WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, September 4, 2008

นักวิชาการตามจี้‘อนุพงษ์’สันติวิธีแต่ต้องยึดหลักก.ม.

“นักวิชาการ” ดาหน้าจี้ “อนุพงษ์” เร่งบังคับใช้กฎหมายจัดการปัญหาในบ้านเมือง ระบุเห็นด้วยกับแนวทางสันติวิธี แต่ต้องใช้หลักนิติรัฐและนิติธรรมควบคู่กันไป ขณะที่บางความเห็นยังเชื่อ ผบ.ทบ. จะสะสางปัญหา ผลักดันม็อบชั่วออกจากพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลได้ ฝากการบ้านอยากเห็นบ้านเมืองเป็นอย่างไรก็ทำอย่างนั้น แต่ต้องให้ความเป็นธรรมและเสมอภาคกับทุกฝ่าย

หลังจากรัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อยุติปัญหาความไม่สงบเรียบร้อย อันสืบเนื่องมาจากการชุมนุมป่วนเมืองของกลุ่มพันธมิตรทำลายประชาธิปไตย และยังคงมีความเป็นห่วงกันอยู่ว่าท่าทีของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีม ซึ่งออกมาแถลงข่าวระบุว่า เน้นการเจรจาทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย จะสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแกนนำพันธมิตรฯ ได้ออกมาปิดประตูการเจรจาเอาไว้อย่างสิ้นเชิง นั้น

รศ.ดร.อรทัย ก๊กผล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ใช่เครื่องการันตีสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะเป็นไปในทิศทางใดได้ เพราะหลังจากประกาศไปแล้วก็ยังไม่พบความรุนแรงอีก แต่คาดว่าการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้นเพื่อต้องการนำไปสู่การจัดการกับกลุ่มพันธมิตรฯ หากเกิดเหตุรุนแรงอีกครั้งและเชื่อว่าที่รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะนำไปสู่การจัดการเอาพันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบได้

ด้านรศ.ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงหน้าที่ของพล.อ.อนุพงษ์ ที่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินว่า ในเมื่อความรับผิดชอบอยู่ในมือแล้ว ถ้าพล.อ.อนุพงษ์ ไม่ทำก็ไม่ได้ ส่วนมาตรการที่ออกมาถ้าทุกฝ่ายไม่ปฏิบัติตาม ก็ต้องมาถามต่อกันแล้วว่าต้องการให้บ้านเมืองเป็นอย่างไร จะปล่อยให้เหตุการณ์เหล่านี้ดำเนินต่อไปหรือไม่

“ขึ้นอยู่กับสังคมจะออกมาแสดงท่าทีทั้งกดดันพล.อ.อนุพงษ์และผลักดันให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป อยากให้ประเทศอยู่ในสภาพอย่างนี้ต่อไปหรือเปล่า และก็ต้องขึ้นอยู่กับพล.อ.อนุพงษ์ด้วยว่าอยากให้เป็นอย่างไร ที่พล.อ.อนุพงษ์ยังไม่ทำอะไร ก็เพราะอาจจะรอดูให้มีกลุ่มผู้ชุมนุมจากทั่วประเทศมาชุมนุมกดดันก่อนแล้วจึงค่อยทำงาน” รศ.ดร.ไชยวัฒน์ กล่าว

ผศ.ดร.ตระกูล มีชัย อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ประกาศใช้ในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ฟ้องว่าเป็นการยุติปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ได้ประกาศเพื่อจบปัญหาความขัดแย้ง เพราะการขัดแย้งดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติอย่างเหตุการณ์ทางภาคใต้ แต่เป็นความขัดแย้งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา

ส่วนในสายตาของนักวิชาการด้านกฎหมายอย่าง รศ.ดร.ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช อาจารย์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็มองว่าต้องการให้พล.อ.อนุพงษ์ใช้หลักนิติรัฐและนิติธรรมควบคู่กันไป พ.ร.ก.ฉุกเฉินถือว่าเป็นยาแรงแต่คนที่นำมาใช้ไม่กล้าใช้ เพราะกลัวว่าประชาชนจะกล่าวหาหรือด่าว่าไปทำร้ายประชาชน ซึ่งจากนี้ต่อไปเชื่อได้ว่าจะส่งผลระยะยาวต่อ Rule of Law ของประเทศเสียหายต่อไปในอนาคต

ทาง รศ.ดร.วรพล พรหมิกบุตร อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชื่อว่าการดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะเป็นไปตามทิศทางที่ พล.อ.อนุพงษ์ แถลงเมื่อวันที่ 2 กันยายน อย่างแน่นอน และไม่เชื่อว่ามาตรการที่พล.อ.อนุพงษ์ แถลงจะอ่อนแอตามที่หลายฝ่ายกังวลกัน แต่เห็นว่าเป็นมาตรการที่เป็นกลางและเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายที่ขัดแย้งกัน คือไม่ใช่ทั้งส่งสัญญาณว่าจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้ความรุนแรงปราบปรามกลุ่มชุมนุม

“การดำเนินการต่างๆ ในขณะนี้เป็นไปอย่างสันติวิธี หากถามว่าทำไมการประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน มีกลุ่มผู้ต้องการแสดงความคิดต่อเรื่องดังกล่าวออกมา 2 ลักษณะ 1. กลุ่มที่ต้องการให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็มีทั้งนักวิชาการที่อ้างว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ กลุ่ม NGO กลุ่มประชาชนที่อ้างตัวเองว่าเป็นกลาง 2. มวลชนที่สนับสนุนให้มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่าง นปช. ก็ต้องการให้รัฐบาลจับกุม ปราบปรามโดยเร่งด่วน นั่นหมายความว่าต้องการให้ใช้อาวุธในการปราบชุมนุม”
อย่างไรก็ตาม ถ้านายกรัฐมนตรี ผบ.ทบ. ผบ.ตร. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอ่อนแอทั้งหมด ไม่ว่าจะดำเนินการยกเลิกหรือสั่งการให้ใช้กำลังเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมถือว่าอ่อนแอทันที เพราะโน้มเอียงและทำตามเสียงจากกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ขณะนี้ถือว่ายังเข้มแข็งอยู่ เพราะการดำเนินการที่ผ่านมาจนถึง ณ ขณะนี้ทำงานอย่างสันติวิธี ไม่ใช้กำลังเข้าแก้ไขสถานการณ์และไม่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

พร้อมกันนี้ รศ.ดร.วรพล ยังได้กล่าวถึงท่าทีที่แสดงออกมาขณะนี้ของ พล.อ.อนุพงษ์ ว่ามีลักษณะที่เหมาะสมและเข้มแข็ง คาดว่าจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้โดยการอดทน พร้อมกับชื่นชมในความรับผิดชอบตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ได้แถลงเมื่อวันที่ 2 กันยายน ว่าเป็นท่าทีที่ต้องสนับสนุนการทำงานในเรื่องดังกล่าว

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เห็นด้วยกับท่าทีของพล.อ.อนุพงษ์ ซึ่งออกมาประกาศจุดยืนและแนวทางที่แถลงต่อสื่อมวลชน ซึ่งได้สอดคล้องกับหลักเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรีและของรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี แต่สิ่งสำคัญที่ผบ.ทบจะลืมเสียไม่ได้คือ การที่ทางรัฐบาลตัดสินใจให้มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อต้องการแก้ไขสถานการณ์ที่กำลังทวีความรุนแรง และต้องการลดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย

ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดนอกจากแนวทางเจรจาโดยสันติ สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบอำนาจนั้นต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์หลักนั่นคือ การบังคับใช้กฎหมายอีกด้วย หากยังคงเพิกเฉยไม่ปฏิบัติหรือบังคับใช้กฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์แล้วนั้น เท่ากับเป็นการแสดงให้เห็นว่าบ้านเมืองมีปัญหากับหลักนิติธรรม เมื่อมีปัญหากับหลักนิติธรรมเท่ากับมีปัญหากับระบอบประชาธิปไตย

ซึ่งบ้านเมืองที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยนั้นคือ การที่ทุกคนอยู่ร่วมกันด้วยความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทุกฝ่าย โดยมีกฎหมายเป็นเครื่องมือสำคัญชิ้นหนึ่ง ในการทำหน้าที่ให้ประชาชนเท่าเทียมกัน

นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน แกนนำกลุ่มมหาประชาชนพิทักษ์ประชาธิปไตย กล่าวถึงการที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ปฏิบัติตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่มีการประกาศใช้ว่า เรื่องการดำเนินการกับพันธมิตรฯจะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งในส่วนของกลุ่มนั้นจะไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น จะยึดทางสายกลาง เพราะยังเชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาได้