์ ชัยอารีย์” นักจัดรายการวิทยุคลื่น 97.0 เมกะเฮิร์ตซ์ เผยนาทีต่อนาทีที่ถูก “นักรบใบกระท่อม” พกอาวุธขึ้นไปบุกถึงห้องจัดรายการ แล้วใช้มีดจี้คอขณะปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชน สั่งงดการกระจายเสียง แม้จะแหลงใต้...พันพรือ!!! ยังไม่ยอม แถมโทร.รายงานว่ายึดสถานีได้สำเร็จ ชนะแล้ว!!! เจอตำรวจล้อมจับแล้วจึงวิ่งหนีกันอุตลุด ก่อนถูกรวบพาตัวเข้าคุก เรียกร้องให้รัฐบาลใช้ความเด็ดขาดในการจัดการ “พันธมารธิปไตย” ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองไม่มีวันสงบสุข

***ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่า คุณสุคนธ์ ชัยอารีย์ เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่กลุ่มพันธมิตรฯ บุกเข้าสถานีวิทยุสถานีโทรทัศน์ NBT แล้วถูกเอามีดจี้ อยากให้เล่าเหตุการณ์ ณ เวลานั้นให้ฟัง
ผมเริ่มจัดรายการที่คลื่นเอฟเอ็ม 97 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมานี้เอง ชื่อรายการ “คุยข่าว 97.0” ดำเนินการตั้งแต่ตี 5 ถึง 7 โมงเช้า เป็นรายการเปิดสายพูดคุยข่าวสารตามปกติ จนมาถึงเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2551 มีคนในพันธมิตรฯ โทรศัพท์มาบอกผมว่า พี่ๆ พรุ่งนี้ไม่ต้องไปจัดรายการที่สถานีวิทยุแห่งประเทศไทย คลื่น 97.0 นะ เขาบอกว่า ระวังนะพี่ พรุ่งนี้อาจจะมีปฏิวัติก็ได้ จะมีเรื่องแล้ว พี่อาจจะโดนไปกับเขาด้วย ระวังตัวนะ ผมบอกกับเขาไปว่า ผมไม่กลัวอะไรแล้วล่ะ อายุขนาดนี้แล้วจะไปกลัวอะไรอีก ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณมาก จากนั้นก็มีอีกคนโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นอย่างนี้ ให้ระวัง

เสร็จแล้วประมาณตี 4 ตื่นแล้วออกไปจัดรายการที่สถานีตามปกติ เจอตำรวจเดินขึ้นอาคารของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เข้าไปจัดรายการตามปกติ พูดกับท่านผู้ฟังว่า วันนี้อาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ พอถึงเบรกที่ 2 ประมาณตี 5 ครึ่ง กำลังอ่านข่าวท่านนายกฯ สมัคร พูดถึงพันธมิตรฯ จู่ๆ มีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 4-5 คน กรูกันเข้ามา สั่งให้ปิดโน่นปิดนี่ ทุกคนพูดภาษาใต้ บอกให้หยุดออกอากาศทันที ผมถามกลับไปว่าเป็นใคร มาทำอะไรกัน เขาตอบกลับมาว่าไม่ต้องถาม ออกไป ออกไป จากนั้นเอามีดสปาร์ต้าออกมาจี้ แต่ละคนปิดหน้าปิดตา ดูแล้วเหมือนโจรเข้ามาปล้น

พวกมันเดินเข้าไปค้นทุกห้อง ทุกชั้น เดินกันมั่วไปหมด พอผมออกมาคุยกับพวกมันเป็นภาษาใต้ บอกว่ามีอะไรค่อยๆ คุยกัน เราคนใต้เหมือนกัน มีอะไรคุยกันได้ มันบอกว่า “คนใต้ขายชาติ” ผมตอบกลับไปว่า อ้าว...ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ หมายความว่าอย่างไรขายชาติ ผมตอบกลับไปว่าผมมาทำหน้าที่สื่อสารมวลชน มันบอกอีกว่าทำงานรับใช้ทักษิณ ผมตอบไปว่าผมไม่ได้ทำงานรับใช้ใคร ผมทำงานตามหน้าที่ จากนั้นอีกคนหนึ่งเข้ามาบอกว่าไม่ต้องทะเลาะกัน บังคับให้ผมเดินเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่ง ล็อกห้องเอาไว้ หวังเอาเป็นตัวประกัน ตลอดเวลาที่ปฏิบัติการมีคนโทร.เข้ามาหาพวกมันตลอดเวลา มันตะโกนบอกกันว่า “ชนะแล้ว” ยึดได้แล้ว

พอดีตอนนั้นกำลังตำรวจเข้ามา ผมบอกมันว่าตำรวจมาแล้ว พวกมันรีบออกไปดันประตูไว้ พวกมันไปล็อกประตูไว้ไม่ให้ตำรวจเข้ามา ตำรวจสั่งให้เปิดเดี๋ยวนี้ กลุ่มคนพวกนั้นสับสนไม่รู้ว่าจะทำอะไร วิ่งพล่านไปหมดเลย จะวิ่งออกข้างหน้าไปไหนไม่ได้ เพราะว่าไม่รู้ทางตำรวจประมาณ 10 นาย สามารถเข้ามาได้ แล้วล็อกคอจับกุมกลุ่มคนที่เข้ามายึดได้อาวุธครบมือเพียบ มีทั้งมีดสปาร์ต้า กระบอง ใบกระท่อม

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจับกุมได้ มีกลุ่มคนที่มาบุกยึดได้ปลอมตัวเป็นช่างภาพเพื่อหลบหนีการจับกุม แต่ผมจำหน้าได้ เลยบอกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปจับกุมด้วย หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมคนที่เข้ามายึดสถานีแล้ว ผมเข้าไปจัดรายการต่อประมาณ 6 โมงเช้า มีประชาชนโทร.เข้ามาเป็นจำนวนมาก ผมบอกไปตามตรงว่า ตอนนี้ผมถูกควบคุมตัวอยู่ มีคนเป็นห่วงเป็นจำนวนมาก และให้กำลังใจ มีแต่คนด่าคนกลุ่มนี้ ตอนนี้ประเทศบอบช้ำมากพอแล้ว

***สถานการณ์ตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้างครับ หลังจากที่มีการบุกเข้ามาในสถานีแล้ว มีการดำเนินการอย่างไรจากเจ้าหน้าที่บ้าง
สถานการณ์เริ่มตึงเครียด ทำให้ผมมองว่าประสิทธิภาพการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีเลย ใช้ไม่ได้ แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทางสถานี 3-4 นาย ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ เราเองไปจัดรายการ ก่อนจะขึ้นไปห้องส่งเขายังถามเลย แล้วนี่หน้าเหมือนโจรทั้งนั้น มีผ้าคลุมหน้า ปล่อยขึ้นมาได้อย่างไร ตำรวจล้มเหลวในการทำงาน บอกตรงๆ ทุกฝ่าย ตำรวจเล่นละคร ตอนที่มีการพังประตูเข้าไปอีกครั้งหนึ่ง ตำรวจปล่อยให้เขาเข้ามาเฉย แล้วอย่างนี้คนที่นั่งอยู่ข้างในจะทำอย่างไร

ตอนที่ผมจัดรายการ ได้พูดคุยกับพี่น้องประชาชนว่าให้ทำใจ เพราะว่าตอนนี้สถานการณ์วุ่นวายไปหมด เราต้องรักษาความปลอดภัยของเรา เราไม่เชื่อว่าตำรวจจะคุ้มครองเราได้ เพราะเราเห็นกับตาแล้ว

***คนที่บุกเข้ามาใช่พันธมิตรฯ หรือเปล่า และมีการพกพาอาวุธ ยาเสพติด เข้ามาจริงหรือไม่
จะไม่ใช่ได้อย่างไร ติดป้าย “นักรบศรีวิชัย” ทั้งนั้น เท่าที่ผมฟังสำเนียงดูเป็นคนสุราษฎร์ธานี กับคนนครศรีธรรมราช และมีอาการเมาใบกระท่อมอย่างเห็นได้ชัด พวกนี้เวลาเสพเข้าไปแล้วจิตใจมันจะฮึกเหิม แต่ถ้าเจอฝนตายเลย เจอแดดยิ่งคึกใหญ่ และการที่แกนนำพันธมิตรฯ ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่พวกเขา แล้ว พล.ต.จำลอง (พล.ต.จำลอง ศรีเมือง) จะมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวทำไมถ้าไม่ใช่คนของพันธมิตรฯ แต่ละคนมีอาวุธครบมือ ปิดหน้าคลุมผ้าขนาดนั้นทุกอย่าง อย่ามาโกหกตอแหลกันจะดีกว่า แล้วผมรู้ด้วยว่าเด็กปักษ์ใต้พวกนี้มาจากไหน จ้างมาจากพวก ส.ส. สอบตกก็มี อย่าต้องให้ผมเอ่ยชื่อเลย

พวกที่มาเป็นแกนนำนั่นแหละหนุนหลังร้อยเปอร์เซ็นต์ คนพวกนี้หาไม่ยากหรอก หน้าราม (มหาวิทยาลัยรามคำแหง) เยอะแยะ พวกที่ยังเรียนไม่จบ พวกนี้ไม่ได้มาด้วยอุดมการณ์นะ เป็นเพียงแค่ทางผ่าน เป็นการท้าทายเท่านั้นเอง ตรงนี้กลายเป็นจุดสำคัญที่พรรคการเมืองใช้คนกลุ่มนี้เป็นหัวคะแนนบ้าง อะไรบ้าง ออกมาเคลื่อนไหวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

***การที่พันธมิตรฯ บุกเข้ามาปิดสถานีโทรทัศน์ NBT ในฐานะสื่อสารมวลชนคนหนึ่ง มองว่ามันเป็นการคุกคามสื่อหรือไม่
การที่เขาบุกเข้ามา ผมไม่ได้มองว่าเป็นการบุกรุกสื่อนะ ผมมองว่ามันเป็น “โจร” มาปล้นผม เกินกว่า 3 คนที่เข้ามาอย่างนี้เรียกปล้นหรือเปล่า แล้วมีคนเข้ามาแย่งโทรศัพท์น้องผู้หญิงคนหนึ่ง แต่น้องเขาไม่ยอมก็ตามมาเอาจนได้ ส่วนเรื่องที่การเข้ายึดสถานที่ราชการนั้น ผมมองว่ารัฐบาลขาดประสิทธิภาพ อย่าไปมองว่าเป็นกบฏ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องเป็นผู้คุ้มครอง เราจะไปกล่าวหาไม่ได้ แต่วิธีที่เขาปฏิบัติไม่มีใครเขาทำกัน อย่างนี้เขาเรียกว่า “กองโจร” มันไม่ใช่ธรรมดา เพราะการเข้ายึดสถานที่ราชการมันผิดไม่รู้กี่ข้อหา ทำไมตำรวจไม่ทำอะไร รัฐบาลเฉยจนเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นมา เราต้องถามว่าทำไม

ผมศรัทธาท่านนายกฯ แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ผมมองว่าไม่น่าเชื่อถือแล้วว่าผมจะอยู่อย่างปลอดภัย ทางรัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีแผนในการรองรับในเรื่องดังกล่าว ไม่มีความน่าเชื่อถือ ที่ผมทำอาชีพเป็นนักข่าวมาในช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ผมเสี่ยงมาเยอะ ตอนที่ผมเป็นนักข่าวของสยามรัฐ ตอนนั้นเรียกว่ากลุ่มนักศึกษารุ่นนั้นได้มาฝึกงานกับเรา พวกท่าน ดร.ชลิต รู้จักกัน เป็นความรู้สึกร่วมของคนทั้งประเทศ มันแตกต่างกัน เรามองศัตรูข้างหน้าที่ถืออาวุธซึ่งคือทหาร ที่เรามองว่าเป็นเผด็จการ

ช่วง 6 ตุลาคม 2519 เหมือนกันในช่วงของระบอบเผด็จการ เป็นช่วงที่เรารู้สึกหดหู่ แต่เราเป็นนักข่าวมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเป็นนักข่าวต้องการรู้รายละเอียดให้ลึก ให้มาก ในชีวิตของผมที่เป็นนักข่าวโดนปล้นมาแล้วที่ถนนปักษ์ใต้ทั้งสาย ผมไม่เชื่อ อยากรู้ว่าปล้นจริงหรือเปล่า นั่งรถทัวร์ไปโดนปล้นจริงๆ เอาปืนเรานั่นแหละมาชี้ แล้วเอาทรัพย์เราไป ตอนนั้นผมเป็นนักข่าวและช่างภาพระดับรองหัวหน้าข่าวที่ นสพ.เดลินิวส์ พูดถึงความเสี่ยงนั้นในขบวนการนักศึกษาในช่วงนั้นมีอำนาจมาก นายธีรยุทธ บุญมี เขาใหญ่มาก ทำให้ประชาชนไม่ชอบ และรู้สึกไม่ดีกับกลุ่มนักศึกษา

มีช่วงหนึ่งที่ผมแทบจะไม่มีแผ่นดินอยู่ เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ เผาศาลากลางจังหวัด หาว่าร่วมมือกับสุรชัย (นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) วางกับระเบิด เป็นเรื่องที่โกหกทั้งนั้น ว่าพี่น้องผมที่สุราษฎร์ธานีเป็นคอมมิวนิสต์หมด เป็นเรื่องที่ผมยังจำไม่เคยลืม

***หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว มองว่าประเทศไทยจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ไป
ผมมองว่าสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้คงจะสงบได้ยาก เพราะว่าตอนนี้ไม่รู้ว่าใครที่มีอำนาจในบ้านเมือง เป็นท่านนายกฯ ผบ.เหล่าทัพ หรือเปล่า อยู่ที่ใคร อยู่ที่ สนธิ ลิ้มทองกุล หรือ ตอนนี้เขาทำอะไรก็ได้ น่ากลัวนะ เขาปลุกอะไรก็ขึ้น เพราะอะไรรู้ไหม เพราะประชาชนไม่มีใครที่เป็นนักต่อสู้ที่แท้จริง ขี้ขลาดทั้งนั้น ใจไม่ถึง พวกนี้ก็เหิมเกริม มันรู้จุดอ่อนของรัฐบาล ประชาชนตอนนี้อ่อนแอ ใครพูดอะไรก็เชื่อ ให้ทำอะไรก็ทำ เป็นบรรยากาศที่ไม่ดี เพราะคนที่มีการศึกษาสูงที่เข้ามามีบทบาทขาดความเป็นไทย เด็กรุ่นใหม่ ปลูกฝัง พูดไม่รู้เรื่อง อุดมการณ์ไม่มี ผมว่ามันต้องเห็นเลือด

***ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มีการนำเสนอไปทั่วโลก จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศมากน้อยแค่ไหน
เหตุการณ์ในวันนี้เราอย่าไปมองเลยว่าต่างชาติเขาจะคิดอย่างไร หรือรู้สึกอย่างไร เพราะว่าวัฒนธรรมมันต่างกัน แต่เราคนไทยมองผมว่ามันเศร้ามาก ไม่ไหวแล้ว มันกำลังเข้าสู่กลียุคแล้ว อีกนิดเดียวถ้าหากว่ารัฐบาลยังนิ่งเฉยและอ่อนแอ ถ้าเราดูในมาตรา 28 ในเรื่องของอำนาจหน้าที่ในการปราบปราม ตำรวจต้องได้รับคำสั่ง ตำรวจกลัวตายกันหมด นายไม่สั่ง...ไม่ทำ นายคือใคร คือนายกฯ ลองสั่งดูสิว่าจะทำไหม เวลาไปหากินกันไม่เห็นมีใครสั่ง ทำไมทำได้ ต้องเอากันหนักหน่อย เพราะว่าเราไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว ให้เราไปพึ่งเทวดาหรือ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง แต่เป็นความโหดร้ายของจิตใจมนุษย์ เพราะถ้าเหตุการณ์รุนแรงต้องมีการเผาบ้านเผาเมืองแล้ว พวกนี้มีความคิดที่ชั่วร้าย เอาพระราชดำรัสของพระองค์ท่านมาแปลงเป็นความรู้สึกความคิดของตนเอง ในรุ่นของผมไม่มีการทำอย่างนี้หรอก มันทำไม่ได้

การเกิดขึ้นที่เป็นอยู่ไม่ใช่เป็นการกระทำที่มาจากความรู้สึกนึกคิด แต่เป็นในเรื่องของการปลุกระดม คนนั้นพูดก็เชื่อ ต่างคนต่างเชื่อก็มาทะเลาะกัน แบบนี้อันตราย

***ในฐานะที่เป็นสื่อมวลชน และผ่านการปฏิวัติมาหลายครั้ง ครั้งนี้มองว่าจุดแตกหักถึงขั้นที่ทหารต้องออกมายึดอำนาจไหม

ผมมองว่าสถานการณ์ในตอนนี้ประเมินว่าถ้าไม่มีการปฏิวัติก็ประกาศภาวะฉุกเฉิน ภายในวันนี้ถ้ารัฐบาล หรือนายกฯ ยังแก้ปัญหาไม่ได้ สมควรลาออกแล้วยกสมบัติให้ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ไปให้หมด ให้เขามาปกครองบ้านเมือง

"ผมโดนเต็มๆ มี 3 หมัด”
นาทีชีวิต “กิตติ สิงหาปัด” ผ่าดงม็อบ!!! คำต่อคำจากผู้ดำเนินรายการข่าวสามมิติ ที่ออกอากาศทางช่อง 3 เผยนาทีชีวิตกับเสี้ยววินาทีผ่าดงมอบพันธมิตรฯ "ผมโดนเต็มๆ มี 3 หมัด ไม่ได้เจ็บมาก เพราะการ์ดกันอยู่"

ทุกวันอังคารจะไม่มีรายการ "ข่าวสามมิติ" จึงไม่ต้องเตรียมตัวประชุมข่าว ทำให้มีเวลาว่าง และเห็นข่าวพันธมิตรฯ บุกเข้าไปยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที จึงแต่งตัวออกจากบ้านไปสังเกตการณ์ เพราะบ้านอยู่ไม่ไกลกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีมากนัก

ระหว่างที่ดูอยู่นั้น มีผู้หญิง 2-3 คนในม็อบจำผมได้ ก็มาขอจับไม้จับมือ คล้องแขน และขอถ่ายรูป คนอื่นๆ เห็นก็มาขอถ่ายรูปด้วย วงเริ่มกว้างขึ้น จาก 2-3 คน กลายเป็น 7-8 คน คนที่อยู่ข้างนอกคงสงสัยว่าวงที่เรากำลังถ่ายรูปกันนั้นมีอะไรเกิดขึ้น อาจจะคิดว่ามีใครเข้ามาป่วนในม็อบ เพราะวงใหญ่เขาเริ่มส่งเสียงโห่แล้วหันมาทางเรา ตอนนั้นการ์ดของพันธมิตรฯ คงจะเห็นท่าไม่ดี เลยคล้องแขนกันเข้ามากันเราออกไป ยิ่งทำให้คนในม็อบคิดว่าการ์ดจะทำร้ายเรา เขาเลยกรูเข้ามา มีหลายคนพยายามต่อยผ่านวงล้อมของการ์ด โดนบ้างไม่โดนบ้าง แต่ที่โดนเต็มๆ มี 3 หมัด ไม่ได้เจ็บมาก เพราะการ์ดกันอยู่

ผมพยายามตะโกนบอก "ปอง" (น.ส.อัญชลี ไพรีลักษณ์) ที่อยู่บนเวทีว่า อย่าทำอะไรผม ปองก็พยายามตะโกนห้าม แต่ห้ามไม่ได้ เพราะนาทีนั้นไม่มีใครฟังใครแล้ว พอดีพี่คนหนึ่งในพันธมิตรฯ เรียกรถแท็กซี่ให้ ผมเลยรีบขึ้นรถทันที แต่ยังมีบางคนที่ไม่เข้าใจกรูกันเข้ามาทุบรถจนกระจกรถข้างซ้ายแตก แต่รถก็ขับนำผมออกมาจากพื้นที่ตรงนั้นได้อย่างปลอดภัย

ผมจำหน้าคนชกไม่ได้ เพราะชุลมุนวุ่นวายไปหมด ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ในชีวิตการทำข่าว

“เขาโห่ไล่ ด่าว่าขายชาติ”
น.ส.ตวงพร อัศววิไล ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เปิดเผยนาทีวิกฤติที่สุดในชีวิติการทำหน้าที่สื่อมวลชน ท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวว่าเป็น “นักรบศรีวิชัย”

ทราบข่าวตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันที่ 26 สิงหาคม ว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้ามาที่สถานี จึงรีบออกจากบ้านไปสถานี แต่ไม่สามารถเข้าทางประตูหน้าได้ ต้องมุดป่าเข้าไป พอก่อน 07.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเคลียร์สถานการณ์ไว้ คือกลุ่มที่บุกเข้ามาพร้อมอาวุธปืน ใบกระท่อม พอมาถึงเราเห็นเหมือนกัน ก็เตรียมการออกข่าวปกติถึง 08.00 น. เตรียมตัวเข้าไปแต่งหน้ารายงานข่าวเกาะติดสถานการณ์

พอถึงตอนนั้นเหตุการณ์ตึงเครียดมาก เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ มาปิดทางเข้าออกที่สถานี มีแกนนำมาคือ นายอมร อมรรัตนานนท์ ทางด้านหน้า และ นายวัชระ เพชรทอง ปิดทางออกด้านหลัง และปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงโจมตีสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีว่า จะบุกเข้ามาสถานีเมื่อพร้อม นอกจากนี้ยังพูดกันว่าจะมาต่อเชื่อมสัญญาณเอเอสทีวีออกอากาศ

ทางตำรวจนำกำลังมาเพื่อรักษาความปลอดภัย พอเวลา 08.30 น. ทางกลุ่มพันธมิตรฯ บุกเข้ามา ด้าน คุณสุริยงค์ หุณฑสาร ผู้อำนวยการเอ็นบีที ได้ออกมาบอกให้พนักงานทุกคนออกอากาศจนนาทีสุดท้าย

แต่ไม่นานนักมีการตัดไฟทั้งตึก เป็นเหตุให้เอ็นบีทีจอมืดไปช่วงหนึ่ง ต่อมามีกลุ่มชายฉกรรจ์ปิดหน้าปิดตาทุบกระจกเข้ามา ตำรวจให้ช่างภาพสถานีถ่ายไว้เป็นหลักฐาน ดิฉันอยู่ตรงห้องแต่งหน้า มีกลุ่มพันธมิตรฯ เข้ามา มีการโห่ไล่ ด่าว่าขายชาติ แต่ยังดีที่เจ้าหน้าที่พันธมิตรฯ ที่เปิดเผยหน้าตา ช่วยกันคนออกไป แล้วพาไปอยู่กับตำรวจ

พอไปถึงก็ถูกล้อมกรอบโดยกลุ่มพันธมิตรฯ ที่อยู่ด้านหลัง โดนขว้างปาด้วยขวดน้ำ และโดนน้ำสาด ดีที่ นายวัชระ เพชรทอง ออกมาทำความเข้าใจว่าเราเป็นสื่อมวลชน เราทำหน้าที่ของเรา แล้วเป็นคนไทยด้วยกัน ต้องขอบคุณตรงนี้มากๆ ดิฉันต้องปีนรั้วออกไปเพราะออกทางประตูหลังไม่ได้ จากเหตุการณ์นี้มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย คือ นายดุสิต ชมทา ช่างภาพเอ็นบีทีซึ่งถูกดึงลงมาจากกำแพงขณะถ่ายภาพจากมุมสูง

หลังจากนั้น ไปออกอากาศรายงานสถานการณ์ร่วมกับ คุณจิรายุ ห่วงทรัพย์ จากสถานที่ออกอากาศชั่วคราว แต่ออกได้ประมาณ 45 นาที ก็ได้รับรายงานข่าวว่ากลุ่มพันธมิตรฯ กำลังเดินทางมาปิดล้อม จึงถอนตัวออกไปเพราะไม่อยากให้เจ้าของสถานที่ได้รับความเดือดร้อน

เผยรายชื่อ “นักรบใบกระท่อม” บุก NBT
เผยรายชื่อผู้ต้องหา 85 ราย ตามรายงานตามบันทึกการจับกุมของกองบังคับการตำรวจตะเวนชายแดนภาค 1 ต.คลองเจ้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ที่ใช้กำลังอาวุธเข้าบุกยึกสถานีโทรทัศน์ NBT ถูกตั้งข้อกล่าวหาฐานร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยมีอาวุธ ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง

โดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่เหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ โดยมีพฤติกรรมในการจับกุม คือ ตามวันเวลาที่เกิดเหตุผู้ต้องหาตามรายชื่อดังกล่าวข้างต้นได้ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในสถานีวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) และข่มขืนใจเจ้าหน้าที่ของสถานีให้หยุดทำงาน ให้หยุดการส่งสัญญาณการออกรายการทางสถานี และให้ออกไปจากสถานที่ดังกล่าว ประกอบไปด้วย
1.นายธเนศร์ คำชุม อายุ 43 ปี
2.นายชนินทร์ อินทร์พรหม อายุ 42 ปี
3.นายสุธรรม จันทวงศ์ อายุ 39 ปี
4.นายสัญญา สุขเกื้อ อายุ 22 ปี
5.นายจำแลง คุ้มสังข์ อายุ 46 ปี
6.นายปัญญาเดช เอกภาณุพัตร์ อายุ 53 ปี
7.นายมนตรี แซ่ลิ้ม อายุ 37 ปี
8.นายสมถวิล แซ่เอี้ย อายุ 46 ปี
9.นายวุฒิชัย ช่วยบุญชู อยุ 35 ปี
10.นายมนัส สีสายหูด อายุ 24 ปี
11.นายยุทธนา โอชาพงศ์ อายุ 23 ปี
12.นายธนพัฒน์ วิไลภรณ์ อายุ 32 ปี
13.นายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ อายุ 36 ปี
14.นายนัสเซอร์ ยีหมะ อายุ 35 ปี
15.นายสุรชัย สุทธิวรานนท์ อายุ 40 ปี
16.นายชัชวาล จันชนะพล อายุ 23 ปี
17.นายวรานนท์ สุวรรณชาตรี อายุ 15 ปี
18.นายสัมพันธ์ อ่อนช่วย อายุ 27 ปี
19.นายสหัส ทองวิจิตร อายุ 32 ปี
20.นายบัญชา ศรีบรรจง อายุ 25 ปี
21.นายเฉลิม โลกภิบาล อายุ 31 ปี
22.นายวิชาญ หยะอัด อายุ 41 ปี
23นายทรงวุฒิ จุลษร อายุ 34 ปี
24.นายกิติกร ขุนศรี อายุ 27 ปี
25.นายเมธี อู่ทอง อายุ 24 ปี
26.นายธีรพร ชูเมือง อายุ 29 ปี
27.นายสมเกียรติ รัตนพันธ์ อายุ 37 ปี
28.นายนภดล เอี่ยมอุดม อายุ 27 ปี
29.นายศุภชัย สมทอง อายุ 20 ปี
30.นายบุญฤทธิ์ เชิญทอง อายุ 30 ปี
31.นายคฑาวุธ ชูศรี อายุ 19 ปี
32.นายจิรวัฒน์ คงหนู อายุ 33 ปี
33.นายพิเชษฐ์ ด้วงช่วย อายุ 36 ปี
34.นายวิเชียร เขียวเล็ก อายุ 44 ปี
35.นายสุรินทร์ แก้วหัวไทร อายุ 34 ปี
36.น.ส.อนัญชญา เพ็ญพลกรัง อายุ 20 ปี
37.นายวิธวัช สืบกระพันธ์ อายุ 17 ปี
38.นายสุรสิทธ์ แย้มประชา อายุ 20 ปี
39.นายประเสริฐ ด้วงทิพย์ อายุ 57 ปี
40.นายดำรงศักดิ์ จันทพันธ์ อายุ 32 ปี
41.นายจรัส วีระพันธ์ อายุ 32 ปี
42.นายอำนวย เพชรเส้ง อายุ 42 ปี
43.นายจรัญ หนูสังข์ อายุ 36 ปี
44.นายมานิต อรรถรัฐ อายุ 28 ปี
45.นายสมโชค จันทร์แก้ว อายุ 32 ปี
46.นายประสงค์ ตรัยรัตน์ อายุ 38 ปี
47.น.ส.แก้วกาญ แพสุวรรณ์ อายุ 25 ปี
48.นายกฤษฏา มณีพรหม อายุ 46 ปี
49.นายศตวรรษ จอนทอง อายุ 18 ปีเศษ
50.นายอัมรินทร์ ยี่เฮง อายุ 24 ปี
51.นายสุรเดช วราภรณ์ อายุ 55 ปี
52.นายสาโรจน์ ดุลยคง อายุ 50 ปี
53.นายพิชัย ทองนวล อายุ 36 ปี
54.นายปราโมทย์ พุทธขาว อายุ 36 ปี
55.นายประจิตร์ นุ่นหอม อายุ 22 ปี
56.น.ส.สายใจ มณีอุปถัมภ์ อายุ 39 ปี
57.นายอดิลักษณ์ อนุชาติ อายุ 34 ปี
58.นายคำรณย์ อู้สกุลวัฒนา อายุ 22 ปี
59.นายธัชชัย ทองจิตร อายุ 40 ปี
60.นายนพดล ขาวเรือง อายุ 30 ปี
61.นายวีระศักดิ์ บรรจงช่วย อายุ 43 ปี
62.นายรอย บุญนิล อายุ 67 ปี
63.นายสุนทร รักษายศ อายุ 42 ปี
64.นายประสิทธิ์ มากแก้ว อายุ 40 ปี
65.นายพรชัย บรรจงช่วย อายุ 40 ปี
66.นายคมชิต พุฒดำ อายุ 35 ปี
67.นายสมพงศ์ สารมาศ อายุ 45 ปี
68.นายณรงค์ บัวใหญ่ อายุ 28 ปี
69.นายเดโช มะลิลา อายุ 34 ปี
70.นายกะวี ยิ้มละไม อายุ 40 ปี
71.น.ส.วรรณวิมล แพสุวรรณ์ อายุ 23 ปี
72.นายประดิษฐ์ คงช่วย อายุ 40 ปี
73.นายวุฒธิไกร สังข์แก้ว อายุ 30 ปี
74.นายวิเชษฐ์ คงจันทร์ อายุ 33 ปี
75.นายอำไพ สิริชยานนท์ อายุ 46 ปี
76.นายสมเกียรติ ดวงมณี อายุ 18 ปี
77.นายสุริยา สกุณา อายุ 36 ปี
78.นายสุนทร สุวรรณ อายุ 32 ปี
79.นายสุเทพ สุวรรณ อายุ 38 ปี
80.นายวิชัย อินทร์พรหม อายุ 38 ปี
81.นายวันชัย รักษายศ อายุ 24 ปี
82.นายไพศาล สุขแก้ว อายุ 37 ปี
83.นายธนพล แก้วเชิด อายุ 38 ปี
84.นายสุธี จันทวงศ์ อายุ 19 ปี
85.นายสมเกียรติ หนูใหญ่ อายุ 32 ปี